คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 39

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลต้องรอฟังข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญา และนำเข้าสำนวนคดีแพ่ง จึงจะพิพากษาได้
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ซึ่งในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้นหากศาลเห็นสมควรงดการพิจารณาคดีแพ่งไว้รอฟังข้อเท็จจริงที่จะปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ศาลก็จำต้องจดรายงานกระบวนพิจารณาให้ปรากฏข้อความโดยชัดแจ้งเช่นนั้น ต่อเมื่อมีคำพิพากษาคดีส่วนอาญาแล้วจึงจะหยิบยกคดีแพ่งขึ้นมาพิจารณาต่อไป โดยให้มีข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเข้ามาสู่สำนวนความคดีแพ่งด้วย (โดยวิธีนำสืบพยานหลักฐานหรือคู่ความรับกัน) ศาลจะสั่งงดสืบพยานและพิพากษาคดีโดยไม่มีข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีส่วนอาญาเข้ามาในสำนวนหาชอบไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการพิจารณาคดีล้มละลาย ไม่จำเป็นต้องรอฟังคดีอาญาเสมอไป
การที่จะรอฟังคดีอาญาหรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาล ไม่จำเป็นต้องรอฟังเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1198/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลในการพิจารณาคดีล้มละลาย ไม่จำเป็นต้องรอฟังคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง
การที่จะรอฟังคดีอาญาหรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาลไม่จำเป็นต้องรอฟังเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการพิจารณาคดีแพ่งรอผลคดีอาญา กรณีประเด็นข้อเท็จจริงในคดีทั้งสองสอดคล้องกัน
เมื่อประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งเป็นอย่างเดียวกับปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในคดีส่วนอาญา ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งชอบที่จะงดการพิจารณาคดีแพ่งไว้รอฟังข้อเท็จจริงที่จะปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 มุ่งหมายให้ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งรอฟังผลของคดีส่วนอาญาก่อน แล้วจึงพิพากษาคดีส่วนแพ่งไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการพิจารณาคดีแพ่งรอผลคดีอาญาเมื่อประเด็นข้อเท็จจริงเป็นเดียวกัน
เมื่อประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งเป็นอย่างเดียวกับปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในคดีส่วนอาญา ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งชอบที่จะงดการพิจารณาคดีแพ่งไว้รอฟังข้อเท็จจริงที่จะปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 มุ่งหมายให้ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งรอฟังผลของคดีส่วนอาญาก่อน แล้วจึงพิพากษาคดีส่วนแพ่งไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และอ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาคดีแพ่งโดยไม่รอคดีอาญา
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม
จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควรก็ขอให้รอการพิจารณาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุดเมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นเพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาและเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้วการอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อต่อสู้และขออ้างพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และการพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องในชั้นฎีกาว่า ลายมือชื่อในเอกสารปลอม จำเลยได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควร ก็ขอให้รอการพิพากษาไว้จนกว่าคดีอาญาถึงที่สุด เมื่อทางพิจารณาควรฟังเป็นยุติได้แล้ว ศาลฎีกาก็พิพากษาคดีไปโดยไม่รอคดีอาญาตามคำร้องจำเลย
จำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอปฏิเสธและขอบอกเลิกเพิกถอนคำแถลงด้วยวาจาและเอกสารของทนายจำเลยคนแรก และให้ถือตามข้อต่อสู้เดิมแต่ในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้น เพิ่งจะร้องขอเปลี่ยนแปลงประเด็นในชั้นอุทธรณ์ ย่อมไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา และเมื่อศาลฎีกาสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเพิกถอนคำแถลงการณ์ด้วยวาจาและเอกสารของทนายคนแรกของจำเลยแล้ว การอ้างพยานเพิ่มเติมตามคำร้องนี้ก็ไม่จำเป็นแก่คดีต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาและการเลื่อนนัดเมื่อผู้ร้องป่วย ศาลต้องพิจารณาเหตุผลและไม่ตัดโอกาสผู้ร้อง
ผู้ร้องตั้งผู้รับมอบอำนาจมาขอถอนคำร้องไม่ดำเนินคดีต่อไปได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องป่วยมาศาลไม่ได้ ผู้คัดค้านก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใด เช่นนี้ จะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม ม.201 ไม่ได้ และอาศัย ม.39 ศาลจะให้เลื่อนการพิจารณาไปก็ได้
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใด ๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์
(อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากป่วย และการโต้แย้งคำสั่งศาลที่จำกัดสิทธิในการดำเนินคดี
ผู้ร้องตั้งผู้รับมอบอำนาจมาขอถอนคำร้องไม่ดำเนินคดีต่อไปได้อ้างเหตุว่าผู้ร้องป่วยมาศาลไม่ได้ ผู้คัดค้านก็มิได้โต้แย้งคัดค้านประการใด เช่นนี้ จะถือว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาตาม มาตรา 201 ไม่ได้ และอาศัย มาตรา 39 ศาลจะให้เลื่อนการพิจารณาไปก็ได้
ผู้ร้องมิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น เพราะศาลชั้นต้นได้สั่งห้ามไม่ยอมรับคำร้อง คำแถลงใดๆ ของผู้ร้อง จนทำให้ผู้ร้องไม่โต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นไม่เป็นการต้องห้ามมิให้ผู้ร้องยกขึ้นเป็นข้ออุทธรณ์ (อ้างฎีกาที่ 1587/2494 และ297/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้อนเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน ศาลต้องรอฟังผลคดีเดิมก่อนเพื่อความชัดเจนในอำนาจฟ้อง
อัยการเป็นโจทก์ฟ้องนางจีนร่วมกับจำเลยแทนผู้เยาว์ ในคดีดำที่ 99/2494 แล้ว ต่อมานายสมจิตบิดาผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องฉะเพาะจำเลยแทนผู้เยาว์อีกคดีหนึ่งทั้งทรัพย์พิพาทและพยานหลักฐานก็อย่างเดียวกัน แต่อ้างว่าอัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนผู้เยาว์ ในคดีดำที่ 99/2494 มีอำนาจฟ้องเฉพาะนางจีนผู้บุพการีของผู้เยาว์เท่านั้น ดังนี้การชี้ขาดตัดสินคดีเรื่องนี้จำต้องรอฟัง คำชี้ขาดตัดสินในคดีดำที่ 99/2494 นั้นก่อนตาม ป.วิ.แพ่ง ม.39
of 6