พบผลลัพธ์ทั้งหมด 221 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษคดีฆ่าโดยมีพยานหลักฐานเป็นคำรับสารภาพและพยาน circumstantial evidence ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาเห็นพ้องต้องกันในการใช้ดุลพินิจลงโทษ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะเกิดเหตุ คงมีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมเพียงปากเดียวซึ่งเบิกความว่าเห็นจำเลยวิ่งออกมาจากไร่อ้อยภายหลังเกิดเหตุ ที่ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนฆ่าผู้ตาย และฆ่าเพราะอะไรโดยวิธีใด ก็เพราะจำเลยให้การรับสารภาพมาตั้งแต่ชั้นสอบสวนจนถึงศาล ศาลวางโทษจำคุกตลอดชีวิต เมื่อเพิ่มโทษและลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุก 33 ปี 4 เดือน จึงเหมาะสมแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินบำเหน็จตกทอดชำระหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตศาลเป็นโมฆะและเป็นเหตุให้เจ้าหนี้ต้องคืนเงิน
เงินบำเหน็จตกทอดซึ่งทางราชการจ่ายให้แก่ทายาทของข้าราชการซึ่งถึงแก่ความตาย มิใช่มรดกของผู้ตาย
โจทก์เป็นผู้เยาว์ มารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจะทำนิติกรรมที่มีผลให้ผู้เยาว์ต้องรับเป็นผู้ชำระหนี้ของบุคคลอื่นไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ผู้ตาย และได้รับเงินบำเหน็จตกทอดไปเป็นการชำระหนี้โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ให้ความยินยอมโดยมิได้รับอนุญาตจากศาล จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้เยาว์ และถือได้ว่าเป็นการได้ซึ่งทรัพย์สินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406
โจทก์เป็นผู้เยาว์ มารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจะทำนิติกรรมที่มีผลให้ผู้เยาว์ต้องรับเป็นผู้ชำระหนี้ของบุคคลอื่นไม่ได้เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ผู้ตาย และได้รับเงินบำเหน็จตกทอดไปเป็นการชำระหนี้โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ให้ความยินยอมโดยมิได้รับอนุญาตจากศาล จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้เยาว์ และถือได้ว่าเป็นการได้ซึ่งทรัพย์สินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้หักเงินบำเหน็จตกทอดชำระหนี้แทนผู้เยาว์ต้องได้รับอนุญาตจากศาล การรับเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นเหตุให้เรียกคืนได้
เงินบำเหน็จตกทอดซึ่งทางราชการจ่ายให้แก่ทายาทของข้าราชการซึ่งถึงแก่ความตาย มิใช่มรดกของผู้ตาย
โจทก์เป็นผู้เยาว์ มารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจะทำนิติกรรมที่มีผลให้ผู้เยาว์ต้องรับเป็นผู้ชำระหนี้ของบุคคลอื่นหรือแทนบุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ผู้ตาย และได้รับเงินบำเหน็จตกทอดไปเป็นการชำระหนี้โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ให้ความยินยอมโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้เยาว์ และถือได้ว่าเป็นการได้ซึ่งทรัพย์สินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406
โจทก์เป็นผู้เยาว์ มารดาซึ่งเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมจะทำนิติกรรมที่มีผลให้ผู้เยาว์ต้องรับเป็นผู้ชำระหนี้ของบุคคลอื่นหรือแทนบุคคลอื่นไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
จำเลยเป็นเจ้าหนี้ผู้ตาย และได้รับเงินบำเหน็จตกทอดไปเป็นการชำระหนี้โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ให้ความยินยอมโดยมิได้รับอนุญาตจากศาลจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ผู้เยาว์ และถือได้ว่าเป็นการได้ซึ่งทรัพย์สินโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์จึงมีสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 406
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดสุราของกลางและการตกเป็นของแผ่นดินเมื่อไม่มาร้องขอคืนภายในกำหนด
สุราของกลางถูกเจ้าพนักงานศุลกากรยึดไว้ในฐานะเป็นของไม่เสียภาษีศุลกากรตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2517 โจทก์เข้ามอบตัวต่อตำรวจเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2517 จนกระทั่งศาลพิพากษาเรื่องโจทก์ปิดอากรแสตมป์สุราไม่ครบถ้วนตาม พระราชบัญญัติสุราฯแล้วโจทก์จึงมาขอสุราของกลางคืนซึ่งก็เป็นเวลาเกิน 30 วันนับแต่วันยึดแล้ว สุราของกลางจึงตกเป็นของแผ่นดินตาม พระราชบัญญัติศุลกากรฯ มาตรา 24 วรรค 2 ไปแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาท ไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่โดยที่ผู้เสียหายเกิดเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นด้วยกันในร้านที่จำเลยทำงานอยู่ จำเลยจึงทำไปโดยเจตนาจะระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในร้าน ทั้งขณะนั้นก็เป็นเวลาที่คู่วิวาททั้งหลายกำลังชุลมุนชกต่อยกันอยู่ พัลวัน มีการตีกันถึงศีรษะแตก จำเลยแทงไป 1 ทีในขณะฉุกละหุกโดยไม่ได้แทงซ้ำอีก บาดแผลของผู้เสียหายสามารถรักษาหายได้ใน 10 วัน ทั้งจำเลยยังได้พาผู้ถูกทำร้ายบาดเจ็บคนหนึ่งไปโรงพยาบาล แสดงว่าจำเลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าตนได้กระทำความผิดรุนแรงถึงกับฆ่าใคร ลักษณะและพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำไปดังกล่าวไม่ถึงกับมีเจตนาฆ่า เป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายคู่วิวาทคนใดคนหนึ่งเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาทกันในร้าน จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายร่างกายเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาท ไม่ถึงเจตนาฆ่า
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อน แต่โดยที่ผู้เสียหายเกิดเรื่องชกต่อยกับวัยรุ่นด้วยกันในร้านที่จำเลยทำงานอยู่ จำเลยจึงทำไปโดยเจตนาจะระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในร้าน ทั้งขณะนั้นก็เป็นเวลาที่คู่วิวาททั้งหลายกำลังชุลมุนชกต่อยกันอยู่พัลวัน มีการตีกันถึงศีรษะแตก จำเลยแทงไป 1 ทีในขณะฉุกละหุกโดยไม่ได้แทงซ้ำอีก บาดแผลของผู้เสียหายสามารถรักษาหายได้ใน 10 วัน ทั้งจำเลยยังได้พาผู้ถูกทำร้ายบาดเจ็บคนหนึ่งไปโรงพยาบาล แสดงว่าจำเลยไม่ได้มีความรู้สึกว่าตนได้กระทำความผิดรุนแรงถึงกับฆ่าใคร ลักษณะและพฤติการณ์ที่จำเลยกระทำไปดังกล่าวไม่ถึงกับมีเจตนาฆ่า เป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายคู่วิวาทคนใดคนหนึ่งเพื่อระงับเหตุชุลมุนวิวาทกันในร้าน จำเลยจึงมีความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกล้างโมฆียะกรรมต้องแสดงเจตนาชัดเจน การฟ้องอาญาไม่ใช่การบอกล้าง
การบอกล้างโมฆียะกรรมนั้น คู่กรณีฝ่ายที่มีสิทธิบอกล้างจะต้องแสดงเจตนาต่อคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 137,140 การที่ผู้ร้องฟ้องจำเลยที่ 3 เป็นคดีอาญาในความผิดฐานฉ้อโกงก็โดยประสงค์จะให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 3 ในทางอาญาจึงไม่เป็นการแสดงเจตนาบอกล้างโมฆียะกรรมตามความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้กู้ยืมเงินโดยมีดอกเบี้ยของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ถือเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ ต้องเสียภาษีการค้า
ประมวลรัษฎากรมาตรา78 และบัญชีอัตราภาษีการค้าลำดับที่12 ถือว่าการประกอบกิจการให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเป็นการประกอบกิจการเยี่ยงธนาคารพาณิชย์อย่างหนึ่ง
แม้โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์จะให้ลูกค้ากู้ยืมเงินโดยจำกัดตัวบุคคลผู้กู้ และมีเงื่อนไขในการกู้ว่า ต้องนำเงินกู้นั้นไปปฏิบัติตามโครงการส่งเสริมการค้าของโจทก์ก็ตาม ก็ย่อมไม่พ้นจากการประกอบธุรกิจในการให้กู้ยืมเงิน เพราะถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังต้องการดอกเบี้ยจากผู้กู้อยู่นั่นเองเมื่อการให้กู้ยืมเงินของโจทก์เป็นการประกอบกิจการโดยปกติในทางการค้าของโจทก์ จึงถือเป็นกิจการของผู้ที่ประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ2.5 ของค่าดอกเบี้ยที่ได้รับ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2525)
แม้โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์จะให้ลูกค้ากู้ยืมเงินโดยจำกัดตัวบุคคลผู้กู้ และมีเงื่อนไขในการกู้ว่า ต้องนำเงินกู้นั้นไปปฏิบัติตามโครงการส่งเสริมการค้าของโจทก์ก็ตาม ก็ย่อมไม่พ้นจากการประกอบธุรกิจในการให้กู้ยืมเงิน เพราะถึงอย่างไรโจทก์ก็ยังต้องการดอกเบี้ยจากผู้กู้อยู่นั่นเองเมื่อการให้กู้ยืมเงินของโจทก์เป็นการประกอบกิจการโดยปกติในทางการค้าของโจทก์ จึงถือเป็นกิจการของผู้ที่ประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าร้อยละ2.5 ของค่าดอกเบี้ยที่ได้รับ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีภาษีอากรของตำรวจ: ต้องมีคำขอจากเจ้าพนักงานสรรพากรเท่านั้น
เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรได้ก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากรซึ่งมีเฉพาะแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมสรรพากร ร้องขอเท่านั้น หาได้มีข้อยกเว้นให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับได้ โดยไม่ต้องมีหมายจับในกรณีความผิดซึ่งหน้าแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้เป็นยุติว่า เจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากร มิได้มีคำขอให้ดำเนินคดีแต่อย่างใด เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีการสอบสวนที่ได้กระทำไป จึงไม่ชอบพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2525)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2525)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนคดีภาษีอากรของตำรวจ: ต้องมีคำขอจากเจ้าพนักงานสรรพากรเท่านั้น
เจ้าพนักงานตำรวจจะดำเนินคดีอาญาเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรได้ก็ต่อเมื่อเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากรซึ่งมีเฉพาะแต่ข้าราชการพลเรือนสามัญสังกัดกรมสรรพากร ร้องขอเท่านั้น หาได้มีข้อยกเว้นให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจจับได้โดยไม่ต้องมีหมายจับในกรณีความผิดซึ่งหน้าแต่อย่างใดไม่ ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังได้เป็นยุติว่าเจ้าพนักงานตามประมวลรัษฎากรมิได้มีคำขอให้ดำเนินคดีแต่อย่างใดเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนย่อมไม่มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีการสอบสวนที่ได้กระทำไปจึงไม่ชอบพนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2525)