คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 208 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลสนับสนุนให้เห็นโอกาสชนะคดี ไม่ใช่แค่ข้ออ้างเรื่องขาดนัด
คำขอให้มีการพิจารณาใหม่ ต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 คำร้องของจำเลยระบุเพียงว่า ขณะจำเลยถูกโจทก์ฟ้องจำเลยทำงานอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำเลยจึงขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหากจำเลยไม่ขาดนัดพิจารณา จำเลยอาจสืบพยานถึงข้อเท็จจริง และศาลคงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง ส่วนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอีกฉบับที่อ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดเท่านั้น จำเลยมิได้อ้างเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นเลยว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงยังคงเป็นคำร้องที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2090/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากพิจารณาใหม่แล้วมีโอกาสชนะคดี
คำขอให้มีการพิจารณาใหม่ ต้องมีเหตุตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 คำร้องของจำเลยระบุเพียงว่า ขณะจำเลยถูกโจทก์ฟ้อง จำเลยทำงานอยู่ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำเลยจึงขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา หากจำเลยไม่ขาดนัดพิจารณาจำเลยอาจสืบพยานถึงข้อเท็จจริงและศาลคงพิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้คำร้องขอของจำเลยไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง ส่วนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอีกฉบับที่อ้างเหตุว่าจำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้อง ซึ่งเป็นการแสดงว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดเท่านั้นจำเลยมิได้อ้างเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นเลยว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงยังคงเป็นคำร้องที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้ง ซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาใหม่คดีแพ่ง: เหตุจำเป็นต้องตรวจสอบสำนวนคดี และความล่าช้าที่เกิดจากจำเลย
ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้องตรวจดูสำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้องและกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อน ดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้า ทำให้ไม่สามารถตรวจดูสำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ ถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ วันที่ 6 สิงหาคม 2530 อ้างว่าจำเลยรู้ว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม 2530 วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อขอคัดสำเนาสำนวนคดี เจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาคดีให้จำเลยได้ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วัน จำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาใหม่: เหตุพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้และความล่าช้าของผู้ร้อง
ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้องตรวจดูสำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้อง และกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อนดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้าทำให้ไม่สามารถตรวจดูสำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ อาจถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม2530 อ้างว่า จำเลยรู้ว่าถูกยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม2530 วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อขอคัดสำเนาสำนวนคดีเจ้าพนักงานศาลถ่ายสำเนาคดีให้จำเลยได้ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วันจำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ทันภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ทราบว่าถูกยึดทรัพย์การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาใหม่ต้องอาศัยสำนวนคดี การเดินทางไปต่างจังหวัดไม่ใช่เหตุสุดวิสัย
ในการขอให้พิจารณาใหม่จำเป็นที่ต้อง ตรวจ ดู สำนวนคดีเพื่อทราบคำฟ้องและกระบวนพิจารณาคดีตลอดจนคำพิพากษาของศาลเสียก่อนดังนั้น เมื่อปรากฏว่า การได้รับสำเนาสำนวนคดีจากเจ้าพนักงานศาลล่าช้า ทำให้ไม่สามารถตรวจ ดู สำนวนคดีคำฟ้องและกระบวนพิจารณาตลอดจนคำพิพากษาของศาลได้ ถือได้ว่ากรณีดังกล่าวเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาใหม่ วันที่ 6 สิงหาคม 2530อ้างว่าจำเลยรู้ว่าถูก ยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2530 รุ่งขึ้นจำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด และกลับถึงบ้านวันที่ 19 กรกฎาคม 2530วันที่ 20 กรกฎาคม 2530 จำเลยติดต่อ ขอคัดสำเนาสำนวนคดีเจ้าพนักงานศาลถ่าย สำเนาคดีให้จำเลยได้ ภายใน 8 วัน และเกี่ยวกับทะเบียนบ้านเจ้าหน้าที่เขตก็สามารถตรวจสอบแจ้งให้จำเลยทราบผลภายใน 3 วัน หากจำเลยไม่ปล่อยปละละเลยไปต่างจังหวัดเสีย 11 วัน จำเลยก็สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ ทันภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ วันที่ทราบว่าถูก ยึดทรัพย์ การที่จำเลยเดินทางไปต่างจังหวัด แม้จะเป็นความจริงก็หาเป็นเรื่องเกี่ยวกับพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ไม่ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นจึงเป็นความบกพร่องของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์ในตลาดกลาง ผู้ซื้อโดยสุจริตไม่ต้องรับผิดตามสัญญาเดิม หากผู้ขายไม่มีสิทธิ
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 3 อ้างเหตุว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีหลักฐานทางทะเบียนถูกต้องและเป็นผู้ครอบครองรถในขณะที่นำมาขายในตลาดนัดซื้อขายแลกเปลี่ยนและ มีการซื้อขายมาหลายทอด จำเลยที่ 3 รับซื้อมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต เป็นการซื้อในท้องตลาดจากพ่อค้าผู้ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3 หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์ในตลาด การคุ้มครองผู้ซื้อโดยสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1332 และการพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 3 อ้างเหตุว่าจำเลยที่ 3 รับซื้อรถคันพิพาทจากจำเลยที่ 1 ซึ่งมีหลักฐานทางทะเบียนถูกต้องและเป็นผู้ครอบครองรถในขณะที่นำมาขายในตลาดนัดซื้อขายแลกเปลี่ยนและมีการซื้อขายมาหลายทอด จำเลยที่ 3 รับซื้อมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต เป็นการซื้อในท้องตลาดจากพ่อค้าผู้ขายของชนิดนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 3ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสองแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำร้องของจำเลยที่ 3 ในเรื่องเหตุที่ได้ขาดนัดโดยมิได้ทำการไต่สวนว่าจำเลยที่ 3 ลงวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดพลาดไปตามคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 3หรือไม่ ย่อมเป็นการไม่ชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5105/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วมีโอกาสชนะคดี มิใช่เพียงกล่าวอ้างลอยๆ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้จำเลยมีทางชนะโจทก์ได้อย่างแน่นอน ดังนี้เป็นการกล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไร จึงเป็นคำร้องขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5105/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ต้องมีเหตุผลชัดเจนแสดงโอกาสชนะคดี หากไม่มี ศาลยกคำร้องได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้สืบและฟังพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วมีความเห็นว่าจำเลยทั้งสองเป็นหนี้โจทก์ จำเลยเห็นว่ายังไม่เป็นธรรมเพราะจำเลยมิได้มีโอกาสต่อสู้คดีตามที่จำเลยได้ยื่นคำให้การไว้แล้ว หากจำเลยได้นำสืบตามข้อต่อสู้จำเลยมีทางชนะโจทก์ได้อย่างแน่นอน ดังนี้ เป็นการ กล่าวอ้างที่เลื่อนลอยเพราะไม่มีเหตุผลที่จะแสดงให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วจำเลยอาจชนะคดีได้อย่างไรจึงเป็นคำร้องขอที่มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของมาตรา208 วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการคัดค้านคำพิพากษา จำเป็นต้องระบุเหตุคัดค้านชัดเจนในคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าจำเลยไม่ทราบถึงการนัดสืบพยานโจทก์ของศาลเลยเนื่องจากจำเลยต้องออกไปทำธุรกิจนอกบ้านเป็นประจำ มาทราบว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อได้รับคำบังคับของศาลแล้วเท่านั้นดังนี้ เป็นการกล่าวแต่เพียงเหตุที่ตนได้ขาดนัดไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นจึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง
of 6