คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ดุสิต วราโห

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4685/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เลียนแบบเครื่องหมายการค้าเดิมจนอาจทำให้สาธารณชนสับสน
เครื่องหมายการค้าที่โจทก์จดทะเบียนไว้ เป็นรูปตะขอประดิษฐ์อยู่ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าภาพหนึ่ง และเป็นรูปตะขอประดิษฐ์อยู่ภายในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนรูปตะขอมีอักษรโรมันอ่านว่าไนกี้อีกภาพหนึ่ง ส่วนเครื่องหมายการค้าที่จำเลยขอจดทะเบียนเป็นภาพประดิษฐ์คล้ายกล้องสูบยาเส้นและอีกภาพหนึ่งเป็นภาพประดิษฐ์คล้ายไม้หันอากาศกลับข้าง ไม่มีตัวอักษรใด ๆ ทั้งสองภาพ เมื่อพิจารณาเครื่องหมายของจำเลยแล้วเห็นได้ชัดว่าความสำคัญที่เด่นชัดคือรูปประดิษฐ์คล้ายกล้องยาสูบและรูปประดิษฐ์คล้ายไม้หันอากาศกลับข้างนั้น ก็คือรูปตะขอประดิษฐ์ทำนองเดียวกับของโจทก์ ดังนั้นเครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงเลียนรูปและลักษณะของโจทก์เป็นการลวงให้สาธารณชนหลงเข้าใจผิดได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4599/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการกระทำทางเพศ: การจิ้มอวัยวะเพศไม่ถือเป็นความพยายามข่มขืนกระทำชำเรา
จำเลยอุ้มเด็กหญิง ว. ผู้เสียหายอายุ 8 ปีเศษไปนอนบนที่นอนแล้วดึงกางเกงผู้เสียหายรูดลงมาที่เข่าโดยมิได้ถอดออกจากตัวผู้เสียหายและมิได้จับขาผู้เสียหายถ่างออก จำเลยเองก็มิได้ถอดกางเกงของตนออกแต่ได้ล้วงเอาอวัยวะเพศของจำเลยออกมาทางขากางเกงขาสั้นแล้วเอาอวัยวะเพศนั้นจิ้มตรงอวัยวะเพศของผู้เสียหายครั้งเดียวในขณะที่ขาของผู้เสียหายแนบชิดติดกันอยู่ดังนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราผู้เสียหายได้และจำเลยก็มิได้พยายามที่จะเอาอวัยวะเพศของจำเลยใส่เข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหาย จำเลยคงมีเจตนาเอาอวัยวะเพศของจำเลยจิ้มให้ถูกอวัยวะเพศของผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานกระทำอนาจารไม่ผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4599/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารที่ไม่ถึงขั้นพยายามข่มขืนกระทำชำเรา พิจารณาจากลักษณะการกระทำและเจตนา
จำเลยอุ้มเด็กหญิง ว. ผู้เสียหายอายุ 8 ปีเศษไปนอนบนที่นอนแล้วดึงกางเกงผู้เสียหายรูดลงมาที่เข่าโดยมิได้ถอดออกจากตัวผู้เสียหายและมิได้จับขาผู้เสียหายถ่างออก จำเลยเองก็มิได้ถอดกางเกงของตนออก แต่ได้ล้วงเอาอวัยวะเพศของจำเลยออกมาทางขากางเกงขาสั้น แล้วเอาอวัยวะเพศนั้นจิ้มตรงอวัยวะเพศของผู้เสียหายครั้งเดียวในขณะที่ขาของผู้เสียหายแนบชิดติดกันอยู่ดังนี้ ลักษณะการกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราผู้เสียหายได้และจำเลยก็มิได้พยายามที่จะเอาอวัยวะเพศของจำเลยใส่เข้าไปในช่องคลอดของผู้เสียหาย จำเลยคงมีเจตนาเอาอวัยวะเพศของจำเลยจิ้มให้ถูกอวัยวะเพศของผู้เสียหายเท่านั้น จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานกระทำอนาจารไม่ผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเรา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4554/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของห้างหุ้นส่วนจำกัด: ใบมอบอำนาจไม่ถูกต้อง
ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นโจทก์ฟ้องคดี แต่ใบมอบอำนาจให้ฟ้องและดำเนินคดีเป็นกรณีที่ น. หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์มอบอำนาจให้ ค. ฟ้องและดำเนินคดีแทนตัว น. เอง ห้างหุ้นส่วนจำกัดโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4554/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญา: ใบมอบอำนาจต้องระบุชัดเจนว่ามอบอำนาจให้ฟ้องแทนโจทก์ ไม่ใช่แทนตัวผู้มอบอำนาจ
ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นโจทก์ฟ้องคดี แต่ใบมอบอำนาจให้ฟ้องและดำเนินคดีเป็นกรณีที่ น. หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์มอบอำนาจให้ ค. ฟ้องและดำเนินคดีแทนตัว น. เอง ห้างหุ้นส่วนจำกัดโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4536/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี: พยานหลักฐานมั่นคงบ่งชี้จำเลยเป็นผู้กระทำผิด
ผู้เสียหายอายุ 13 ปี ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้คอและข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ในที่เกิดเหตุมืดแม้ผู้เสียหายไม่เห็นหน้าคนร้าย แต่จำเสียงได้ว่าเป็นเสียงของจำเลยผู้เสียหายและจำเลยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกันโดยผู้เสียหายเป็นบุตรแม่เลี้ยงจำเลย ส่วนจำเลยเป็นบุตรพ่อเลี้ยงผู้เสียหายแม้จำเลยจะเบิกความว่าไม่ค่อย ได้พูดกับผู้เสียหาย ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีเรื่องโกรธเคืองจำเลยจึงไม่มีข้อระแวงสงสัยว่าจะแกล้งกล่าวหา การที่ มารดา ผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่าคืนเกิดเหตุผู้เสียหายไม่ได้บอกว่าใครทำ อาจเป็นการช่วยเหลือจำเลยเพราะพยานเป็นมารดาเลี้ยงจำเลยและอาศัยอยู่กับบิดาของจำเลย ย่อมจะต้องมีความเกรงใจบิดาจำเลยเป็นธรรมดา การที่ผู้เสียหายไปแจ้งความช้า ก็เพราะเห็นว่าพึ่งพามารดาไม่ได้เสียแล้ว จึงต้องไปหา ว.น้าชาย ให้ช่วย พาไปแจ้งความ ไม่ปรากฏว่า ว. เคยโกรธเคืองกับจำเลยด้วยสาเหตุอะไร ส่วนกางเกงขายาวของจำเลยที่ทิ้งอยู่ในห้องผู้เสียหายแม้มารดาผู้เสียหายจะเบิกความว่าไม่เคยเห็น ก็หาเป็นพิรุธทำให้คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนักน้อยลงไม่ พยานหลักฐานโจทก์มีเหตุผลมั่นคงบ่งชี้ได้ชัดแจ้งว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4408/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากพฤติการณ์ชู้สาวและการไม่เคารพผู้ปกครอง
ส.อายุ 19 ปี ยังอยู่ในความปกครองของจำเลยและอยู่ร่วมบ้านเดียวกับจำเลยผู้เป็นบิดา ผู้ตายมีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้วมารักใคร่ชอบพอถึงขั้นได้เสียกับ ส.จน ส.ตั้งครรภ์ต้องไปทำแท้ง ต่อมามีเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างโจทก์กับ ส.จนจำเลยห้ามผู้ตายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับ ส.อีก แต่ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับลักลอบมาหลับนอนกับ ส.ขณะที่จำเลยไม่อยู่บ้าน เป็นการกระทำที่หยามเหยียดปราศจากความยำเกรงจำเลยผู้เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครอง การที่ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้ขึ้นไปหลับนอนกับ ส.บนบ้านจำเลย ย่อมเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ที่จำเลยยิงผู้ตายไปในขณะนั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4408/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าโดยเจตนา แต่ศาลลดโทษเนื่องจากบันดาลโทสะจากพฤติกรรมข่มเหงและไม่เคารพอำนาจปกครอง
ส.อายุ 19 ปี ยังอยู่ในความปกครองของจำเลยและอยู่ร่วมบ้านเดียวกับจำเลยผู้เป็นบิดา ผู้ตายมีโจทก์เป็นภริยาอยู่แล้วมารักใคร่ชอบพอถึงขั้นได้เสียกับ ส.จนส.ตั้งครรภ์ต้องไปทำแท้ง ต่อมามีเรื่องทะเลาะวิวาทระหว่างโจทก์กับ ส.จนจำเลยห้ามผู้ตายไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับส.อีกแต่ผู้ตายไม่เชื่อฟังกลับลักลอบมาหลับนอนกับส.ขณะที่จำเลยไม่อยู่บ้าน เป็นการกระทำที่หยามเหยียดปราศจากความยำเกรงจำเลยผู้เป็นบิดาผู้ใช้อำนาจปกครอง การที่ในคืนเกิดเหตุผู้ตายได้ขึ้นไปหลับนอนกับ ส.บนบ้านจำเลย ย่อมเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ที่จำเลยยิงผู้ตายไปในขณะนั้นย่อมถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดเพราะบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4399/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้เสียหายโดยนิตินัยในคดีเช็ค: หุ้นส่วนที่รู้ฐานะลูกหนี้ไม่มีเงินชำระหนี้ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ จำเลยและ ช. เป็นหุ้นส่วนกันเพื่อขุดทรายขายแต่ห้างหุ้นส่วนไม่มีเงินสดดำเนินกิจการ โจทก์จึงให้จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อนำไปแลกเงินสด ดังนั้น มูลหนี้ตามเช็คพิพาทเกิดจากกิจการค้าขายของห้างหุ้นส่วนระหว่าง โจทก์ จำเลย และ ช. ผู้เป็นหุ้นส่วนย่อมมีส่วนได้เสียร่วมกันอยู่ในเช็คพิพาท ทั้งโจทก์ทราบฐานะของจำเลยดีอยู่แล้วว่าจำเลยไม่มีเงินในบัญชีพอที่จะนำมาชำระหนี้ตามเช็คพิพาทได้ โจทก์รับเช็คไว้โดยไม่สุจริต จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4358/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์หนี้, หลักฐานทางบัญชี, การยื่นเอกสารเพิ่มเติมหลังอุทธรณ์, ศาลไม่รับฟัง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันและทายาทผู้รับมรดกของ ส.ชำระหนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีแทนส.จำเลยให้การว่าผู้ตายเป็นหนี้โจทก์หรือไม่ จำเลยไม่ทราบผู้ตายไม่ได้เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง ดังนี้เป็นคำให้การที่ปฏิเสธฟ้องของโจทก์ โจทก์มีภาระที่จะต้องพิสูจน์ให้ฟังได้ว่า ส. เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้อง แต่เอกสารที่โจทก์อ้างประกอบคำเบิกความพยานโจทก์ซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ปรากฏยอดเงินเป็นศูนย์โดยที่โจทก์มิได้อธิบายถึงความเป็นมาแห่งจำนวน หนี้ โจทก์จะให้ศาลฟังว่ายังมีหนี้ตามบัญชีนี้อยู่อีกย่อม ไม่ได้ จึงต้องฟังว่า ส. มิได้เป็นหนี้โจทก์
บัญชีพาสท์ดิวที่โจทก์ยื่นมาท้ายอุทธรณ์เพื่อแสดงว่ามีการโอนหนี้มายังบัญชีพาสท์ดิวนั้น เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2) และไม่ใช่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฎีกาไม่รับฟัง
of 120