พบผลลัพธ์ทั้งหมด 221 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดเครื่องหมายการค้า: การใช้ชื่อและเครื่องหมายที่คล้ายคลึงกันโดยมีเจตนาลอกเลียนและก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
คำว่า มาเธอร์แคร์ ที่โจทก์ประดิษฐ์ขึ้น และใช้สำหรับการค้าเครื่องแต่งกายมารดาและเด็กมิใช่เป็นคำสามัญ การที่จำเลยนำคำดังกล่าวมาใช้ในการประกอบการค้าเช่นเดียวกับโจทก์ ทั้งใช้อักษรที่มีรูปประดิษฐ์เด็กอยู่ภายในเหมือนของโจทก์ จำเลยจึงมีเจตนาลอกเลียนชื่อและเครื่องหมายดังกล่าวของโจทก์โดยไม่สุจริต การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเข้าใจผิดแก่คนทั่วไปทำให้โจทก์เสียหาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์
จำเลยกระทำละเมิดตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
จำเลยกระทำละเมิดตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีฟ้องเท็จเป็นคดีอาญาแผ่นดิน สัญญาประนีประนอมยอมความใช้ไม่ได้ ผู้ถูกฟ้องเป็นผู้เสียหายฟ้องได้
คดีความผิดฐานฟ้องเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175เป็นคดีอาญาแผ่นดิน มิใช่ความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ คดีอาญาที่จะระงับไปเพราะการยอมความนั้นมีได้เฉพาะแต่ความผิดต่อส่วนตัว ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 39(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฉะนั้นแม้โจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันไว้ก็ไม่ทำให้คดีซึ่งมีข้อหาดังกล่าวข้างต้นระงับไป
จำเลยนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญา ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ผู้ถูกฟ้องย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และคำฟ้องในคดีดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ
คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิด และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
จำเลยนำความเท็จมาฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญา ถึงแม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ตาม แต่โจทก์ผู้ถูกฟ้องย่อมได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยแล้ว โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย และคำฟ้องในคดีดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นฟ้องโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จ
คดีที่คู่ความฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะพิพากษาลงโทษจำเลยให้เหมาะสมแก่ความผิด และรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 980/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์ภายในกำหนด ทำให้คำสั่งศาลถึงที่สุด และฎีกาต้องห้าม
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาหากจำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นก็ต้องยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันทราบคำสั่งนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคท้าย แต่จำเลยเพิ่งยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งภายหลังครบกำหนดดังกล่าวแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาจึงถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาคำสั่งนั้นได้อีก
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์นี้ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะจำเลยไม่นำค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์นี้ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนมรดกที่ดิน แม้ผู้โอนไม่มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ การจดทะเบียนโอนเป็นไปตามเจตนาและกฎหมาย
ช.มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนด ช. ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้ ล. สามี ช. ตาย ล. ทำบันทึกท้ายพินัยกรรมต่อเจ้าพนักงานที่ดินยกที่ดินให้จำเลย เจ้าพนักงานที่ดินแผนกโอนมรดกจดทะเบียนโอนที่ดินเป็นของจำเลยแล้ว ล. มิได้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ แม้มิได้จดทะเบียนการให้อีกต่างหาก การจดทะเบียนที่ดินให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ ก็ไม่ทำให้การจดทะเบียนเสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเบิกเงินเกินบัญชี: การต่ออายุสัญญาและการคิดดอกเบี้ยทบต้นจนถึงวันพิทักษ์ทรัพย์
เอกสารการขอเลื่อนกำหนดการชำระหนี้ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อ้างมีความหมายอย่างแจ้งชัดว่าเป็นการขอต่อเวลาสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี หรือขอต่อสัญญาบัญชีเดินสะพัดออกไปอีก หาใช่เป็นการเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี หรือเลิกบัญชีเดินสะพัดกันไม่ ธนาคารผู้ขอรับชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้จนถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 719/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารค้ำประกันที่ไม่ติดอากรแสตมป์ใช้เป็นพยานหลักฐานได้ หากแสดงเจตนาค้ำประกันชัดเจน
บันทึกตอนท้ายของเอกสารที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ว่า" ทั้งนี้ บ. ผู้ค้ำประกันและมอบอำนาจให้นำหลักฐานมาค้ำประกันไว้ด้วยความเต็มใจรับทราบข้อตกลงตามนี้ด้วย"และจำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานนั้นข้อความดังกล่าวเป็นเพียงหลักฐานเป็นหนังสือที่แสดงว่าจำเลยที่ 2 ได้ค้ำประกันหนี้รายนี้เท่านั้น ไม่ใช่หนังสือสัญญาค้ำประกัน จึงยังไม่เข้าลักษณะแห่งตราสารค้ำประกันตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตาม มาตรา 118 แห่งประมวลรัษฎากร ฉะนั้นแม้มิได้ปิดอากรแสตมป์ ก็ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายสำหรับเจ้าหนี้ต่างประเทศ: อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และการพิจารณาเหตุสมควร
การที่เจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรได้ยื่นคำร้องขอขยายกำหนดเวลามาพร้อมกับคำขอรับชำระหนี้ แม้จะเกินกำหนด 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะพิจารณาขยายกำหนดเวลาให้ได้ตาม มาตรา 91 ไม่ต้องยื่นก่อนครบ 2 เดือน ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่ผู้รับมอบอำนาจของผู้ขอรับชำระหนี้ได้มีหนังสือติดต่อขอความเห็นจากเจ้าหนี้เสียก่อนว่าจะอนุมัติให้ดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่เจ้าหนี้ และผู้รับมอบอำนาจหากจะพึงมีก่อนที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งเป็นการสมควร เหตุที่ล่าช้าไปบ้างเพราะการติดต่อกับเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ต่างประเทศต้องใช้เวลานานกว่าปกติธรรมดา แต่ก็ยังอยู่ในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ ทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็เชื่อว่า ลูกหนี้ได้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาแก่เจ้าหนี้รายนี้อยู่จริง จึงมีเหตุสมควรที่จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ตามขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 704/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องเนื่องจากไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มเติม ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีและไม่คืนค่าธรรมเนียม
โจทก์ทราบคำสั่งของศาลแล้วโจทก์เพิกเฉยไม่ชำระค่าขึ้นศาลเพิ่มตามที่ศาลกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2)
การทิ้งฟ้องนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้อง หรือถอนฟ้อง หรือยอมความกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
การทิ้งฟ้องนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้คืนค่าขึ้นศาลให้แก่โจทก์ เหมือนอย่างกรณีที่ศาลไม่รับคำฟ้อง หรือถอนฟ้อง หรือยอมความกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 151
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฐานมีเครื่องชั่งผิดกฎหมายต้องมีเจตนาใช้เพื่อเอาเปรียบในการค้า คำฟ้องต้องระบุเจตนา
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 และพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2466 มาตรา 31 นั้น การมี เครื่องชั่งที่ผิดอัตราหรือไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายไว้ในความครอบครองจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการมีไว้เพื่อใช้เอาเปรียบในการค้าหรือในกิจการดังที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น แต่คำฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานนี้โจทก์หาได้บรรยายถึงข้อความดังกล่าวนี้ไม่ ถึงแม้คำฟ้องตอนหลังจะมีข้อความว่า 'จำเลยได้ใช้เครื่องชั่งดังกล่าวนี้ทำการชั่งสินค้าเบ็ดเตล็ดต่างๆ ขายในกิจการค้าอันต่อเนื่องกับผู้อื่นและในพาณิชกิจของจำเลย ฯลฯ 'ก็ตามแต่คำบรรยายฟ้องตอนหลังนี้ก็เป็นการบรรยายถึงความผิดฐานใช้อีกข้อหาหนึ่ง การที่จะพิจารณาว่าคำฟ้องในความผิดฐานใดครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นรายกระทงไม่ใช่พิจารณารวมกัน เมื่อคำบรรยายฟ้องในความผิดฐานมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดกฎหมายขาดองค์ประกอบความผิดดังกล่าวแล้ว คำฟ้องสำหรับความผิดฐานนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาต้องระบุองค์ประกอบความผิดชัดเจนในแต่ละกระทง หากคำฟ้องไม่สมบูรณ์ ศาลไม่สามารถลงโทษได้
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 270 และพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ.2466 มาตรา 31 นั้นการมี เครื่องชั่งที่ผิดอัตราหรือไม่ถูกต้องตามความประสงค์ของกฎหมายไว้ในความครอบครองจะเป็นความผิดก็ต่อเมื่อเป็นการมีไว้เพื่อใช้เอาเปรียบในการค้าหรือในกิจการดังที่กฎหมายระบุไว้เท่านั้น แต่คำฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานนี้โจทก์หาได้บรรยายถึงข้อความดังกล่าวนี้ไม่ ถึงแม้คำฟ้องตอนหลังจะมีข้อความว่า "จำเลยได้ใช้เครื่องชั่งดังกล่าวนี้ทำการชั่งสินค้าเบ็ดเตล็ดต่างๆ ขายในกิจการค้าอันต่อเนื่องกับผู้อื่นและในพาณิชกิจของจำเลย ฯลฯ" ก็ตามแต่คำบรรยายฟ้องตอนหลังนี้ก็เป็นการบรรยายถึงความผิดฐานใช้อีกข้อหาหนึ่ง การที่จะพิจารณาว่าคำฟ้องในความผิดฐานใดครบองค์ประกอบความผิดหรือไม่ต้องพิจารณาเป็นรายกระทงไม่ใช่พิจารณารวมกัน เมื่อคำบรรยายฟ้องในความผิดฐานมีไว้เพื่อใช้ซึ่งเครื่องชั่งที่ผิดกฎหมายขาดองค์ประกอบความผิดดังกล่าวแล้ว คำฟ้องสำหรับความผิดฐานนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)