คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สมศักดิ์ ปาลวัฒน์วิไชย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 416 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3908/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังเงินค่าฤชาธรรมเนียม จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
โจทก์เป็นผู้จัดการสำนักกฎหมายของจำเลยมีหน้าที่ดำเนินคดีแทนจำเลยโจทก์เบิกเงินค่าฤชาธรรมเนียมในการดำเนินคดีตามหน้าที่ของโจทก์เหลือเท่าใดโจทก์ต้องคืนให้จำเลย โจทก์ถอนฟ้อง ศาลสั่งคืนค่าขึ้นศาลเป็นเงิน 39,283 บาทโจทก์มีหน้าที่ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้จำเลย แต่โจทก์กลับเบียดบังเอาไว้เป็นของตน ถือได้ว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47(1)จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3903/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละทิ้งหน้าที่โดยไม่แจ้งตามข้อบังคับของนายจ้าง ไม่ถือเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 47 (4) ที่กำหนดว่าละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น หมายถึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะต้องละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันมิใช่การละทิ้งหน้าที่นั้นกระทำไปโดยไม่สมควรเพราะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3903/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละทิ้งหน้าที่โดยไม่แจ้งตามข้อบังคับนายจ้าง ไม่ถือเป็นเหตุอันสมควรเลิกจ้างได้หากมีเหตุป่วย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่16 เมษายน 2515 ข้อ 47(4) ที่กำหนดว่าละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันสมควรนั้น หมายถึงไม่มีเหตุอันสมควรที่จะต้องละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันมิใช่การละทิ้งหน้าที่นั้นกระทำไปโดยไม่สมควรเพราะเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของนายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3898/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะสำนักงานปุ๋ยกรุงเทพมหานครมิใช่หน่วยงานราชการ ทำให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานและจำเลยมีหน้าที่จ่ายค่าชดเชย
สำนักงานปุ๋ย กรุงเทพมหานคร มิใช่ส่วนราชการของกรุงเทพมหานครหาได้รับยกเว้นมิให้ใช้ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานลงวันที่ 16 เมษายน 2515 บังคับไม่
จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นประธานกรรมการบริหารและผู้อำนวยการสำนักงานปุ๋ยกรุงเทพมหานคร ตามลำดับ แม้เป็นเจ้าหน้าที่ ในสังกัดกรุงเทพมหานครจำเลยที่ 1 และกระทำการตามหน้าที่ระเบียบแบบแผนของทางราชการ แต่เมื่อเป็นนายจ้างตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 2 ก็ต้องมีหน้าที่จ่ายค่าชดเชยตามข้อ 46
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาในฐานะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร และผู้อำนวยการ สำนักงานปุ๋ย กรุงเทพมหานคร ตามลำดับ หาได้ฟ้องตำแหน่งหน้าที่เป็นจำเลยไม่ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงอาจถูกฟ้องให้จ่ายค่าชดเชยได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลย
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย แต่มิได้ระบุอัตราดอกเบี้ยไว้ด้วย เป็นการผิดพลาดเล็กน้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกักตุนน้ำตาลทรายขาวเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่เข้าข่ายทรัพย์สินที่ต้องริบ
น้ำตาลทรายขาวของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเกินกว่า 1,000 กิโลกรัมซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 32 พ.ศ. 2523 มิใช่ทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จึงไม่ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3882/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางในความผิดพ.ร.บ.ราคาสินค้า: น้ำตาลทรายไม่ถือเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิด
น้ำตาลทรายขาวของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเกินกว่า1,000 กิโลกรัมซึ่งเป็นการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าและป้องกันการผูกขาด ฉบับที่ 32พ.ศ. 2523 มิใช่ทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 จึงไม่ริบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3876/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การ: เหตุสมควรอนุญาตแก้ไขคำให้การก่อนศาลตัดสินเมื่อมีเหตุผลสำคัญและจำเลยมิได้มีเจตนาออกเช็คผิดกฎหมาย
ชั้นแรกจำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยขอถอนคำให้การเดิมขอให้การรับสารภาพโดยทนายความของจำเลยมิได้ฟังการพิจารณาอยู่ด้วย หลังจากนั้น 7 วันจำเลยขอแก้คำให้การใหม่เป็นให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าให้การรับสารภาพเพราะเข้าใจผิด ความจริงจำเลยออกเช็คเป็นประกันหนี้และผู้ทรงเช็คลงวันที่สั่งจ่ายโดยจำเลยไม่ทราบ ดังนี้ หากเป็นไปตามที่จำเลยยกขึ้นกล่าวอ้าง จำเลยก็ไม่มีความผิดทั้งจำเลยขอแก้ไขคำให้การก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จึงมีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยแก้ไขคำให้การได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องล้มละลายจากหนี้สินล้นพ้นตัว แม้มีทรัพย์สินแต่ไม่สามารถชำระหนี้ได้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษามาเป็นเวลาถึงสิบปีโจทก์มีหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ จำเลยก็เพิกเฉย แม้จำเลยจะมีสิทธิการเช่าซื้อบ้านและที่ดิน หากโจทก์นำยึดมาก็อาจจะขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ไม่ได้ ถ้าผู้ให้เช่าซื้อไม่ยินยอม รายได้จากการทำงานของจำเลยก็ยังห่างไกลกับจำนวนหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยกระทำการใดอันแสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยสุจริต ถือได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า 30,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้จำนวนแน่นอนโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย จากการมีหนี้สินล้นพ้นตัว แม้มีทรัพย์สินแต่ไม่สามารถนำมาชำระหนี้ได้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษามาเป็นเวลาถึงสิบปีโจทก์มีหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ จำเลยก็เพิกเฉย แม้จำเลยจะมีสิทธิการเช่าซื้อบ้านและที่ดิน หากโจทก์นำยึดมาก็อาจจะขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้ไม่ได้ถ้าผู้ให้เช่าซื้อไม่ยินยอม รายได้จากการทำงานของจำเลยก็ยังห่างไกลกับจำนวนหนี้ที่จะต้องชำระแก่โจทก์ ทั้งจำเลยไม่เคยกระทำการใดอันแสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจที่จะชำระหนี้ให้แก่โจทก์โดยสุจริต ถือได้ว่าจำเลยมีหนี้สินล้นพ้นตัว เมื่อจำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่น้อยกว่า30,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้จำนวนแน่นอนโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยให้ล้มละลายได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างและสหภาพแรงงาน: เหตุผลทางเศรษฐกิจต้องสมควรและไม่เป็นการกลั่นแกล้ง
การที่นายจ้างประสบปัญหาขาดทุนจนต้องลดการผลิตแต่ยังไม่ถึงกับยุบหน่วยงานเสียทั้งหน่วยหรือเลิกกิจการไปยังไม่มีเหตุผลเพียงพอและสมควรที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างที่เป็นกรรมการลูกจ้าง อนุกรรมการ และกรรมการสหภาพแรงงานได้
of 42