คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไพศาล สว่างเนตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 728 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตายจากการทำงาน: การมอบหมายงานกีฬาให้ลูกจ้างถือเป็นงานของหน่วยงาน ลูกจ้างถึงแก่ความตายขณะปฏิบัติงาน หน่วยงานต้องจ่ายค่าทดแทน
ผู้ตายเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคมกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้แข่งกีฬาสำหรับหน่วยงานภายใน จำเลยที่ 2 ได้รับนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติและมอบให้ผู้ตายเป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อมและลงเป็นคู่ซ้อมทีมแบดมินตันของจำเลยที่ 2 การที่ผู้ตายได้ปฏิบัติตามที่จำเลยที่ 2 สั่งและมอบหมายจึงเป็นการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะควบคุมและฝึกซ้อมกีฬาแบดมินตันให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตายจากการทำงาน: ความรับผิดชอบของนายจ้างเมื่อลูกจ้างปฏิบัติงานตามนโยบายของกระทรวง
ผู้ตายเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคมกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้แข่งกีฬาสำหรับหน่วยงานภายในจำเลยที่ 2 ได้รับนโยบายดังกล่าวมาปฏิบัติและมอบให้ผู้ตายเป็นผู้ควบคุมการฝึกซ้อมและลงเป็นคู่ซ้อมทีมแบดมินตันของจำเลยที่ 2 การที่ผู้ตายได้ปฏิบัติตามที่จำเลยที่ 2 สั่งและมอบหมายจึงเป็นการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายในขณะควบคุมและฝึกซ้อมกีฬาแบดมินตันให้แก่จำเลยที่ 2 จึงเป็นการตายเนื่องจากการทำงานให้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าทดแทนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาประกันภัย: ตัวแทน, ตัวการ, และการโอนสิทธิ
เดิมรถยนต์คันเกิดเหตุเป็นของโจทก์ที่ 2 ต่อมาได้ขายให้โจทก์ที่ 1 แต่มิได้แจ้งการโอนให้เป็นหลักฐานทางทะเบียน หลังจากนั้นโจทก์ที่ 2 ได้ทำสัญญาประกันภัยรถยนต์คันนี้กับจำเลยแทนโจทก์ที่ 1 โดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ออกเบี้ยประกันภัย และจำเลยทราบว่าโจทก์ที่ 2 ได้โอนรถยนต์ให้แก่โจทก์ที่ 1 แล้ว ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ที่ 1 เป็นคู่สัญญากับจำเลยตามสัญญาประกันภัยโดยโจทก์ที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนของโจทก์ที่ 1 เท่านั้น โจทก์ที่ 1 จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 ตามสัญญาประกันภัย
เมื่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาประกันภัยที่โจทก์ที่ 2 ได้ทำแทนแล้ว โจทก์ที่ 2 ก็สิ้นความผูกพันกับจำเลย โจทก์ที่ 2 จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 465/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องสัญญาประกันภัย: ตัวแทน vs. ตัวการ เมื่อตัวการรับสัญญาเอง
โจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุกับจำเลยภายหลังจากโจทก์ที่ 2 ขายรถยนต์คันเกิดเหตุให้โจทก์ที่ 1 ไปแล้วโดยโจทก์ที่ 1 เป็นผู้ออกเบี้ยประกันภัยเพราะใบอนุญาตทะเบียนรถยังมีชื่อโจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของอยู่ ระหว่างสัญญาประกันภัย รถยนต์คันเกิดเหตุเกิดชนกันเสียหาย จำเลยยอมผูกพันตามสัญญาประกันภัยดังกล่าวกับโจทก์ที่ 1โดยยอมชดใช้ค่าเสียหายแทนโจทก์ที่ 1 แสดงว่าจำเลยทราบแล้วว่าโจทก์ที่ 2 ขายรถยนต์คันพิพาทให้โจทก์ที่ 1 และจำเลยยอมผูกพันรับโจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยแทนโจทก์ที่ 1 ถือว่าโจทก์ที่ 1 เป็นคู่สัญญากับจำเลยโดยโจทก์ที่ 2 เป็นตัวแทน โจทก์ที่ 1ซึ่งเป็นตัวการแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาประกันภัยแล้ว ดังนี้ โจทก์ที่ 1 เท่านั้นมีอำนาจฟ้องโจทก์ที่ 2 ไม่มีอำนาจ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบุกรุกและการฟ้องความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ขาดอายุความ การครอบครองที่ดินเช่าและการรบกวนการครอบครอง
โจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาทโดยเช่าจากจำเลย แม้จะผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า จำเลยก็ชอบที่จะเสนอคดีต่อศาลขอให้ชำระค่าเช่าและขับไล่ การที่จำเลยนำรถไถเข้าไปไถในที่พิพาทโดยพลการ เป็นการรบกวนการครอบครองที่พิพาทของโจทก์โดยปกติสุข จำเลยจึงมีความผิดฐานบุกรุก
ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์มิได้รวมอยู่ในองค์ประกอบความผิดฐานบุกรุก เมื่อภรรยาโจทก์มิได้แจ้งความด้วยว่าการไถดังกล่าวเป็นเหตุให้ต้นกล้วยที่ปลูกไว้เสียหาย ถือได้ว่าโจทก์มิได้ร้องทุกข์ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ด้วย เมื่อมาฟ้องเกิน3 เดือน นับแต่วันที่โจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด จึงขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่กำหนดว่า "ในกรณีที่พนักงานมาทำงานในวันหยุดพิเศษ (วันหยุดตามประเพณี) นายจ้างตกลงจ่ายเงินให้ในอัตราสองเท่าของเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวัน ส่วนการขาดงานให้ตัดเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวันในกรณีที่พนักงานสายเกินกำหนด ซึ่งไม่ถือว่าขาดงานจะทำโทษเฉพาะตัดเงินเดือนเท่านั้น" เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับระเบียบการทำงานเฉพาะในวันหยุดพิเศษ หรือวันหยุดประเพณี มิได้หมายความถึงการทำงานในวันทำงานตามปกติ ซึ่งมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยวางไว้ต่างหาก
เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างได้กำหนดมาตรการในการลงโทษลูกจ้างผู้มาทำงานสายไว้เป็นลำดับ ซึ่งระดับโทษมีตั้งแต่ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตัดค่าจ้าง พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้าง และเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ ซึ่งนายจ้างได้ออกหนังสือเตือนหลายครั้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
การที่ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำและนายจ้างได้เตือน แล้วถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต นายจ้างย่อมมีสิทธิที่จะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสาย แม้มีข้อตกลงเรื่องการตัดเงินเดือนเฉพาะวันหยุดพิเศษ ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่กำหนดว่าในกรณีที่พนักงานมาทำงานในวันหยุดพิเศษ (วันหยุดตามประเพณี) นายจ้างตกลงจ่ายเงินให้ในอัตราสองเท่าของเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวัน ส่วนการขาดงานให้ตัดเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวันในกรณีที่พนักงานสายเกินกำหนด ซึ่งไม่ถือว่าขาดงานจะทำโทษเฉพาะตัดเงินเดือนเท่านั้น นั้น เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับระเบียบการทำงานเฉพาะในวันหยุดพิเศษ หรือวันหยุดประเพณี มิได้หมายความถึงการทำงานในวันทำงานตามปกติ ซึ่งมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยวางไว้ต่างหาก
เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างได้กำหนดมาตรการในการลงโทษลูกจ้างผู้มาทำงานสายไว้เป็นลำดับซึ่งระดับโทษมีตั้งแต่ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตัดค่าจ้าง พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ ซึ่งนายจ้างได้ออกหนังสือเตือนหลายครั้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
การที่ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำและนายจ้างได้เตือนแล้วถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การ ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต นายจ้างย่อมมีสิทธิที่จะไล่ออกโดยมิพักต้อง บอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 278-279/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและควบคุมตัวโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายและการปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเข้าไปค้นกุฏิของโจทก์ที่ 1 โดยไม่มีหมายค้นค้นไม่พบของผิดกฎหมาย แล้วคุมตัวโจทก์ทั้งสองไปสถานีตำรวจโดยไม่มีหมายจับไม่แจ้งข้อหา โดยโจทก์ทั้งสองไม่เต็มใจไป เมื่อไปถึงสถานีตำรวจก็กำหนดให้นั่งจนถึงเวลา 14 นาฬิกาจึงให้กลับได้ พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการจับโดยไม่มีอำนาจจะทำได้ ซึ่งอาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 ได้ แต่กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 309เพราะเป็นการที่โจทก์ทั้งสองถูกจับพาไป มิใช่ถูกจำเลยข่มขืนใจให้ไปโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง เกียรติยศ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งปิดงานตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ การแจ้งผ่านผู้แทนลูกจ้างมีผลผูกพันถึงลูกจ้างทุกคน
ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 34 วรรคท้าย ที่กำหนดหลักเกณฑ์ของการปิดงานว่านายจ้างต้องแจ้งเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่ง คือลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อยยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่รับแจ้งนั้น มิได้หมายความว่านายจ้างต้องแจ้งการปิดงานแก่ลูกจ้างผู้แจ้งข้อเรียกร้องเป็นรายตัว การที่นายจ้างแจ้งการปิดงานต่อผู้แทนลูกจ้างเพียงคนเดียว ย่อมถือได้ว่านายจ้างได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 34 วรรคท้ายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ศาลแรงงานวินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน กรณีจำเลยให้การรับว่าเลิกจ้างแล้ว
เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้เลิกจ้างโจทก์แล้ว การที่ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องและคดียังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์มีสิทธิอะไรบ้าง เมื่อถูกเลิกจ้าง ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยดังกล่าวและให้ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาใหม่
of 73