พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์รายจ่ายเพื่อหักลดหย่อนภาษี: หลักฐานการรับเงินสำคัญกว่าลายมือชื่อ
การพิสูจน์รายจ่ายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 65 ตรี (18) นั้น เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องวินิจฉัยตามพยานหลักฐานในสำนวนว่า ผู้จ่ายพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้รับเงิน
โจทก์เป็นบริษัทประกอบกิจการรับซื้อข้าวในประเทศส่งไปขายต่างประเทศ รายจ่ายค่าซื้อข้าวจากพ่อค้าเร่ตามใบเสร็จรับเงิน จำนวน 1,506 ฉบับ เป็นเงิน 73 ล้านบาทเศษนั้น เมื่อโจทก์นำสืบฟังได้ว่าพ่อค้าเร่ขายข้าวมีอยู่จริง และโจทก์นำพยานจำนวนถึง 45 ปาก มาเบิกความรับรองว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงิน ทั้งปรากฏว่า ปริมาณข้าวที่มีอยู่ที่บริษัทโจทก์ถูกต้อง ดังนี้ โจทก์พิสูจน์ได้ว่าใครเป็น ผู้รับเงินตามใบเสร็จรับเงินจำนวน 1,506 ฉบับ โจทก์จึงมีสิทธินำ จำนวนเงินตามใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้
โจทก์เป็นบริษัทประกอบกิจการรับซื้อข้าวในประเทศส่งไปขายต่างประเทศ รายจ่ายค่าซื้อข้าวจากพ่อค้าเร่ตามใบเสร็จรับเงิน จำนวน 1,506 ฉบับ เป็นเงิน 73 ล้านบาทเศษนั้น เมื่อโจทก์นำสืบฟังได้ว่าพ่อค้าเร่ขายข้าวมีอยู่จริง และโจทก์นำพยานจำนวนถึง 45 ปาก มาเบิกความรับรองว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อในใบเสร็จรับเงิน ทั้งปรากฏว่า ปริมาณข้าวที่มีอยู่ที่บริษัทโจทก์ถูกต้อง ดังนี้ โจทก์พิสูจน์ได้ว่าใครเป็น ผู้รับเงินตามใบเสร็จรับเงินจำนวน 1,506 ฉบับ โจทก์จึงมีสิทธินำ จำนวนเงินตามใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระเงิน หรือหาประกัน
การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่า จะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา ถ้าจะไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา ผู้อุทธรณ์ก็ต้องหาประกันให้ไว้ต่อศาล จะนำวิธีการขอทุเลาการบังคับเช่นการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษามาใช้บังคับหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางสาธารณะและทางส่วนบุคคลทำให้เจ้าของที่ดินเสียหาย มีสิทธิฟ้องให้รื้อถอนได้
แม้ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านอยู่เป็นที่ดินคันคลอง อยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน มิใช่เป็นที่ดินของโจทก์ทั้งสอง แต่โดยเหตุที่ที่ดินส่วนนั้นเป็นทางสาธารณะ และเป็นที่ดินคันคลองสาธารณะ ซึ่งประชาชนรวมทั้งโจทก์ทั้งสองมีสิทธิที่จะใช้สอยร่วมกัน และบ้านที่จำเลยสร้างขึ้นบังหน้าที่ดินของโจทก์ที่ 1 ทางด้านคันคลอง และปิดกั้นทางส่วนบุคคลซึ่งโจทก์ทั้งสองใช้ในการไปมาจากที่ดินโจทก์ทั้งสองสู่ทางสาธารณะดังกล่าว เป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสองไม่สามารถเข้าออกไปมายังคันคลองอันเป็นทางสาธารณะ และไม่มีความสะดวกในการที่จะใช้น้ำในคลองสาธารณะ ถือได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหาย เพราะการกระทำของจำเลยเป็นพิเศษ โจทก์ทั้งสองจึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนบ้านและสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยปลูกสร้างขึ้นทำความเสียหายให้โจทก์ทั้งสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้า: หีบห่อภายนอกเรียบร้อย ไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายภายใน
การบรรจุสินค้าลงในหีบห่อ เป็นเรื่องระหว่างโจทก์ผู้ส่งออกกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร บริษัทจำเลยผู้ขนส่งคงรับมอบไปเฉพาะหีบห่อที่ห่อเรียบร้อยแล้วเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือรู้เห็นกับการบรรจุสินค้าลงในหีบห่อด้วย รายละเอียดของสินค้าที่ระบุไว้ในใบกำกับสินค้าเป็นเรื่องพิธีการทางศุลกากร เมื่อจำเลยได้มอบหีบห่อที่ขนส่งให้แก่ผู้รับตราส่งในสภาพที่หีบห่อภายนอกเรียบร้อยเช่นเดิมแล้ว จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 913/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม: ศาลต้องพิจารณาตามข้อกำหนดในพินัยกรรมและส่วนได้เสียของผู้ร้อง
เดิมศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก ขอให้ไต่สวนตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก อ้างว่ามรดกรายนี้มีพินัยกรรมซึ่งระบุยกทรัพย์ทั้งหมดให้แก่บุตร และมีข้อกำหนดในพินัยกรรมตั้งให้บุตร ซึ่งเป็นผู้เยาว์อยู่ในความปกครองของผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดก ทั้งการแบ่งมรดกรายนี้ยังไม่เสร็จสิ้น ผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกรายนี้เลย ซึ่งถ้าข้อเท็จจริงได้ความตามคำร้องคัดค้านก็ย่อมถือได้ว่าคดีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ได้ จึงต้องรับคำร้องของผู้คัดค้านไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องบังคับสัญญาจะซื้อขายหลังเจ้าหนี้เสียชีวิต: ฟ้องเกิน 1 ปีนับจากทราบการเสียชีวิตขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นทายาทผู้รับมรดก ก.ให้ทำนิติกรรมโอนขายที่พิพาทซึ่งเป็นมรดกให้โจทก์ โดย ก. ได้สัญญาจะขายที่พิพาทให้โจทก์ เมื่อโจทก์ทราบอยู่แล้วว่า ก. ตายเมื่อ พ.ศ. 2516 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อ พ.ศ. 2521 เป็นการฟ้องเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี จึงขาดอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเรียกร้องค่าเช่าซื้อค้างชำระหลังเลิกสัญญาเช่าซื้อ และขอบเขตค่าเสียหายจากการส่งมอบรถล่าช้า
สัญญาเช่าซื้อมีว่า ในกรณีที่สัญญานี้ต้องสิ้นสุดลงผู้เช่าซื้อจะต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างอยู่ทั้งหมดให้ผู้ให้เช่าซื้อจนครบ คำว่าค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระคือค่าเช่าซื้อซึ่งถึงกำหนดชำระแล้วก่อนวันที่สัญญาเช่าซื้อนั้นต้องสิ้นสุดลงและผู้เช่าซื้อยังไม่ได้ชำระเท่านั้นหาหมายถึงค่าเช่าซื้อทั้งหมดทุกงวด รวมทั้งค่าเช่าซื้องวดที่ล่วงเลยกำหนดชำระแล้วแต่ผู้เช่าซื้อยังมิได้ชำระและค่าเช่าซื้อที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระไม่ เพราะเมื่อสัญญาเช่าซื้อสิ้นสุดลงแล้วผู้เช่าซื้อก็ไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่าซื้อสำหรับงวดต่อไปอีก
การที่ศาลพิพากษาให้ผู้เช่าซื้อจ่ายค่าเช่าซื้อถึงวันที่ผู้ให้เช่าซื้อยึดรถยนต์คืนมามีผลเท่ากับว่าได้พิพากษาให้ผู้เช่าซื้อจ่ายค่าเสียหายในการที่ผู้ให้เช่าซื้อขาดประโยชน์ไม่ได้ใช้รถยนต์นับจากวันเลิกสัญญาถึงวันที่ยึดรถยนต์คืนมาแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อย่อมไม่มีสิทธิเรียกให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเสียหายในส่วนนี้อีก
การที่ศาลพิพากษาให้ผู้เช่าซื้อจ่ายค่าเช่าซื้อถึงวันที่ผู้ให้เช่าซื้อยึดรถยนต์คืนมามีผลเท่ากับว่าได้พิพากษาให้ผู้เช่าซื้อจ่ายค่าเสียหายในการที่ผู้ให้เช่าซื้อขาดประโยชน์ไม่ได้ใช้รถยนต์นับจากวันเลิกสัญญาถึงวันที่ยึดรถยนต์คืนมาแล้ว ผู้ให้เช่าซื้อย่อมไม่มีสิทธิเรียกให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเสียหายในส่วนนี้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาส่งผลให้การนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
สัญญาจะซื้อขายที่ดินมิได้กำหนดเรื่องที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อจะต้องออกค่าธรรมเนียมในการโอนไว้ในสัญญาด้วยดังนั้นการที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบว่าโจทก์ตกลงกับจำเลยว่าจะออกค่าธรรมเนียมในการโอน และเมื่อโจทก์ไม่ยอมออกค่าธรรมเนียมดังกล่าว ถือว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญานั้นเป็นการนำสืบพยานบุคคลเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจะซื้อขาย ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 795/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจ, ดอกเบี้ย, การบอกกล่าวบังคับจำนอง: การใช้สิทธิเรียกร้องหนี้และการบังคับหลักประกัน
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ มีโนตารี่พับลิคแห่งมลรัฐนิวยอร์คลงนามเป็นพยาน และผู้รับมอบอำนาจเบิกความว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจของธนาคารโจทก์ กรณีจึงไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวมิใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 แม้โจทก์จะไม่นำพยานที่รู้เห็นเกี่ยวกับเอกสารนี้มาสืบ ก็ไม่เป็นเหตุถึงกับให้ฟังว่าใบมอบอำนาจของโจทก์มิใช่ใบมอบอำนาจที่แท้จริง
ตามหนังสือรับรองการขอเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ ได้กำหนดเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่าจำเลยที่ 1 จะจ่ายให้โจทก์เป็นรายเดือนสำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีไปตามอัตราที่โจทก์จะกำหนดขึ้นไว้ และอยู่ในบังคับที่จะเปลี่ยนแปลงได้เป็นคราว ๆ ตามดุลพินิจของโจทก์ และโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละสิบสามครึ่งต่อปีตลอดมา จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2518 หลังจากนั้นได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือร้อยละสิบสองครึ่งต่อปี ถือได้ว่าดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 1 จะต้องเสียให้แก่โจทก์ได้กำหนดอัตราไว้โดยนิติกรรมแล้วตามดุลพินิจของโจทก์ เมื่อดอกเบี้ยที่โจทก์กำหนดไม่เกินอัตราตามกฎหมาย ย่อมใช้บังคับได้
การกู้เบิกเงินเกินบัญชีที่มิได้กำหนดเวลาให้ชำระหนี้ไว้โดยแน่นอน เพียงแต่การที่โจทก์ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมา ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่บอกกล่าวครั้งแรกถึงครั้งสุดท้ายเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน และก่อนจะมีหนังสือบอกกล่าวครั้งสุดท้าย ฝ่ายโจทก์นัดให้จำเลยมาเจรจาเรื่องการชำระหนี้ 2 ครั้ง แต่จำเลยไม่สามารถชำระได้ ถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้ว
ตามหนังสือรับรองการขอเบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ ได้กำหนดเรื่องดอกเบี้ยไว้ว่าจำเลยที่ 1 จะจ่ายให้โจทก์เป็นรายเดือนสำหรับจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชีไปตามอัตราที่โจทก์จะกำหนดขึ้นไว้ และอยู่ในบังคับที่จะเปลี่ยนแปลงได้เป็นคราว ๆ ตามดุลพินิจของโจทก์ และโจทก์ได้คิดดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละสิบสามครึ่งต่อปีตลอดมา จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2518 หลังจากนั้นได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงมาเหลือร้อยละสิบสองครึ่งต่อปี ถือได้ว่าดอกเบี้ยที่จำเลยที่ 1 จะต้องเสียให้แก่โจทก์ได้กำหนดอัตราไว้โดยนิติกรรมแล้วตามดุลพินิจของโจทก์ เมื่อดอกเบี้ยที่โจทก์กำหนดไม่เกินอัตราตามกฎหมาย ย่อมใช้บังคับได้
การกู้เบิกเงินเกินบัญชีที่มิได้กำหนดเวลาให้ชำระหนี้ไว้โดยแน่นอน เพียงแต่การที่โจทก์ปล่อยเวลาให้เนิ่นนานมา ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนอง ซึ่งระยะเวลาตั้งแต่บอกกล่าวครั้งแรกถึงครั้งสุดท้ายเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน และก่อนจะมีหนังสือบอกกล่าวครั้งสุดท้าย ฝ่ายโจทก์นัดให้จำเลยมาเจรจาเรื่องการชำระหนี้ 2 ครั้ง แต่จำเลยไม่สามารถชำระได้ ถือว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้ชำระหนี้ภายในเวลาอันสมควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 728 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษหลายกระทงและความสามารถในการรอการลงโทษเมื่อแต่ละกระทงมีโทษไม่เกิน 2 ปี
โจทก์ฟ้องจำเลยว่ากระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ฐานมีลูกระเบิดฐานพกพาอาวุธปืน และฐานยิงปืนในหมู่บ้าน แต่ละกระทงนั้นเป็นความผิดอยู่ในตัว ซึ่งโจทก์สามารถแยกฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเป็นคดีละกระทงได้ เมื่อโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยแต่ละกระทงไม่เกินกระทงละ 2 ปี จึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเป็นคดีๆ ไปตามกระทงความผิดที่โจทก์รวมฟ้องมาไม่เกินคดีละ 2 ปี ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1594/2523)