พบผลลัพธ์ทั้งหมด 728 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรู้คำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนของนายจ้าง: อำนาจการรับรู้อยู่ที่ผู้อำนวยการองค์การ ไม่ใช่หน่วยงานสาขา
ผู้แทนของโจทก์ได้แก่ผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้การที่จะถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทน ก็คือผู้อำนวยการของโจทก์ทราบนั่นเอง แม้โจทก์จะมีหน่วยงานอื่นซึ่งได้แก่ส่วนทำไม้ตากและฝ่ายทำไม้ภาคเหนือ แต่ทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวก็มิได้มีอำนาจพิจารณาเกี่ยวกับการจ่ายเงินทดแทน หรือได้รับมอบอำนาจจากโจทก์เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว หรือมิได้มีอำนาจที่จะนำคดีมาสู่ศาลได้ในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนทั้งไม่ปรากฏข้อเท็จจริงอันจะถือได้ว่าส่วนทำไม้ตากเป็นนายจ้างตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานการที่แรงงานจังหวัดกำแพงเพชรแจ้งคำสั่งอุทธรณ์เงินทดแทนให้ส่วนทำไม้ตากรับทราบในวันที่ 21 ธันวาคม 2526 จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างทราบคำสั่งในวันดังกล่าวถือว่าโจทก์เพิ่งทราบคำสั่งดังกล่าวจากบันทึกรายงานของฝ่ายทำไม้ภาคเหนือเมื่อวันที่ 19 มกราคม2527 การที่โจทก์ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าวและนำคดีมาสู่ศาลในวันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2527 จึงไม่เกิน 30 วันโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2609/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาคดีฎีกา: ศาลฎีกาไม่ก้าวล่วงวินิจฉัยความผิดที่ยุติไปแล้ว แม้มีการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานแผ้วถางครอบครองที่ดินอันเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ กับฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ใน ความครอบครองเพื่อจำหน่ายเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกา เฉพาะความผิดฐานแผ้วถางครอบครองที่ดินอันเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ เท่านั้นส่วนความผิดฐานผลิตกัญชาและมีกัญชาไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายศาลไม่รับฎีกาของจำเลยเพราะต้องห้ามฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงเช่นนี้ศาลฎีกาจะก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อหาฐานผลิตกัญชา และมีกัญชาที่ยุติไปแล้วนั้นมิได้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607-2608/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเรียกร้องไม่ครบ 15% ไม่มีผล นัดหยุดงานโดยมิชอบ เลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
เมื่อโจทก์กับพวกยื่นข้อเรียกร้องต่อจำเลยตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 13 มีลายมือชื่อผู้เรียกร้องไม่ครบร้อยละสิบห้าข้อเรียกร้องจึงไม่มีผลและถือได้ว่าตกไปการที่มีการยื่นลายมือชื่อผู้เรียกร้องเพิ่มขึ้นหาทำให้ข้อเรียกร้องดังกล่าวกลับถูกต้องตามกฎหมายไม่โจทก์จึงไม่มีมูลฐานที่จะยกขึ้นอ้างเพื่อนัดหยุดงานได้โดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยให้โจทก์กลับเข้าทำงานแต่โจทก์ก็ยังคงนัดหยุดงานกันต่อไป จึงเป็นกรณีที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรจำเลยเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2607-2608/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อเรียกร้องไม่ครบตามกฎหมาย, นัดหยุดงานโดยมิชอบ, การเลิกจ้างที่เป็นธรรม
เมื่อโจทก์กับพวกยื่นข้อเรียกร้องต่อจำเลยตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ มาตรา 13 มีลายมือชื่อผู้เรียกร้องไม่ครบร้อยละสิบห้า ข้อเรียกร้องจึงไม่มีผลและถือได้ว่าตกไป การที่มีการยื่นลายมือชื่อผู้เรียกร้องเพิ่มขึ้นหาทำให้ข้อเรียกร้องดังกล่าวกลับถูกต้องตามกฎหมายไม่ โจทก์จึงไม่มีมูลฐานที่จะยกขึ้นอ้างเพื่อนัดหยุดงานได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อจำเลยให้โจทก์กลับเข้าทำงานแต่โจทก์ก็ยังคงนัดหยุดงานกันต่อไป จึงเป็นกรณีที่โจทก์ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย และถือไม่ได้ว่าเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลดเกษียณและการเลิกจ้าง: การเขียนใบลาออกเพื่อปฏิบัติตามระเบียบมิใช่การลาออกแต่เป็นการเลิกจ้าง จึงมีสิทธิได้รับค่าชดเชย
โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยและทำงานมาครบ 30 ปี ซึ่งตามระเบียบของจำเลยจะต้องถูกปลดเกษียณและทางปฏิบัติต้อง เขียนใบลาออกด้วย ดังนี้ การที่โจทก์เขียนใบลาออกในวันปลดเกษียณจึงเป็นเพียงกระทำให้สอดคล้องกับทางปฏิบัติของจำเลยเท่านั้น มิใช่เป็นการลาออก แต่เป็นการออกจากงานเพราะเกษียณอายุซึ่งเป็นการเลิกจ้าง จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลดเกษียณและการเลิกจ้าง: การจ่ายค่าชดเชยกรณีลูกจ้างทำงานครบ 30 ปี
โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยและทำงานมาครบ 30 ปี ซึ่งตามระเบียบของจำเลยจะต้องถูกปลดเกษียณและทางปฏิบัติต้อง เขียนใบลาออกด้วย ดังนี้ การที่โจทก์เขียนใบลาออกใน วันปลดเกษียณจึงเป็นเพียงกระทำให้สอดคล้องกับทางปฏิบัติของจำเลยเท่านั้นมิใช่เป็นการลาออก แต่เป็นการออกจากงานเพราะเกษียณอายุซึ่งเป็นการเลิกจ้างจำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการสมยอมเพื่อให้ทรัพย์หลุดพ้นการบังคับชำระหนี้ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้แม้ไม่ได้ฟ้องเพิกถอนนิติกรรม
การร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด ประเด็นมีอยู่ว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ยึดนั้นหรือไม่ศาลมีอำนาจวินิจฉัยว่าการยกทรัพย์พิพาทให้ผู้ร้องขัดทรัพย์เป็นการสมยอมกันเพื่อให้ทรัพย์หลุดพ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้ได้ โดยไม่ต้องให้โจทก์ไปฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมการโอนหรือการฉ้อฉลเป็นคดีใหม่ไม่เป็นเรื่องนอกประเด็นเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาทำหนังสือยกบ้านพิพาทให้ผู้ร้องเป็นการสมยอมกันทำให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเสียเปรียบเป็นการฉ้อฉล บ้านพิพาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอยู่ ศาลก็พิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์ได้
อุทธรณ์ของผู้ร้องว่า แม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลก็ขาดอายุความแล้ว มิใช่เป็นการอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
อุทธรณ์ของผู้ร้องว่า แม้โจทก์จะขอให้เพิกถอนการฉ้อฉลก็ขาดอายุความแล้ว มิใช่เป็นการอุทธรณ์ในประเด็นที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการมีอำนาจฟ้องขับไล่ ต้องพิจารณาตามขั้นตอนกฎหมายที่กำหนด
บันทึกการประชุมของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำตำบลที่กระทำต่อหน้าปลัดอำเภอซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการ ระบุให้จำเลยเช่านาทำต่อไปอีกเพียง 1 ปี นั้น ไม่ถือว่าการเช่านาของจำเลยสิ้นสุดก่อนกำหนดระยะเวลาการเช่านา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 31 (3) เพราะมติที่ประชุมดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการมิได้มีความหมายว่าจำเลยตกลงเลิกการเช่านา ทั้งมิได้กระทำ ต่อหน้านายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย ดังนั้น แม้จำเลยจะลงลายมือชื่อในบันทึกการประชุมดังกล่าวต่อหน้าปลัดอำเภอ ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเลิกการเช่านาต่อกัน นอกจากนี้การที่โจทก์มอบให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกการเช่านาไปยังจำเลยและประธานคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำตำบลนั้น ก็ปรากฏว่าคณะกรรมการยังมิได้พิจารณาการบอกเลิกการเช่าตามหนังสือดังกล่าวตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 34 และ 36 ได้บัญญัติไว้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิที่จะเสนอคดีต่อศาล การเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่สิ้นสุดโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการมีอำนาจฟ้องขับไล่ ต้องพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
บันทึกการประชุมของคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำตำบลที่กระทำต่อหน้าปลัดอำเภอซึ่งนายอำเภอแต่งตั้งให้เป็นกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการ ระบุให้จำเลยเช่านาทำต่อไปอีกเพียง 1 ปี นั้น ไม่ถือว่าการเช่านาของจำเลยสิ้นสุดก่อนกำหนดระยะเวลาการเช่านา ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 31(3)เพราะมติที่ประชุมดังกล่าวเป็นเพียงความเห็นของคณะกรรมการมิได้มีความหมายว่าจำเลยตกลงเลิกการเช่านา ทั้งมิได้กระทำ ต่อหน้านายอำเภอหรือผู้ที่นายอำเภอมอบหมาย ดังนั้น แม้ จำเลยจะลงลายมือชื่อในบันทึกการประชุมดังกล่าวต่อหน้าปลัดอำเภอ ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเลิกการเช่านาต่อกัน นอกจากนี้การที่โจทก์มอบให้ทนายความมีหนังสือบอกเลิกการเช่านาไปยังจำเลยและประธานคณะกรรมการควบคุมการเช่านาประจำตำบลนั้น ก็ปรากฏว่าคณะกรรมการยังมิได้พิจารณาการบอกเลิกการเช่าตามหนังสือดังกล่าวตามขั้นตอนที่พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 34 และ 36 ได้บัญญัติไว้ โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิที่จะเสนอคดีต่อศาล การเช่านาระหว่างโจทก์กับจำเลยยังไม่สิ้นสุดโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ และ เรียกค่าเสียหายจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2449/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนโทรมหญิงด้วยอาวุธ: ความผิดฐานร่วมกันกระทำชำเราและพาทรัพย์ไปเพื่ออนาจาร
จำเลยทั้งสองได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมขู่เข็ญบังคับลากพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะแล้วผลัดกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นการโทรมหญิง