คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประสาท บุณยรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 430 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3041/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตประเด็นข้อพิพาท: การสิ้นสุดสัญญาค่านายหน้าเนื่องจากข้อตกลงเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขราคา
การที่จำเลยพูดบอกโจทก์ในขณะพาผู้ซื้อมาตกลงราคากับจำเลยว่า ถ้าขายในราคาที่ผู้ซื้อต่อไม่ใช่ราคาที่บอกขาย จำเลยไม่ให้ค่านายหน้า โจทก์ไม่คัดค้าน ศาลวินิจฉัยว่าสัญญาให้ค่านายหน้าเป็นอันสิ้นสุดยกเลิกกันนั้น เป็นการที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่รวมอยู่ในประเด็นที่ศาลกำหนดไว้ว่า จำเลยตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขายที่ดินของจำเลย โดยคิดค่านายหน้าให้หรือไม่ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2973/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งรายการค่าใช้จ่ายเลือกตั้งเป็นเท็จ ต้องมีหลักฐานสนับสนุนการกระทำความผิด โจทก์มีหน้าที่นำสืบพยาน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 34, 87 แต่ตามคำบรรยายฟ้องเป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยซึ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเท็จ และยืนยันความจริงว่าจำเลยมิได้ใช้จ่ายไปตามรายการที่แจ้งไว้เลย เพราะจำเลยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมาแสดงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตามที่กฎหมายบังคับ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในฐานที่จำเลยยื่นรายการค่าใช้จ่ายเป็นเท็จเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมรับว่ารายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ยื่นนั้นเป็นเท็จและโจทก์ไม่นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงไม่พอฟังว่ารายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จำเลยยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเป็นเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2973/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งรายการค่าใช้จ่ายเลือกตั้งเป็นเท็จ – โจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่ารายการเป็นเท็จ ศาลยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 34, 87แต่ตามคำบรรยายฟ้องเป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยซึ่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นเท็จ และยืนยันความจริงว่าจำเลยมิได้ใช้จ่ายไปตามรายการที่แจ้งไว้เลยเพราะจำเลยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินมาแสดงต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตามที่กฎหมายบังคับ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มุ่งประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยในฐานที่จำเลยยื่นรายการค่าใช้จ่ายเป็นเท็จเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมรับว่ารายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ยื่นนั้นเป็นเท็จ และโจทก์ไม่นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงไม่พอฟังว่ารายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จำเลยยื่นต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเป็นเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าช่วง/เช่าต่อ การเสนอเอกสารสัญญาไม่ครบถ้วน และการอ้างเอกสารพยานหลักฐาน
หากจำเลยจะโต้แย้ง ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบโดยโจทก์แนบเอกสารสัญญาที่อ้างถึงในคำฟ้องเฉพาะบางส่วนของสัญญาเท่านั้นจึงต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณา และให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 27 จำเลยก็ต้องยกขึ้นคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ส่วนการส่งสำเนาพยานเอกสารนั้นเนื่องจากโจทก์อ้างเอกสารซึ่งมิได้อยู่ที่โจทก์ โจทก์จึงขอคำสั่งเรียกโดยไม่ส่งสำเนาให้จำเลย แต่แม้จะวินิจฉัยให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยว่าเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
แม้ผู้ให้เช่าเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าไม่ได้ เพราะจำเลยซึ่งอยู่ในที่เช่ามาก่อนไม่ยอมออกไป และทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่จำเลยโดยลำพัง แต่โจทก์ก็ได้ใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. ม.549 ประกอบด้วย ม.477 ขอให้ศาลเรียกผู้ร้องสอดซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ตาม ป.ว.พ. ม.57(3) แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย เพราะอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าโดยละเมิด มิใช่ฐานะที่จำเลยเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์ จึงไม่อยู่ในบังคับตาม ป.พ.พ. ม.538 ที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายเนื่องจากคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามสัญญา และการคืนเงินค่าที่ดิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาท โจทก์เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลย ถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษ ไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดิน จำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึงเป็นการที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่ากับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขาย: การกระทำที่แสดงเจตนาเลิกสัญญาของทั้งสองฝ่ายและผลกระทบทางกฎหมาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาทเมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาทโจทก์ก็เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลยถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดินจำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึง เป็น การที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่า กับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญา ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ซื้อสุจริตจากการขายทอดตลาด: คุ้มครองแม้เจ้าของที่แท้จริงพิสูจน์ได้ภายหลัง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสีย สิทธิไปถ้า จำเลยที่ 2 สุจริต โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้นโจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่า เป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แท้จริง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองสิทธิผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดโดยสุจริต แม้ผู้ขายไม่มีสิทธิในทรัพย์สิน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของศาลโดยสุจริต แม้ภายหลังโจทก์ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง จะขอนำสืบพิสูจน์ว่าที่ดินพิพาทมิใช่ของจำเลยที่ 3 ก็ไม่อาจทำให้จำเลยที่ 2 ผู้ซื้อทรัพย์นั้นเสียสิทธิไปถ้าจำเลยที่ 2 สุจริต โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ไม่สุจริตอย่างไร ดังนั้น โจทก์ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่แจ้ง จะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาที่ดินพิพาท หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2880/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวความผิดต่อเนื่อง: ข่มขืนกระทำชำเราหลายวาระ ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยที่ 2 กับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราหญิงเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2521 แล้วจำเลยที่ 2 กับพวกยังควบคุมตัวผู้เสียหายไว้ตลอดเวลามิได้ปล่อยให้เป็นอิสระ แม้จำเลยที่ 2 จะได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายต่ออีกในคืนวันที่ 4 ติดต่อกับคืนวันที่ 5 มกราคม 2521 ก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากเจตนาเดิม เป็นความผิดกรรมเดียวโจทก์ฟ้องซ้ำคดีเดิมไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรม: การแบ่งที่ดินตามพินัยกรรมต้องเป็นไปตามอาณาเขตและเนื้อที่จริง แม้พินัยกรรมระบุเนื้อที่เกินจริง
เมื่อพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองระบุชัดแจ้งว่าผู้ใดได้ที่ดินที่ตรงไหน อย่างไรการแบ่งที่ดินก็ย่อมต้องแบ่งไปตามที่ระบุในพินัยกรรม การที่จำนวนเนื้อที่ดินตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรมมีมากกว่าจำนวนเนื้อที่ดินที่แท้จริง ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งจำนวนเนื้อที่ย่อมได้รับลดน้อยลงไป จะถือเอาตามจำนวนที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่ ฝ่ายที่ได้รับส่วนแบ่งโดยระบุอาณาเขตไม่ระบุเนื้อที่ก็ย่อมต้องได้ตามอาณาเขตที่ระบุในพินัยกรรม จะนำพยานบุคคลมาสืบพิสูจน์เจตนาผู้ทำพินัยกรรมให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ระบุไว้ในพินัยกรรมหาได้ไม่
of 43