พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด แม้เป็นการมอบตัวอย่างเพื่อหลอกลวง ก็ถือเป็นการจำหน่ายได้ และการริบของกลางต้องเป็นของจำเลย
ตำรวจปลอมตัวเป็นพ่อค้าไปล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลย แต่จำเลยนำผงซักฟอกมาหลอกขายให้แทน ในการหลอกขายนี้จำเลยได้นำเฮโรอีนบรรจุหลอดพลาสติกครึ่งหลอดมามอบให้ตำรวจ มิใช่เพียงมอบให้ดูเท่านั้น แต่มอบให้ตำรวจไปเลย แม้จำเลยจะมอบให้เพื่อเป็นตัวอย่างในการหลอกขายผงซักฟอกก็ตาม ก็เป็นการมอบเฮโรอีนให้แก่ผู้อื่น ถือเป็นการจำหน่ายแจกจ่ายเฮโรอีนครึ่งหลอดนั้นให้แก่ตำรวจ คำว่า "จำหน่าย" มิได้หมายความเฉพาะการขายเท่านั้น การจำหน่ายแจกจ่ายด้วยประการใดก็ถือเป็นการจำหน่าย
ธนบัตรของกลางฉบับละห้าร้อยบาท 10 ฉบับ ที่เจ้าพนักงานนำมาใช้ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยนั้น ปรากฏว่าเป็นเงินที่ตำรวจยืมมาจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดให้โทษอเมริกา ฯ หาใช่เป็นของจำเลยไม่ ฉะนั้นจึงต้องคืนธนบัตรนั้นให้แก่เจ้าของจะริบไม่ได้
ธนบัตรของกลางฉบับละห้าร้อยบาท 10 ฉบับ ที่เจ้าพนักงานนำมาใช้ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยนั้น ปรากฏว่าเป็นเงินที่ตำรวจยืมมาจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดให้โทษอเมริกา ฯ หาใช่เป็นของจำเลยไม่ ฉะนั้นจึงต้องคืนธนบัตรนั้นให้แก่เจ้าของจะริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การมอบยาตัวอย่างถือเป็นการจำหน่าย และเงินล่อซื้อต้องคืนเจ้าของ
ตำรวจปลอมตัวเป็นพ่อค้าไปล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลย แต่จำเลย นำผงซักฟอกมาหลอกขายให้แทน ในการหลอกขายนี้จำเลยได้นำเฮโรอีนบรรจุหลอดพลาสติกครึ่งหลอดมามอบให้ตำรวจ มิใช่เพียงมอบให้ดูเท่านั้น แต่มอบให้ตำรวจไปเลย แม้จำเลยจะมอบให้เพื่อเป็นตัวอย่างในการหลอกขายผงซักฟอกก็ตาม ก็เป็นการมอบเฮโรอีนให้แก่ผู้อื่น ถือเป็นการจำหน่ายแจกจ่ายเฮโรอีนครึ่งหลอดนั้นให้แก่ตำรวจ คำว่า 'จำหน่าย' มิได้หมายความเฉพาะการขายเท่านั้น การจำหน่ายแจกจ่ายด้วยประการใดก็ถือเป็นการจำหน่าย ธนบัตรของกลางฉบับละห้าร้อยบาท 10 ฉบับ ที่เจ้าพนักงานนำมาใช้ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยนั้น ปรากฏว่าเป็นเงินที่ตำรวจยืมมาจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดให้โทษอเมริกา ฯ หาใช่เป็นของจำเลยไม่ฉะนั้นจึงต้องคืนธนบัตรนั้นให้แก่เจ้าของจะริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3496/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องเงินสงเคราะห์รายเดือนและเงินสะสม แม้มีคดีเรียกค่าเสียหายอยู่ระหว่างพิจารณา นายจ้างไม่มีสิทธิยึดหน่วง
จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างไม่ยอมจ่ายเงินสงเคราะห์รายเดือนและเงินสะสมให้โจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงเพราะโจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายและจำเลยได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์แล้วนั้น เมื่อปรากฏว่าคดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างพิจารณา จึงยังเป็นหนี้ที่ไม่แน่นอนและยังไม่ถึงกำหนดชำระ ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งยึดครองนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าวก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3496/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการได้รับเงินสงเคราะห์และเงินสะสมหลังลาออก กรณีจำเลยอ้างหนี้จากการฟ้องเรียกค่าเสียหายและยึดหน่วงเงิน
จำเลยซึ่งเป็นนายจ้างไม่ยอมจ่ายเงินสงเคราะห์รายเดือนและเงินสะสมให้โจทก์ โดยอ้างว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงเพราะโจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องเป็นเหตุให้จำเลยเสียหายและจำเลยได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโจทก์แล้วนั้น เมื่อปรากฏว่าคดีดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างพิจารณา จึงยังเป็นหนี้ที่ไม่แน่นอนและยังไม่ถึงกำหนดชำระ ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีหนี้อันเป็นคุณประโยชน์แก่ตนเกี่ยวด้วยทรัพย์สินซึ่งยึดครองนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241จำเลยจึงไม่มีสิทธิยึดหน่วงเงินดังกล่าว เมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าวก็ต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างเนื่องจากฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างอย่างร้ายแรง กรณีสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบซึ่งอาจก่อให้เกิดอัคคีภัย
โรงงานผลิตกล่องกระดาษของจำเลยเคยถูกไฟไหม้เสียหายนับล้านบาทจำเลยจึงมีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงาน และได้วางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้อย่างเข้มแข็ง จัดให้มีเครื่องดับเพลิงและป้ายห้ามสูบบุหรี่ทั่วบริเวณโรงงาน โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างยืนสูบบุหรี่ข้าง ๆ กองกล่องกระดาษซึ่งมีกล่องกระดาษเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3495/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างฐานฝ่าฝืนคำสั่งนายจ้างอย่างร้ายแรง กรณีสูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย
โรงงานผลิตกล่องกระดาษของจำเลยเคยถูกไฟไหม้เสียหายนับล้านบาทจำเลยจึงมีคำสั่งห้ามสูบบุหรี่ในบริเวณโรงงาน และได้วางมาตรการป้องกันเพลิงไหม้อย่างเข้มแข็ง จัดให้มีเครื่องดับเพลิงและป้ายห้ามสูบบุหรี่ทั่วบริเวณโรงงาน โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างยืนสูบบุหรี่ข้าง ๆ กองกล่องกระดาษซึ่งมีกล่องกระดาษเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยเป็นกรณีร้ายแรง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่กินฉันสามีภริยา แม้จดทะเบียนสมรสและหย่าภายหลัง
ผู้ร้องและจำเลยเป็นสามีภริยากันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 แต่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันในปี พ.ศ. 2518 และจดทะเบียนหย่ากันในปี พ.ศ. 2520 ขณะแต่งงานกันต่างฝ่ายต่างไม่มีทรัพย์สิน ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างที่ผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินด้วยกันก่อนจดทะเบียนสมรสจึงเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องกับจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์รวม แม้ภายหลับผู้ร้องกับจำเลยได้จดทะเบียนสมรสและหย่าขาดจากกันโดยไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์ดังกล่าวเป็นอย่างอื่น ทรัพย์สินนั้นจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่ ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้องขอให้ปล่อยจากการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินที่ได้มาขณะอยู่กินฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรส แม้หย่าแล้วก็ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวม
ทรัพย์สินพิพาทได้มาระหว่างผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินกันฉันสามีภริยาก่อนจดทะเบียนสมรส ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องกับจำเลยทำมาหาได้ร่วมกัน ผู้ร้องกับจำเลยจึงมีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินพิพาท แม้ภายหลังผู้ร้อง กับจำเลยจดทะเบียนสมรสและหย่าขาดจากกันโดยไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินพิพาทเป็นอย่างอื่น ทรัพย์สินที่พิพาทจึงยังคงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ผู้ร้องย่อมไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้ปล่อยทรัพย์สินพิพาทจากการยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431-3433/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนใจเอาทรัพย์, กรรมต่างกัน, เจ้าพนักงานใช้อำนาจโดยมิชอบ
จำเลยทั้งสองกับพวกพากันไปที่บ้านของ ว. โดยอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม พกปืนบ้าง ถือกิ่งพืชกระท่อมบ้าง และกล่าวหา ว. ว่ามีพืชกระท่อมผิดกฎหมายจะจับกุมและทำบันทึกการจับกุม แล้วพูดว่า หากไม่ต้องการถูกจับกุมให้เสียเงิน ว.ไม่มีพืชกระท่อมแต่มีความกลัวต่อการข่มขู่ของจำเลยจึงยอมจ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยที่ 1 ก็พกปืนโดยมีจำเลยที่ 2 ถือพืชใบกระท่อมไปที่บ้านของ ท. และบ้านของ ส. ข่มขู่เรียกเอาเงินจาก ท. และ ส. โดยวิธีการทำนองเดียวกัน แล้วเรียกให้ ท. และ ส. ไปหาเงินมาส่งมอบให้จำเลยที่บ้านของ ว. เมื่อได้เงินแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็กลับไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทั้งสามยอมให้เงินที่จำเลยกระทำไป แม้จะใช้วิธีการอย่างเดียวกันแต่จำเลยได้กระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ต่างสถานที่ และต่างเวลากัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำของตนเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3431-3433/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การข่มขืนใจเรียกทรัพย์หลายกรรมต่างกัน ศาลฎีกาพิจารณาเจตนาแยกการกระทำเป็นหลายกรรม
จำเลยทั้งสองกับพวกพากันไปที่บ้านของ ว. โดยอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม พกปืนบ้าง ถือกิ่งพืชกระท่อมบ้าง และกล่าวหา ว. ว่ามีพืชกระท่อมผิดกฎหมายจะจับกุมและทำบันทึกการจับกุม แล้วพูดว่า หากไม่ต้องการถูกจับกุมให้เสียเงิน ว. ไม่มีพืชกระท่อมแต่มีความกลัวต่อการข่มขู่ของจำเลยจึงยอมจ่ายเงินให้จำเลยไปแล้วจำเลยที่ 1 ก็พกปืนโดยมีจำเลยที่ 2 ถือพืชใบกระท่อมไปที่บ้านของ ท.และบ้านของส.ข่มขู่เรียกเอาเงินจากท.และส. โดยวิธีการทำนองเดียวกัน แล้วเรียกให้ ท.และส. ไปหาเงินมาส่งมอบให้จำเลยที่บ้านของว. เมื่อได้เงินแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกก็กลับไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทั้งสามยอมให้เงินที่จำเลยกระทำไป แม้จะใช้วิธีการอย่างเดียวกันแต่จำเลยได้กระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ต่างสถานที่ และต่างเวลากัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยว่าจำเลยมีเจตนาแยกการกระทำของตนเป็นหลายกรรมต่างกัน ต้องถือว่าจำเลยกระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน