พบผลลัพธ์ทั้งหมด 728 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: สิทธิเรียกร้องบังคับตามสัญญานั้น มีอายุความ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วนำมาทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ จำเลยให้การว่าได้นำเช็คไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จริง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คที่นำไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ไม่ ดังนั้น สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงต้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็ค แต่สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3529/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสัญญาขายลดเช็ค: สิทธิเรียกร้องตามสัญญาบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 164 (10 ปี)
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คแล้วนำมาทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จำเลยให้การว่าได้นำเช็คไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์จริง จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค หาได้ฟ้องให้รับผิดในมูลหนี้ตามเช็คที่นำไปทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ไม่ ดังนั้นสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงต้องบังคับตามสัญญาขายลดเช็ค แต่สัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อตกลงสภาพการจ้างต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย หากไม่ได้รับความยินยอม การแก้ไขนั้นไม่ผูกพันและไม่มีผลตามกฎหมาย
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง นอกจากจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์กำหนดไว้แล้ว ยังจะต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วยมิฉะนั้นจะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3514/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อตกลงสภาพการจ้างต้องได้รับความยินยอมจากทุกฝ่าย และต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย มิฉะนั้นไม่มีผลบังคับ
การแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนอกจากจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์กำหนดไว้แล้ว ยังจะต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งด้วยมิฉะนั้นจะไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่ง: ผู้เสียหาย (นิติบุคคล) รู้ตัวผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายเมื่อใดเป็นสำคัญ ไม่ใช่วันที่ได้รับแจ้งจากหน่วยงานอื่น
ข้อเท็จจริงที่จำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นความประมาทเลินเล่อในขณะเกิดเหตุได้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว แม้คณะกรรมการมีความเห็นว่าไม่ควรให้จำเลยต้องรับผิดในทางแพ่ง ซึ่งกรมทางหลวงโจทก์เห็นพ้องด้วย จึงแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบ แสดงว่าโจทก์ได้รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันบันทึกแสดงข้อความที่เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการ หาใช่ถือเอาวันที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังว่าจำเลยต้องรับผิดเป็นวันที่โจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ เพราะโจทก์เป็นผู้เสียหายและเป็นนิติบุคคลมีอำนาจที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เอง ไม่ต้องรอฟังคำสั่งจากกระทรวงการคลังแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3511/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหาย: จุดเริ่มต้นเมื่อโจทก์ทราบตัวผู้ต้องรับผิด ไม่ใช่เมื่อได้รับแจ้งจากหน่วยงาน
ข้อเท็จจริงที่จำเลยละเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นความประมาทเลินเล่อในขณะเกิดเหตุได้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเพื่อหาตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้ว แม้คณะกรรมการมีความเห็นว่าไม่ควรให้จำเลยต้องรับผิดในทางแพ่ง ซึ่งกรมทางหลวงโจทก์เห็นพ้องด้วย จึงแจ้งให้กระทรวงการคลังทราบ แสดงว่าโจทก์ได้รู้ตัวผู้จะพึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันบันทึกแสดงข้อความที่เห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการ หาใช่ถือเอาวันที่ได้รับแจ้งจากกระทรวงการคลังว่าจำเลยต้องรับผิดเป็นวันที่โจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ เพราะโจทก์เป็นผู้เสียหายและเป็นนิติบุคคลมีอำนาจที่จะนำคดีขึ้นสู่ศาลได้เอง ไม่ต้องรอฟังคำสั่งจากกระทรวงการคลังแต่ประการใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: การประเมินราคาตามราคาตลาด และอำนาจการจ่ายค่าทดแทน
ที่ดินของโจทก์อยู่ในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษ การที่จำเลยที่ 1 กำหนดค่าทดแทนราคาที่ดินของโจทก์ตามราคาปานกลางที่กรมที่ดินประเมินเพื่อให้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นการไม่ชอบเพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 23 ระบุให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลมคือ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76 ซึ่งให้กำหนดราคาค่าทดแทนทรัพย์สินเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับ
จำเลยที่ 1 นำเงินค่าทดแทนราคาทรัพย์สินของโจทก์ไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่ไม่ยอมให้โจทก์รับเงินทั้งหมดไปในคราวเดียว โดยกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินไว้ อ้างว่ามีอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ไม่ได้ เพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางพิเศษ ได้บัญญัติถึงอำนาจของเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไว้โดยตรงแล้ว ไม่จำต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม
จำเลยที่ 1 นำเงินค่าทดแทนราคาทรัพย์สินของโจทก์ไปวาง ณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่ไม่ยอมให้โจทก์รับเงินทั้งหมดไปในคราวเดียว โดยกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินไว้ อ้างว่ามีอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 ไม่ได้ เพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางพิเศษ ได้บัญญัติถึงอำนาจของเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไว้โดยตรงแล้ว ไม่จำต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเวนคืนที่ดิน: ราคาค่าทดแทนต้องเป็นราคาตลาดตามประกาศคณะปฏิวัติ ไม่ใช่ราคาประเมินกรมที่ดิน และเจ้าหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าทดแทนทั้งหมด
ที่ดินของโจทก์อยู่ในบริเวณที่ที่จะเวนคืนเพื่อสร้างทางพิเศษ การที่จำเลยที่ 1 กำหนดค่าทดแทนราคาที่ดินของโจทก์ตามราคาปานกลางที่กรมที่ดินประเมินเพื่อให้เป็นทุนทรัพย์สำหรับเก็บค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นการไม่ชอบเพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่27 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 23 ระบุให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยทางหลวงในส่วนที่ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างหรือขยายทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลมคือ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่28 พฤศจิกายน 2515 ข้อ 76 ซึ่งให้กำหนดราคาค่าทดแทนทรัพย์สินเท่าราคาของทรัพย์สินตามราคาธรรมดาที่ซื้อขายในท้องตลาดในวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนใช้บังคับ
จำเลยที่ 1 นำเงินค่าทดแทนราคาทรัพย์สินของโจทก์ไปวางณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่ไม่ยอมให้โจทก์รับเงินทั้งหมดไปในคราวเดียว โดยกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินไว้ อ้างว่ามีอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่28 พฤศจิกายน 2515 ไม่ได้ เพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางพิเศษ ได้บัญญัติถึงอำนาจของเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไว้โดยตรงแล้ว ไม่จำต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม
จำเลยที่ 1 นำเงินค่าทดแทนราคาทรัพย์สินของโจทก์ไปวางณ สำนักงานวางทรัพย์กลาง แต่ไม่ยอมให้โจทก์รับเงินทั้งหมดไปในคราวเดียว โดยกำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินไว้ อ้างว่ามีอำนาจตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ลงวันที่28 พฤศจิกายน 2515 ไม่ได้ เพราะประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 290 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2515 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางพิเศษ ได้บัญญัติถึงอำนาจของเจ้าหน้าที่เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ไว้โดยตรงแล้ว ไม่จำต้องนำประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 295 ซึ่งเป็นกฎหมายว่าด้วยทางหลวงมาใช้บังคับโดยอนุโลม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3479/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม แม้ลูกจ้างทำผิดระเบียบ แต่ผู้บังคับบัญชามีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์
หัวหน้าคนงานสั่งให้โจทก์ซึ่งเป็นคนงานกลับไปทำงานโจทก์ไม่ไป หัวหน้าคนงานจึงผลักอกโจทก์เบา ๆ 2 ครั้งอันเป็นการละเมิดสิทธิในร่างกายของโจทก์ โจทก์จึงต่อยหัวหน้าคนงาน 1 ครั้งถูกที่ซอกคอ หัวหน้าคนงานจึงต่อยตอบแล้วกอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เมื่อมีผู้มาห้ามจึงเลิกรากันหัวหน้าคนงานไม่ได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ แม้การกระทำของโจทก์จะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานของจำเลย แต่หัวหน้าคนงานก็มีส่วนทำให้โจทก์กระทำความผิดขึ้นด้วย พฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่จะถือเป็นกรณีร้ายแรงถึงขนาดที่นายจ้างจะมีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ โดยไม่จ่ายค่าชดเชย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3426/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งขอให้ปฏิบัติตามสัญญาเช่าเป็นการปลดเปลื้องทุกข์ ไม่ใช่เรียกร้องค่าเสียหาย จึงเสียค่าขึ้นศาลตามอัตราปกติ
จำเลยฟ้องแย้งเพียงขอให้จำเลยได้อยู่ในอาคารและโรงงานครบ 20 ปี ตามสัญญาเช่าที่จดทะเบียนไว้แล้วเท่านั้นไม่ได้ขอให้พิพากษาบังคับโจทก์ใช้เงินที่จำเลยลงทุนก่อสร้างอาคาร และโรงงานดังกล่าว คำขอของจำเลยจึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้