พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,197 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสาย แม้มีข้อตกลงเรื่องการตัดเงินเดือนเฉพาะวันหยุดพิเศษ ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่กำหนดว่าในกรณีที่พนักงานมาทำงานในวันหยุดพิเศษ (วันหยุดตามประเพณี) นายจ้างตกลงจ่ายเงินให้ในอัตราสองเท่าของเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวัน ส่วนการขาดงานให้ตัดเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวันในกรณีที่พนักงานสายเกินกำหนด ซึ่งไม่ถือว่าขาดงานจะทำโทษเฉพาะตัดเงินเดือนเท่านั้น นั้น เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับระเบียบการทำงานเฉพาะในวันหยุดพิเศษ หรือวันหยุดประเพณี มิได้หมายความถึงการทำงานในวันทำงานตามปกติ ซึ่งมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยวางไว้ต่างหาก
เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างได้กำหนดมาตรการในการลงโทษลูกจ้างผู้มาทำงานสายไว้เป็นลำดับซึ่งระดับโทษมีตั้งแต่ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตัดค่าจ้าง พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ ซึ่งนายจ้างได้ออกหนังสือเตือนหลายครั้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
การที่ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำและนายจ้างได้เตือนแล้วถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การ ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต นายจ้างย่อมมีสิทธิที่จะไล่ออกโดยมิพักต้อง บอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583
เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างได้กำหนดมาตรการในการลงโทษลูกจ้างผู้มาทำงานสายไว้เป็นลำดับซึ่งระดับโทษมีตั้งแต่ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตัดค่าจ้าง พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้างและเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ ซึ่งนายจ้างได้ออกหนังสือเตือนหลายครั้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
การที่ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำและนายจ้างได้เตือนแล้วถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การ ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต นายจ้างย่อมมีสิทธิที่จะไล่ออกโดยมิพักต้อง บอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่กำหนดว่า "ในกรณีที่พนักงานมาทำงานในวันหยุดพิเศษ (วันหยุดตามประเพณี) นายจ้างตกลงจ่ายเงินให้ในอัตราสองเท่าของเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวัน ส่วนการขาดงานให้ตัดเงินเดือนและค่าบริการโดยเฉลี่ยเป็นรายวันในกรณีที่พนักงานสายเกินกำหนด ซึ่งไม่ถือว่าขาดงานจะทำโทษเฉพาะตัดเงินเดือนเท่านั้น" เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับระเบียบการทำงานเฉพาะในวันหยุดพิเศษ หรือวันหยุดประเพณี มิได้หมายความถึงการทำงานในวันทำงานตามปกติ ซึ่งมีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยวางไว้ต่างหาก
เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างได้กำหนดมาตรการในการลงโทษลูกจ้างผู้มาทำงานสายไว้เป็นลำดับ ซึ่งระดับโทษมีตั้งแต่ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตัดค่าจ้าง พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้าง และเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ ซึ่งนายจ้างได้ออกหนังสือเตือนหลายครั้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
การที่ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำและนายจ้างได้เตือน แล้วถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต นายจ้างย่อมมีสิทธิที่จะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583
เมื่อข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของนายจ้างได้กำหนดมาตรการในการลงโทษลูกจ้างผู้มาทำงานสายไว้เป็นลำดับ ซึ่งระดับโทษมีตั้งแต่ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร ตัดค่าจ้าง พักงานชั่วคราวโดยไม่จ่ายค่าจ้าง และเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชย จำเลยย่อมมีสิทธิเลิกจ้างลูกจ้างที่มาทำงานสายเป็นประจำ ซึ่งนายจ้างได้ออกหนังสือเตือนหลายครั้งโดยไม่จ่ายค่าชดเชยได้
การที่ลูกจ้างมาทำงานสายเป็นประจำและนายจ้างได้เตือน แล้วถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมควรแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต นายจ้างย่อมมีสิทธิที่จะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดสถานที่เกิดเหตุและชนิดยาพิษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้ยาพิษผสมน้ำเทลงในบ่อปลาของผู้เสียหายและระบุตำบล อำเภอ และจังหวัดที่เกิดเหตุไว้ด้วย เช่นนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 บัญญัติไว้และจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายชนิดของยาพิษด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดยาพิษและสถานที่เกิดเหตุ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยใช้ยาพิษผสมน้ำเทลงในบ่อปลาของผู้เสียหายและระบุตำบล อำเภอ และจังหวัดที่เกิดเหตุไว้ด้วย เช่นนี้ เป็นฟ้องที่บรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158. บัญญัติไว้และจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายชนิดของยาพิษด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 317/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีละเมิดรวม พิจารณาตามทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละราย
โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยฐานละเมิดโดยโจทก์ที่ 1 เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท โจทก์ที่ 2 เรียกค่าเสียหาย7,000 บาท ดังนี้ ถึงแม้จะฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกัน สิทธิอุทธรณ์ฎีกาก็ต้องถือตามจำนวนทุนทรัพย์ของโจทก์แต่ละคนที่ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 273/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งปิดงานตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ การแจ้งผ่านผู้แทนลูกจ้างมีผลผูกพันถึงลูกจ้างทุกคน
ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 34 วรรคท้าย ที่กำหนดหลักเกณฑ์ของการปิดงานว่านายจ้างต้องแจ้งเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่ง คือลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อยยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่รับแจ้งนั้น มิได้หมายความว่านายจ้างต้องแจ้งการปิดงานแก่ลูกจ้างผู้แจ้งข้อเรียกร้องเป็นรายตัว การที่นายจ้างแจ้งการปิดงานต่อผู้แทนลูกจ้างเพียงคนเดียว ย่อมถือได้ว่านายจ้างได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 34 วรรคท้ายแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 272/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ศาลแรงงานวินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน กรณีจำเลยให้การรับว่าเลิกจ้างแล้ว
เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้เลิกจ้างโจทก์แล้ว การที่ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ จึงเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงไม่ถูกต้องและคดียังมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าโจทก์มีสิทธิอะไรบ้าง เมื่อถูกเลิกจ้าง ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางที่วินิจฉัยดังกล่าวและให้ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4037/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความเหมือนหรือความคล้ายคลึงของเครื่องหมายการค้า เพื่อใช้ในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
เครื่องหมายการค้าซึ่งจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนคือ 'ORAVIT-M' ออกสำเนียงว่า 'โอราวิท-เอ็ม'กับเครื่องหมายการค้าโจทก์ซึ่งจดทะเบียนไว้คือ 'AROVIT' ออกสำเนียงว่า 'อะโรวิท' นั้นไม่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน.เพราะเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีสำเนียงเพียง 3 พยางค์และขึ้นต้นด้วยคำว่า 'อะ' ส่วนเครื่องหมายการค้าที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนมีสำเนียงถึง 4 พยางค์ และขึ้นต้นด้วยคำว่า 'โอ' ไม่ทำให้ผู้เรียกขานสับสน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3991/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มีเจตนาครอบครองร่วมและการกระทำตามคำสั่งของนายจ้าง ทำให้ผู้กระทำไม่มีความผิด
จำเลยที่ 2 เพิ่งมาเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 เพียง 2 วันก็ถูกจับกุม จำเลยที่ 2 อายุเพียง 16 ปี เข้ามาเกี่ยวข้องกับไม้ของกลางโดยทำงานตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 และเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองไม้ของกลางร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3991/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่มีเจตนาครอบครองร่วม: ลูกจ้างใหม่ไม่มีความผิดในความผิดฐานครอบครองไม้ผิดกฎหมาย
จำเลยที่ 2 เพิ่งมาเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 เพียง 2วันก็ถูกจับกุม จำเลยที่ 2 อายุเพียง 16 ปี เข้ามาเกี่ยวข้องกับไม้ของกลางโดยทำงานตามคำสั่งของจำเลยที่ 1และเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 1 ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้ครอบครองไม้ของกลางร่วมกับจำเลยที่ 1 ด้วยจำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง