คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุสิต วราโห

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างทดลองงานและการบอกกล่าวล่วงหน้า: สัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาไม่ต้องใช้มาตรา 582
โจทก์เป็นลูกจ้างทดลองงานของจำเลย มีข้อตกลงกำหนดให้โจทก์ทดลองปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 180 วัน หากผลงานเป็นที่พอใจโจทก์จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ สัญญานี้ไม่ใช่เป็นการจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582 เมื่อสัญญามีข้อตกลงให้สิทธิจำเลยที่จะขอเลิกสัญญาโดยบอกล่าวล่วงหน้า 1 วัน จึงเป็นข้อตกลงที่มีผลบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างทดลองงานและการบอกกล่าวเลิกสัญญา: สัญญาที่มีกำหนดระยะเวลาไม่ต้องใช้บทบัญญัติมาตรา 582
โจทก์เป็นลูกจ้างทดลองงานของจำเลย มีข้อตกลงกำหนดให้โจทก์ทดลองปฏิบัติงานเป็นระยะเวลา 180 วัน หากผลงานเป็นที่พอใจโจทก์จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานประจำ สัญญานี้ไม่ใช่เป็นการจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582เมื่อสัญญามีข้อตกลงให้สิทธิจำเลยที่จะขอเลิกสัญญาโดยบอกล่าวล่วงหน้า1 วัน จึงเป็นข้อตกลงที่มีผลบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3282/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินที่บุกรุกในคดีอาญา: ศาลสั่งได้เฉพาะโทษอาญา
ในคดีอาญาที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุกและมีคำขอให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุกด้วย แม้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานบุกรุก ก็ต้องยกคำขอที่ให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่บุกรุก เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจศาลสั่งตามคำขอเช่นนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีและการเพิกถอนคำสั่งอนุญาตถอนการยึดทรัพย์
ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนั้น นอกจากคู่ความในคดีแล้วจะต้องเป็นบุคคลที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 กำหนดไว้ ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้โต้แย้งสิทธิกับผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดในคดีนี้ว่า ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงมิใช่บุคคลประเภทใดประเภทหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 บัญญัติไว้ ย่อมมิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการบังคับคดี ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีว่า โจทก์จะขอถอนการยึดทรัพย์ภายหลังที่มีการขายทอดตลาดเสร็จสิ้นไปแล้วได้หรือไม่
ศาลชั้นต้นงดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามวันนัดที่นัดไว้แล้วผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องฟังก่อน เมื่อศาลชั้นต้นอ่านให้ผู้ร้องฟังแล้ว สิทธิในการฎีกาของผู้ร้องจึงจะเริ่มนับหรือถ้าศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ยอมอ่าน ผู้ร้องจึงจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ การที่ผู้ร้องใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยมิได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3275/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการโต้แย้งการบังคับคดี: ผู้มีส่วนได้เสียต้องเป็นไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 280 และกระบวนการขออ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนั้น นอกจากคู่ความในคดี แล้วจะต้องเป็นบุคคลที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 กำหนดไว้ผู้ร้องเป็นแต่เพียงผู้โต้แย้งสิทธิกับ ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดในคดีนี้ว่า ผู้ซื้อทรัพย์ซื้อ ในฐานะส่วนตัวหรือในฐานะเป็นตัวแทนของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงมิใช่ บุคคลประเภทใดประเภทหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 บัญญัติไว้ ย่อมมิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับการบังคับคดี ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีว่า โจทก์จะขอถอนการยึดทรัพย์ภายหลังที่มีการขายทอดตลาดเสร็จสิ้นไปแล้วได้หรือไม่
ศาลชั้นต้นงดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามวันนัดที่นัดไว้แล้วผู้ร้องก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ผู้ร้องฟังก่อน เมื่อศาลชั้นต้นอ่านให้ผู้ร้องฟังแล้ว สิทธิในการฎีกาของผู้ร้องจึงจะเริ่มนับหรือถ้าศาลชั้นต้นปฏิเสธไม่ยอมอ่าน ผู้ร้องจึงจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาในข้อนี้ การที่ผู้ร้องใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาโดยมิได้ยื่นคำร้อง ต่อศาลชั้นต้นเสียก่อนเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3207/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุสุดวิสัยต้องร้ายแรงและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ การชนท้ายรถไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ในคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องเพราะตัวโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด การที่ต่อมาโจทก์มายื่นคำร้องอ้างว่า ระหว่างการเดินทางมาศาลของโจทก์และทนายโจทก์ ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ของโจทก์ชนท้ายรถยนต์ของผู้อื่น ต้องเสียเวลาตกลงเรื่องค่าเสียหายนั้นมิใช่เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้โจทก์หรือทนายโจทก์คนใดคนหนึ่งไม่สามารถมาศาลได้ทันตามกำหนด ทั้งปรากฏว่าที่เกิดเหตุรถยนต์ชนกันอยู่ห่างจากศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อยมีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าฝ่ายโจทก์มิได้สนใจต่อเวลานัดของศาล จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3207/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยต้องทำให้ไม่สามารถมาศาลได้จริง การอ้างอุบัติเหตุรถชนใกล้ศาลไม่ถือเป็นเหตุสุดวิสัย
ในคดีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องเพราะตัวโจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด การที่ต่อมาโจทก์มายื่นคำร้องอ้างว่า ระหว่างการเดินทางมาศาลของโจทก์และทนายโจทก์ ได้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ของโจทก์ชนท้ายรถยนต์ของผู้อื่น ต้องเสียเวลาตกลงเรื่องค่าเสียหายนั้นมิใช่เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะทำให้โจทก์หรือทนายโจทก์คนใดคนหนึ่งไม่สามารถมาศาลได้ทันตามกำหนด ทั้งปรากฏว่าที่เกิดเหตุรถยนต์ชนกันอยู่ห่างจากศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อยมีพฤติการณ์ส่อให้เห็นว่าฝ่ายโจทก์มิได้สนใจต่อเวลานัดของศาล จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยที่ 12 มีสิทธิสืบพยานได้ แม้ไม่ยื่นคำให้การ หากศาลบันทึกคำแถลงขอใช้คำให้การของจำเลยอื่น
การที่จำเลยที่ 12 แถลงขอถือเอาคำให้การของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 11 ซึ่งได้ยื่นเป็นหนังสือและศาลแรงงานกลางได้รับคำให้การนั้นแล้วเป็นคำให้การของจำเลยที่ 12 ด้วย และศาลแรงงานกลางได้บันทึกคำแถลงนั้นไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้วกำหนดหน้าที่นำสืบไปตามประเด็นแห่งคดี จึงเท่ากับจำเลยที่ 12 ได้ให้การต่อสู้คดีเช่นเดียวกับคำให้การของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 11และศาลแรงงานกลางได้รับคำให้การนั้นแล้วจำเลยที่ 12จึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3203/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยที่ 12 มีสิทธิแก้ต่างได้ แม้ไม่ได้ยื่นคำให้การเป็นหนังสือ หากศาลรับรองคำแถลงและกำหนดหน้าที่สืบพยาน
การที่จำเลยที่ 12 แถลงขอถือเอาคำให้การของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 11 ซึ่งได้ยื่นเป็นหนังสือและศาลแรงงานกลางได้รับคำให้การนั้นแล้วเป็นคำให้การของจำเลยที่ 12 ด้วย และศาลแรงงานกลางได้บันทึกคำแถลงนั้นไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาแล้วกำหนดหน้าที่นำสืบไปตามประเด็นแห่งคดี จึงเท่ากับจำเลยที่ 12 ได้ให้การต่อสู้คดีเช่นเดียวกับคำให้การของจำเลยที่ 1ถึงจำเลยที่ 11และศาลแรงงานกลางได้รับคำให้การนั้นแล้วจำเลยที่ 12 จึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3190/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการพิสูจน์เจตนาไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ศาลต้องไต่สวนข้อเท็จจริงก่อนวินิจฉัย
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์และส่งมอบที่ดินแก่โจทก์ จำเลยทราบคำบังคับแล้วมิได้ปฏิบัติ โจทก์ยื่นคำร้องให้จับกุมจำเลยเพื่อให้ปฏิบัติ ตามคำบังคับ ดังนี้คดีมีข้อต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการโดยไม่สุจริต จงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหากจำเลยกระทำการโดยสุจริตจำเลยจะสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่ ซึ่งจะต้องไต่สวนฟังพยานให้ประจักษ์ก่อนจึงจะวินิจฉัย การที่ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงแต่เพียงว่าบ้านดังกล่าวถูกเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ในคดีอื่น แล้ววินิจฉัยว่าเป็นการนอกเหนืออำนาจที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำพิพากษาคดีนี้ได้ โดยไม่ไต่สวนฟังพยานในข้อเท็จจริงว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือไม่จึงไม่ชอบ
of 120