คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุสิต วราโห

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้เช่าซื้อและทายาทในการครอบครองรถยนต์ที่เช่าซื้อ และการแจ้งความร้องทุกข์ภายในอายุความ
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อยังอยู่กับผู้ให้เช่าซื้อ แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อนั้นและมีหน้าที่ต้องส่งคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อยแก่ผู้ให้เช่าซื้อหากมีกรณีต้องคืน เมื่อบุตรโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ดังกล่าวย่อมตก ทอดมายังโจทก์ในฐานะทายาทคนหนึ่ง เมื่อจำเลยได้ยักยอกทรัพย์นั้นไปจากโจทก์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์มอบรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยซ่อมเป็นเวลานานถึง 8 เดือนเศษ จำเลยไม่ได้แจ้งราคาค่าซ่อมให้โจทก์ทราบโจทก์น่าจะทราบได้ในขณะนั้นหรือช่วงเวลานั้นแล้วว่าจำเลยเบียดบังเอารถยนต์คันพิพาทเป็นของตนเอง โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินระยะเวลา 3 เดือนพ้นกำหนดอายุความ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6007/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่าซื้อทายาทและการยักยอกทรัพย์: การพิสูจน์ความเสียหายและอายุความ
แม้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ที่เช่าซื้อยังอยู่กับผู้ให้เช่าซื้อ แต่ผู้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิครอบครองใช้ประโยชน์จากรถยนต์ที่เช่าซื้อนั้นและมีหน้าที่ต้องส่งคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อใน สภาพเรียบร้อยแก่ผู้ให้เช่าซื้อหากมีกรณีต้องคืน เมื่อบุตรโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรม สิทธิและหน้าที่ดังกล่าวย่อมตกทอดมายังโจทก์ในฐานะทายาทคนหนึ่ง เมื่อจำเลยได้ยักยอกทรัพย์นั้นไปจากโจทก์ โจทก์ย่อมได้รับความเสียหาย จึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์มอบรถยนต์คันพิพาทให้จำเลยซ่อมเป็นเวลานานถึง 8 เดือนเศษ จำเลยไม่ได้แจ้งราคาซ่อมให้โจทก์ทราบ โจทก์น่าจะทราบได้ในขณะนั้นหรือช่วงเวลานั้นแล้วว่าจำเลยเบียดบังเอารถยนต์คันพิพาทเป็นของตนเอง โจทก์นำคดีมาฟ้องเกินระยะเวลา 3 เดือน พ้นกำหนดอายุความเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5834/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่ถือว่าเป็นการตัดสินคดี สิทธิฟ้องยังไม่ระงับ
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดเดียวกันกับคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์มิได้ลงลายมือชื่อในคำฟ้อง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องเพราะเหตุฟ้องโจทก์ไม่สมบูรณ์โดยยังไม่ได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้อง ถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาในความผิดซึ่งได้ฟ้อง สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องจึงไม่ระงับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5806/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาเกิน 72 ชั่วโมง ต้องไต่สวนเวลาเดินทางของผู้ต้องหา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อล่วงเลยระยะเวลา 72 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่จำเลยถูกจับโดยมิได้นำข้อยกเว้นที่กฎหมายมิให้นับเวลาเดินทางปกติที่นำผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการพนักงานสอบสวนขึ้นวินิจฉัยด้วย ยังไม่เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 7 ศาลชั้นต้นต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ได้ความก่อนว่าระยะเวลาที่กฎหมายยกเว้นมิให้นำมานับรวม เข้าดังกล่าวใช้เวลาเท่าใด แล้วจึงมีคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5806/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาเกินกำหนด 72 ชั่วโมง: ศาลต้องพิจารณาเวลาเดินทางจากที่จับกุม
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อล่วงเลยระยะเวลา 72 ชั่วโมงนับแต่เวลาที่จำเลยถูกจับโดยมิได้นำข้อยกเว้นที่กฎหมายมิให้นับเวลาเดินทางปกติที่นำผู้ต้องหาจากที่จับมายังที่ทำการพนักงานสอบสวนขึ้นวินิจฉัยด้วย ยังไม่เป็นการถูกต้องตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 7ศาลชั้นต้นต้องดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงให้ได้ความก่อนว่าระยะเวลาที่กฎหมายยกเว้นมิให้นำมานับรวมเข้าดังกล่าวใช้เวลาเท่าใด แล้วจึงมีคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5673/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาให้ล้มละลายจากพฤติการณ์หลบหนี้ ซ่อนทรัพย์สิน และมีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยทั้งสองถูกเจ้าหนี้รายอื่นกับโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญา หลายเรื่อง จำเลยที่ 2 จึงได้หลบหนีไป และในการส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ต้องประกาศ หนังสือพิมพ์ ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนก็ต้องส่งโดยวิธีปิดหมาย โดยเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายรายงานว่าไม่มีป้ายชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 อยู่ที่ภูมิลำเนาตามฟ้อง ทั้งโจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ไปเสียจากเคหสถานที่เคยอยู่และปิดสถานที่ประกอบธุรกิจเพื่อประวิงการชำระหนี้ หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 8(4) ข.แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5673/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมีหนี้สินล้นพ้นตัวและการพิพากษาให้ล้มละลายจากพฤติการณ์หลีกเลี่ยงชำระหนี้
จำเลยทั้งสองถูกเจ้าหนี้รายอื่นกับโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญา หลายเรื่อง จำเลยที่ 2 จึงได้หลบหนีไป และในการส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ต้องประกาศ หนังสือพิมพ์ ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนก็ต้องส่งโดยวิธีปิดหมาย โดยเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายรายงานว่าไม่มีป้ายชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 อยู่ที่ภูมิลำเนาตามฟ้อง ทั้งโจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ไปเสียจากเคหสถานที่เคยอยู่และปิดสถานที่ประกอบธุรกิจเพื่อประวิงการชำระหนี้ หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 8(4) ข.แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5673/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสันนิษฐานว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวจากพฤติการณ์หลบหนีและปิดกิจการ เพื่อประวิงหนี้หรือหลีกเลี่ยงการชำระหนี้
จำเลยทั้งสองถูกเจ้าหนี้รายอื่นกับโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญาหลายเรื่อง จำเลยที่ 2 จึงได้หลบหนีไป และในการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ต้องประกาศหนังสือพิมพ์ ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนก็ต้องส่งโดยวิธีปิดหมาย โดยเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายรายงานว่าไม่มีป้ายชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยที่ 1 อยู่ที่ภูมิลำเนาตามฟ้อง ทั้งโจทก์นำสืบได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ไปเสียจากเคหสถานที่เคยอยู่และปิดสถานที่ประกอบธุรกิจเพื่อประวิง การชำระหนี้ หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8 (4) ข. แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5606/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับหนังสือแจ้งหนี้โดยผู้เยาว์ทำให้การส่งเอกสารไม่ชอบตามกฎหมาย
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งความและเตือนให้ผู้ร้องชำระหนี้โดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ปรากฏว่าหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ร้องมิได้รับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง แต่มีบุตรของหุ้นส่วนผู้จัดการผู้ร้องซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปีเป็นผู้รับแทนทั้งสองครั้ง การส่งเอกสารดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ, 76 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 119.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5606/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งเอกสารทางไปรษณีย์ตอบรับต้องส่งให้ผู้มีอำนาจรับเอกสาร การรับเอกสารโดยบุคคลที่ไม่มีอำนาจทำให้การส่งไม่ชอบ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีหนังสือแจ้งความและเตือนให้ผู้ร้องชำระหนี้โดยส่งทางไปรษณีย์ตอบรับ ปรากฏว่าหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ร้องมิได้รับหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง แต่มีบุตรของหุ้นส่วนผู้จัดการผู้ร้องซึ่งมีอายุไม่เกินยี่สิบปีเป็นผู้รับแทนทั้งสองครั้ง การส่งเอกสารดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา73 ทวิ,76 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช2483มาตรา 119.
of 120