พบผลลัพธ์ทั้งหมด 430 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่านาเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ผู้รับโอนต้องรับสิทธิและหน้าที่เดิม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 และตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 29 สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือการเช่านาย่อมไม่ระงับไป เพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินหรือนาที่ให้เช่า ผู้รับโอนจะต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า
จำเลยที่ 1 โอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 โอนนาให้จำเลยที่ 3 ต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งการขายให้แก่โจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เช่านาทราบ จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่จะต้องขายนาให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามสิทธิที่โจทก์ที่ 2 มีอยู่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 เมื่อจำเลยที่ 2 โอนกรรมสิทธิ์ในที่นาต่อไปให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับโอนย่อมจะต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งจำเลยที่ 2 มีอยู่ต่อผู้เช่านาคือโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิที่จะซื้อนาจากจำเลยที่ 3 ตามราคาและวิธีการชำระเงินที่จำเลยที่ 2 ซื้อไว้ได้
จำเลยที่ 1 โอนขายนาให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 โอนนาให้จำเลยที่ 3 ต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้แจ้งการขายให้แก่โจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เช่านาทราบ จำเลยที่ 2 จึงมีหน้าที่จะต้องขายนาให้แก่โจทก์ที่ 2 ตามสิทธิที่โจทก์ที่ 2 มีอยู่ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 41 เมื่อจำเลยที่ 2 โอนกรรมสิทธิ์ในที่นาต่อไปให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับโอนย่อมจะต้องรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ซึ่งจำเลยที่ 2 มีอยู่ต่อผู้เช่านาคือโจทก์ที่ 2 โจทก์ที่ 2 จึงมีสิทธิที่จะซื้อนาจากจำเลยที่ 3 ตามราคาและวิธีการชำระเงินที่จำเลยที่ 2 ซื้อไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3366/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาหมั้น ค่าทดแทนความเสียหายต่อชื่อเสียงและอาชีพ พิจารณาจากฐานะครอบครัวและประเพณี
จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกให้จำเลยรับผิดใช้ค่าทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1439,1440
การกำหนดค่าทดแทนความเสียหายต่อกายและชื่อเสียงของโจทก์นั้นต้องพิเคราะห์ถึงการศึกษาอาชีพและรายได้ของโจทก์ฐานะของครอบครัวของโจทก์และการที่โจทก์เป็นหญิงมาอยู่กินกับจำเลยจน มีบุตรแต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสทำให้โจทก์ได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงทั้งเป็นการยากที่จะทำการสมรสใหม่
ก่อนรับหมั้นจำเลย โจทก์ทำงานอยู่บริษัทฯ เมื่อแต่งงานแล้วโจทก์ได้ลาออกจากงานเพื่อมาช่วยงานบ้านจำเลยถือได้ว่าโจทก์ได้จัดการเกี่ยวกับอาชีพโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสเมื่อจำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าทดแทนความเสียหายส่วนนี้ได้แต่ต่อมาโจทก์ได้เข้าทำงานใหม่แม้จะลาออกจากงานอีกครั้งหนึ่งก็มิใช่ด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสเพราะในระยะนั้นทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่อาจจะจดทะเบียนสมรสกันได้แน่นอน โจทก์จึงเรียกไม่ได้
การกำหนดค่าทดแทนความเสียหายต่อกายและชื่อเสียงของโจทก์นั้นต้องพิเคราะห์ถึงการศึกษาอาชีพและรายได้ของโจทก์ฐานะของครอบครัวของโจทก์และการที่โจทก์เป็นหญิงมาอยู่กินกับจำเลยจน มีบุตรแต่จำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสทำให้โจทก์ได้รับความอับอายเสียชื่อเสียงทั้งเป็นการยากที่จะทำการสมรสใหม่
ก่อนรับหมั้นจำเลย โจทก์ทำงานอยู่บริษัทฯ เมื่อแต่งงานแล้วโจทก์ได้ลาออกจากงานเพื่อมาช่วยงานบ้านจำเลยถือได้ว่าโจทก์ได้จัดการเกี่ยวกับอาชีพโดยสมควรด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสเมื่อจำเลยไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกค่าทดแทนความเสียหายส่วนนี้ได้แต่ต่อมาโจทก์ได้เข้าทำงานใหม่แม้จะลาออกจากงานอีกครั้งหนึ่งก็มิใช่ด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการสมรสเพราะในระยะนั้นทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนเป็นที่เห็นได้ว่าไม่อาจจะจดทะเบียนสมรสกันได้แน่นอน โจทก์จึงเรียกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไล่เบี้ยหนี้จากการซื้อขายเครื่องพิมพ์ที่ถูกยึดคืนจากสัญญาเช่าซื้อ: อายุความ 10 ปี หรือ 3 เดือน
จำเลยซื้อเครื่องพิมพ์จากบริษัท ส. แล้วนำมาขายให้โจทก์ โจทก์นำเครื่องพิมพ์ดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนเครื่องตัดกระดาษลกับบริษัทอ.เครื่องพิมพ์ดังกล่าวบริษัทส. เช่าซื้อจาก บริษัท ก. แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อบริษัท ก. ฟ้องเรียกเครื่องพิมพ์คืนและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องพิมพ์คืนจากบริษัท อ.บริษัทอ. จึงฟ้องเรียกค่าเครื่องพิมพ์จากโจทก์ ศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ให้ชดใช้ราคาเครื่องพิมพ์เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ย ไม่ใช่ให้รับผิดเพื่อการรอนสิทธิต้องนำอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาใช้บังคับ จะนำอายุความ 3 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3325/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไล่เบี้ยจากการชำระหนี้แทนและการไม่ขาดอายุความฟ้องร้อง
จำเลยซื้อเครื่องพิมพ์จากบริษัท ส. แล้วนำมาขายให้โจทก์ โจทก์นำเครื่องพิมพ์ดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนเครื่องตัดกระดาษลกับบริษัท อ. เครื่องพิมพ์ดังกล่าวบริษัท ส. เช่าซื้อจาก บริษัท ก. แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อบริษัท ก. ฟ้องเรียกเครื่องพิมพ์คืนและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเครื่องพิมพ์คืนจากบริษัท อ. บริษัท อ. จึงฟ้องเรียกค่าเครื่องพิมพ์จากโจทก์ ศาลพิพากษาให้โจทก์ชำระการที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ให้ชดใช้ราคาเครื่องพิมพ์เป็นการฟ้องเพื่อใช้สิทธิไล่เบี้ย ไม่ใช่ให้รับผิดเพื่อการรอนสิทธิต้องนำอายุความ10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 มาใช้บังคับจะนำอายุความ 3 เดือนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 481มาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3237/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การกระทำที่แสดงเจตนาช่วยเหลือและแบ่งหน้าที่ชัดเจนทำให้ผู้ขับรถมีความผิด
จำเลยมีอาชีพขับรถรับจ้างได้ร่วมมากับคนร้ายตั้งแต่ตอนกลางวันคนร้ายขับรถของจำเลยไปรับพวกอีกหลายคน แล้วพากันมายังบ้านผู้เสียหายในตอนเย็น คนร้ายสั่งให้จำเลยกลับรถเตรียมรอไว้ เมื่อคนในบ้านผู้เสียหายวิ่งหนีออกไปแจ้งกำนันแล้ว จำเลยจึงขับรถออกมา ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยร่วมกับคนร้ายปล้นทรัพย์ผู้เสียหายโดยแบ่งหน้าที่กันทำ รถยนต์ของกลางใช้เป็นพาหนะมายังบ้านผู้เสียหายและเพื่อจะใช้หลบหนีให้พ้นจากการจับกุมจึงต้องริบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3229/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาซื้อขายที่ดินตามสัญญา แม้เนื้อที่ประมาณการ สิทธิบังคับตามสัญญาชอบธรรมเมื่อมีข้อมูลรังวัดจริง
เมื่อตามสัญญาจะซื้อขายและแผนที่สังเขปท้ายสัญญา แสดงให้เห็นเจตนาว่าตกลงจะซื้อขายที่ดินด้านทิศใต้ของถนนที่ตัดผ่านทั้งหมด จำนวนเนื้อที่ดินที่ลงไว้ในสัญญาเป็นแต่คาดหรือประมาณว่าเมื่อถนนตัดผ่านจะมีจำนวนเท่าใดแม้ผู้ขายโอนที่ดิน 8 ไร่ โดยใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดไปแล้ว แต่เมื่อปรากฏจากการรังวัดแบ่งแยกโฉนดว่าที่ดินด้านทิศใต้ของถนนมี 11 ไร่เศษ ผู้ซื้อจึงชอบที่จะฟ้องบังคับผู้ขายโอนขายที่ดินให้ครบตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3229/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดิน: เจตนาซื้อขายที่ดินทั้งหมดด้านทิศใต้ของถนน แม้จะยังไม่ทราบเนื้อที่แน่นอน
เมื่อตามสัญญาจะซื้อขายและแผนที่สังเขปท้ายสัญญาแสดงให้เห็นเจตนาว่าตกลงจะซื้อขายที่ดินด้านทิศใต้ของถนนที่ตัดผ่านทั้งหมด จำนวนเนื้อที่ดินที่ลงไว้ในสัญญาเป็นแต่คาดหรือประมาณว่าเมื่อถนนตัดผ่านจะมีจำนวนเท่าใดแม้ผู้ขายโอนที่ดิน 8 ไร่ โดยใส่ชื่อผู้ซื้อในโฉนดไปแล้ว แต่เมื่อปรากฏจากการรังวัดแบ่งแยกโฉนดว่าที่ดินด้านทิศใต้ของถนนมี 11 ไร่เศษ ผู้ซื้อจึงชอบที่จะฟ้องบังคับผู้ขายโอนขายที่ดินให้ครบตามสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของจังหวัด: กรมป่าไม้เป็นผู้เสียหายจากการทุจริตยักยอกเงินของสำนักงานป่าไม้จังหวัด
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการและกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการส่วนจังหวัดหาได้ให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเป็นผู้ดำเนินการแทนหน่วยราชการในส่วนกลางที่เป็นผู้เสียหายไม่ดังนั้นเมื่อมีผู้ทุจริตยักยอกเงินค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้านค่าภาคหลวงและเงินมัดจำเพื่อตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวงของสำนักงานป่าไม้จังหวัดลำพูน เงินค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้านและค่าภาคหลวงเป็นเงินในงบประมาณของกรมป่าไม้ส่วนเงินวางมัดจำแม้จะเป็นเงินนอกงบประมาณ แต่ก็เป็นเงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานในสังกัดของกรมป่าไม้ กรมป่าไม้จึงเป็นผู้เสียหายที่จะฟ้องเรียกเงินคืนจังหวัดลำพูนโดยผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3214/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของจังหวัด: กรมป่าไม้เป็นผู้เสียหายจากการทุจริตยักยอกเงินของสำนักงานป่าไม้จังหวัด
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ลงวันที่ 29 กันยายน2515 เป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบบริหารราชการและกำหนดอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดในการบริหารราชการส่วนจังหวัดหาได้ให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะเป็นผู้ดำเนินการแทนหน่วยราชการในส่วนกลางที่เป็นผู้เสียหายไม่ดังนั้นเมื่อมีผู้ทุจริตยักยอกเงินค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้านค่าภาคหลวงและเงินมัดจำเพื่อตรวจวัดตีตราค่าภาคหลวงของสำนักงานป่าไม้จังหวัดลำพูน เงินค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้านและค่าภาคหลวงเป็นเงินในงบประมาณของกรมป่าไม้ส่วนเงินวางมัดจำแม้จะเป็นเงินนอกงบประมาณ แต่ก็เป็นเงินที่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานในสังกัดของกรมป่าไม้ กรมป่าไม้จึงเป็นผู้เสียหายที่จะฟ้องเรียกเงินคืนจังหวัดลำพูนโดยผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้โรงเรือนเป็นที่ทำการธนาคารพาณิชย์ ไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้นภาษีโรงเรือนตามมาตรา 10
โจทก์ใช้โรงเรือนพิพาทเป็นที่ทำการธนาคารสาขาของโจทก์ทำการรับฝากเงินให้กู้เงิน ซื้อขายตั๋วแลกเงินเงินตราต่างประเทศ และทำกิจการอื่น ๆ อันเป็นกิจการของธนาคารพาณิชย์ ถือไม่ได้ว่าโจทก์อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษา ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช 2475 โจทก์จึงไม่ได้รับงดเว้นไม่ต้อง เสียภาษีโรงเรือนตามความในมาตราดังกล่าว
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2525)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2525)