คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพศาล สว่างเนตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 728 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้มีการฝ่าฝืนข้อบังคับ แต่ไม่มีเจตนาทุจริต
แม้ตามข้อบังคับของนายจ้างจะกำหนดว่า ลูกจ้างจะเบิกเงินค่าทำ หมันได้ก็ต่อเมื่อภริยาของลูกจ้างได้รับการผ่าตัดทำหมัน แล้ว ก็ตามแต่ การ ที่ ก่อน ลูกจ้าง จะ เบิก เงิน ค่า ทำหมันภริยาของลูกจ้าง มีความตั้งใจ ที่จะทำหมันและได้จ่ายเงินค่าทำหมันไปแล้วเหตุที่ ยังไม่ทำหมันในทันที เนื่องจากเจ็บป่วย ต่อมาหลังจากคลอดบุตรแล้ว แพทย์ก็ได้ทำหมันให้โดยถือเอาหลักฐานการชำระค่าทำหมันเดิม ที่ได้ชำระเงินไว้แล้ว ทั้งนายจ้างก็มิได้จ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างเกินไป จากที่ควรจะต้องจ่าย จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำที่ทุจริตต่อหน้าที่ และประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ดังนี้ เมื่อนายจ้างไล่ลูกจ้างออกจากงาน จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและการพิจารณาค่าชดเชย: การกระทำที่ไม่เข้าข่ายละเมิดและอำนาจศาลแรงงาน
แม้การลงหมายเลขสมาชิกสหกรณ์ในใบเสร็จรับเงินสด จะมีผลให้พี่สาวโจทก์เจ้าของหมายเลขสมาชิกได้รับเงินปันผล หรือเงินเฉลี่ยคืนแต่เงินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินของบริษัทจำเลยบริษัทจำเลยไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินนี้เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์ ของที่ซื้อจากร้านสหกรณ์ก็ได้นำไปใช้ในบริษัทจำเลยทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดนำไปใช้ส่วนตัวทั้งมีราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปไม่ทำให้ บริษัทจำเลยเสียหายจากการซื้อสินค้านั้นดังนั้นการที่บริษัทจำเลย ให้โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุดังกล่าวจึงเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดเป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม การที่นายจ้างเลิกจ้างนั้นหาเป็นการละเมิดตามกฎหมายไม่หากแต่เป็นสิทธิของนายจ้างที่จะกระทำได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 การกระทำละเมิด อันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแรงงานนั้นต้องสืบเนื่อง มาจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน คดีนี้ไม่ ปรากฏว่าจำเลยกระทำการอย่างใดอันจะเป็นการละเมิดเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ฉะนั้นศาลแรงงานกลางจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามมาตรา 8(5) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ จำเลยอุทธรณ์เรื่องจำนวนค่าชดเชยว่าคำนวณไม่ถูกต้องข้ออุทธรณ์นี้จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีไว้แล้วและศาลก็ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาท ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าชดเชยหรือไม่เพียงใด แต่ศาลแรงงานกลาง มิได้หยิบยกขึ้นพิจารณาและการคำนวณค่าชดเชยนั้นยังโต้เถียงกันอยู่ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้แล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม การละเมิดสิทธิลูกจ้าง และการคำนวณค่าชดเชย
แม้การลงหมายเลขสมาชิกสหกรณ์ในใบเสร็จรับเงินสด จะมีผลให้พี่สาวโจทก์เจ้าของหมายเลขสมาชิกได้รับเงินปันผล หรือเงินเฉลี่ยคืน แต่เงินดังกล่าวไม่ใช่ทรัพย์สินของบริษัทจำเลย บริษัทจำเลยไม่มีสิทธิที่จะได้รับเงินนี้ เพราะไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์ ของที่ซื้อจากร้านสหกรณ์ก็ได้นำไปใช้ในบริษัทจำเลยทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดนำไปใช้ส่วนตัว ทั้งมีราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปไม่ทำให้ บริษัทจำเลยเสียหายจากการซื้อสินค้านั้น ดังนั้น การที่บริษัทจำเลย ให้โจทก์ออกจากงานเพราะเหตุดังกล่าวจึงเป็นการเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิด เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม
การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างนั้นหาเป็นการละเมิดตามกฎหมายไม่ หากแต่เป็นสิทธิของนายจ้างที่จะกระทำได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 การกระทำละเมิดอันจะอยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลแรงงานนั้นต้องสืบเนื่องมาจากข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน คดีนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำการอย่างใดอันจะเป็นการละเมิดเกี่ยวกับการทำงานของโจทก์ ฉะนั้น ศาลแรงงานกลางจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาตามมาตรา 8(5) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน ฯ
จำเลยอุทธรณ์เรื่องจำนวนค่าชดเชยว่าคำนวณไม่ถูกต้อง ข้ออุทธรณ์นี้จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีไว้แล้ว และศาลก็ได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าโจทก์มีสิทธิเรียกค่าชดเชยหรือไม่เพียงใด แต่ศาลแรงงานกลางมิได้หยิบยกขึ้นพิจารณาและการคำนวณค่าชดเชยนั้นยังโต้เถียงกันอยู่ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยในประเด็นข้อนี้แล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์ชำระหนี้: สิทธิการยึดจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
คดีมีประเด็นเพียงว่าบ้านพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยหรือมิใช่เท่านั้นและโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าบ้านพิพาทมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ จะอ้างว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์เพื่อชำระหนี้: สิทธิในการยึดจำกัดเฉพาะทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา
คดีมีประเด็นเพียงว่าบ้านพิพาทที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยหรือมิใช่เท่านั้นและโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย เมื่อผู้ร้องไม่ใช่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ และข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าบ้านพิพาทมิใช่เป็นของจำเลยแต่เป็นของผู้ร้อง โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิยึดบ้านพิพาทขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ จะอ้างว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ที่จำเลยกับผู้ร้องจะต้องรับผิดร่วมกันหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง การกระทำผิดร้ายแรง และการจ่ายค่าชดเชย กรณีสูบบุหรี่ในโรงงาน
แม้จำเลยจะมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานห้ามคนงานสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงานผู้ฝ่าฝืนอาจถูกให้ออกจากงานก็ตาม แต่สถานที่โจทก์สูบบุหรี่อยู่ห้างโกดังเก็บกระดาษ 50เมตรสภาพกระดาษก็ไม่ใช่วัตถุไวไฟถึงกับมีการสูบบุหรี่ในระยะดังกล่าวแล้วสามารถลุกไหม้ได้ทั้งที่ที่โจทก์ยืนสูบบุหรี่อยู่ก็มีน้ำนองพื้น ยากที่จะเกิดเหตุไฟไหม้เนื่องจากการสูบบุหรี่ จึงยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้าง: การสูบบุหรี่ในโรงงานกับการจ่ายค่าชดเชย แม้ฝ่าฝืนระเบียบ แต่เหตุไม่ร้ายแรงพอที่จะไม่จ่ายค่าชดเชย
แม้จำเลยจะมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานห้ามคนงานสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงานผู้ฝ่าฝืนอาจถูกให้ออกจากงานก็ตาม แต่สถานที่โจทก์สูบบุหรี่อยู่โกดังเก็บกระดาษ 2.50 เมตร สภาพกระดาษก็ไม่ใช่วัตถุไวไฟถึงกับมีการสูบบุหรี่ในระยะดังกล่าวแล้วสามารถลุกไหม้ได้ทั้งที่ที่โจทก์ยืนสูบบุหรี่อยู่ก็มีน้ำนองพื้น ยากที่จะเกิดเหตุไฟไหม้เนื่องจากการสูบบุหรี่ จึงยังถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานหรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของจำเลยอย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันขว้างระเบิดสังหารในงานฉลองผ้าป่า ความรับผิดทางอาญาจากการกระทำ
จำเลยทั้งสองขึ้นรำวงแล้วจำเลยที่ 1 ลวนลามสาวรำวงจนถูกถีบ จำเลยที่ 1 ลงจากเวทีไปทุบหลอดไฟและดึงแผงไฟข้างเวทีทหารที่รักษาการณ์มาห้าม แล้วเกิดชุลมุนต่อสู้กันสักพักหนึ่งจึงแยกจากกันจำเลยทั้งสองออกจากบริเวณงาน แล้วกลับมาอีกเปลี่ยนเสื้อใหม่อยู่ได้ชั่วครู่ก็ออกจากบริเวณงาน เดินเลี้ยวไปหลังเวทีรำวง ต่อมามีผู้ขว้างลูกระเบิดสังหารไปตกที่พื้นดินที่พวกทหารยืนอยู่บริเวณเวทีรำวง เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บหลายคน จำเลยทั้งสองรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวน โดยสมัครใจนำชี้ที่เกิดเหตุ และแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพประกอบคำรับสารภาพ ดังนี้ ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219-1222/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์หลังการยกให้บุตร การครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของย่อมทำให้ได้กรรมสิทธิ์
เมื่อปรากฏว่าโจทก์และสามีโจทก์ยกที่ดินมีโฉนดให้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตร และยอมให้จำเลยทั้งสองเข้าทำกินมาประมาณ 20 ปีโดยมีอาณาเขตเป็นส่วนสัด ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผย จำเลยทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ตนครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และใช้ยันโจทก์ได้ แม้ในการยื่นคำร้องขอต่อศาลขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองจะมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ และกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นคนหลงใหลสติฟั่นเฟือน กับใช้วิธีขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์ ก็ ไม่ทำให้สิทธิของจำเลยทั้งสองเสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219-1222/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองปรปักษ์หลังการยกที่ดินให้บุตร โดยมีอาณาเขตชัดเจน
เมื่อปรากฏว่าโจทก์และสามีโจทก์ยกที่ดินมีโฉนดให้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตร และยอมให้จำเลยทั้งสองเข้าทำกินมาประมาณ 20 ปีโดยมีอาณาเขตเป็นส่วนสัด ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยความสงบและโดยเปิดเผย จำเลยทั้งสองจึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่ตนครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และใช้ยันโจทก์ได้แม้ในการยื่นคำร้องขอต่อศาลขอแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองจะมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบ และกล่าวอ้างว่าโจทก์เป็นคนหลงใหลสติฟั่นเฟือน กับใช้วิธีขอให้ศาลประกาศทางหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ทำให้สิทธิของจำเลยทั้งสองเสียไป
of 73