คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พินิจ สังขนันท์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 221 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทางสาธารณประโยชน์โดยปริยาย การโอนกรรมสิทธิ์ และอำนาจฟ้องของเจ้าหน้าที่ปกครอง
การที่เจ้าของที่ดินเดิมได้ปลูกต้นพู่ระหงไว้เป็นแนวเขตที่ของตนโดยเว้นที่นอกเขตรั้วพู่ระหงไว้ให้เป็นทางคนเดินและประชาชนได้ใช้ทางสายนี้ติดต่อกันตลอดมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว โดยเจ้าของที่ดินมิได้หวงห้ามหรือสงวนสิทธิไว้แต่ประการใดนั้น แสดงว่าได้อุทิศที่พิพาทให้เป็นทางสาธารณประโยชน์แล้วโดยปริยาย และการที่จะเป็นทางสาธารณประโยชน์หรือทางหลวงนั้น ก็หาจำต้องมีทะเบียนหรือมีหลักฐานของทางราชการสงวนสิทธิไว้แต่ประการใดไม่
ทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะโอนแก่กันมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกา การที่จำเลยโอนที่พิพาทอันเป็นทางสาธารณประโยชน์ให้บุคคลอื่น จึงใช้บังคับไม่ได้ ศาลย่อมมีอำนาจที่จะบังคับคดีให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้
ตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา122 กำหนดให้กรมการอำเภอมีหน้าที่คอยตรวจตรารักษาที่อันเป็นสาธารณประโยชน์มิให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นอาณาประโยชน์ส่วนตัว ต่อมามี พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรคสาม ได้ให้อำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอโอนไปเป็นอำนาจและหน้าที่ของนายอำเภอ และตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2518 ได้บัญญัติให้หัวหน้าเขตมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายใด ๆ บัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอและหัวหน้าส่วนอำเภอ โจทก์ในฐานะหัวหน้าเขตบางกอกน้อยผู้มีหน้าที่ตรวจตรารักษาทางสาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ย่อมมีอำนาจฟ้องให้จำเลยรื้อถอนกำแพงและสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณประโยชน์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311-313/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอ และความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนตามสัญญา
ปัญหาว่าศาลพิพากษาเกินคำขอในฟ้องหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ามาในชั้นอุทธรณ์ จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา
โจทก์ฟ้องให้จำเลยร่วมรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887 วรรคสอง หาใช่ให้จำเลยร่วมรับผิดในฐานะผู้ทำละเมิด ฉะนั้นจำเลยร่วมจะยกอายุความละเมิดตาม มาตรา 448 มาเป็นข้อปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเป็นคู่ความแทนที่ และการประพฤติเนรคุณเพื่อถอนคืนการให้
จำเลยที่ 1 ตาย ท. เป็นบุตรจำเลยที่ 1 ซึ่งเกิดแต่บุตรสาวของโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นภริยาจำเลยที่ 1 ฉะนั้นการที่จะให้ ท. เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 1 แม้อาจกระทำได้แต่เห็นได้ว่าจะไม่เป็นการรักษาประโยชน์ของทายาทอื่น เพราะ ท. เป็นญาติใกล้ชิดกับโจทก์ซึ่งเป็นปรปักษ์กับจำเลยที่ 1 จึงสมควรให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลย ที่ 1
ผู้รับให้พูดด่าผู้ให้ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ว่า โคตรพ่อโคตรแม่มึงมาทำไว้หรือเปล่า ปลาร้าทำใส่ไหไว้มึงก็สนุกกินสนุกแดก ข้าวทำใส่ยุ้งไว้ก็กิน ไม่ได้ทำงานทำการ และยังด่าว่าคำอื่น ๆ อีก พร้อมกับขับไล่ผู้ให้ ถ้อยคำดังกล่าวเป็นถ้อยคำในทำนองว่าผู้ให้เป็น คนดีแต่กิน ไม่ทำงานทำการ จึงมิใช่แต่เพียงคำกล่าวที่ไม่สมควรเท่านั้นแต่เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง อันถือได้ว่า เป็นการประพฤติเนรคุณเป็นเหตุให้ผู้ให้เรียกถอนคืนการให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการอุทธรณ์ในส่วนแพ่งต่อคำพิพากษาในคดีส่วนแพ่ง และสิทธิในการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ให้จำเลยคืนที่ดินหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยได้ชำระราคาที่ดินให้แก่ตัวแทนของผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นอุทธรณ์ในส่วนแพ่งด้วย ดังนั้นการที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยต้องกันว่า ข้อที่ฝ่ายผู้เสียหายอ้างว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าที่ดินที่ยังค้างชำระชอบที่จะไปว่ากล่าวกันในทางแพ่งและพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์นั้น ย่อมมีผลให้คำพิพากษาในคดีส่วนแพ่งของศาลชั้นต้นตกไปด้วย หาได้ถึงที่สุดไม่ผู้เสียหายจึงยังไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จะขอบังคับคดีแก่จำเลยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำหรือไม่? ยักยอกทรัพย์กับออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงินเป็นคนละกรรม
คดีแรกเป็นคดีฟ้องว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ แล้วยอมความกัน จำเลยออกเช็คใช้หนี้ในคดีนั้น เช็คนั้นธนาคารไม่จ่ายเงิน เป็นความผิดคนละกรรมกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 161/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาแบ่งมรดกสมบูรณ์แม้ทายาทบางส่วนไม่ลงลายมือชื่อ สิทธิเรียกร้องมรดกย่อมระงับ
สัญญาแบ่งปันทรัพย์มรดกที่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ เป็นสัญญาแบ่งปันทรัพย์มรดกที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1750 วรรคสองใช้บังคับกันได้ในระหว่างคู่สัญญา แม้ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกบางคนจะมิได้ร่วมลงลายมือชื่อด้วยก็หาทำให้สัญญาดังกล่าวเสียไปไม่ คงมีผลเพียงไม่ผูกพันทายาทผู้มิได้ลงลายมือชื่อให้จำต้องถือตามเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือมอบอำนาจของสหกรณ์: เสียงข้างมากของคณะกรรมการเพียงพอต่อการสมบูรณ์ของอำนาจฟ้องคดี
จำเลยให้การว่า ค.จะได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ ฟ้องคดีหรือไม่ จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง คำให้การเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การรับ โจทก์จึงยังมีหน้าที่นำสืบถึง ประเด็นข้อนี้
พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 มาตรา 24 บัญญัติให้คณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์จำกัดเป็นผู้ดำเนินการและ เป็นผู้แทนสหกรณ์จำกัดในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก และคณะกรรมการจะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคน ทำการแทนก็ได้แต่ตามกฎหมายและข้อบังคับของสหกรณ์โจทก์ มิได้กำหนดไว้ว่าในการดำเนินกิจการต่างๆ คณะกรรมการดังกล่าว จะต้องลงชื่อครบทุกคนหรือไม่เพียงใด จึงต้องนำบทบัญญัติทั่วไป เกี่ยวกับนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 77 กำหนดให้เป็นไปตามเสียงข้างมาก ดังนั้น เมื่อ คณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ 6 คนในจำนวน 7 คนได้ลงชื่อ ในหนังสือมอบอำนาจให้ ค.ฟ้องคดี จึงเป็นเสียงข้างมากตามนัย แห่งบทกฎหมายดังกล่าว หนังสือมอบอำนาจของโจทก์จึงสมบูรณ์ ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจฟ้องคดีของสหกรณ์: เสียงข้างมากของคณะกรรมการเพียงพอทำให้หนังสือมอบอำนาจสมบูรณ์
จำเลยให้การว่า ค. จะได้รับมอบอำนาจจากโจทก์ให้ฟ้องคดีหรือไม่ จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง คำให้การเช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยให้การรับ โจทก์จึงยังมีหน้าที่นำสืบถึงประเด็นข้อนี้
พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 มาตรา 24 บัญญัติให้คณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์จำกัดเป็นผู้ดำเนินการและเป็นผู้แทนสหกรณ์จำกัด ในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอกและคณะกรรมการจะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งหรือหลายคนทำการแทนก็ได้ แต่ตามกฎหมายและข้อบังคับของสหกรณ์โจทก์มิได้กำหนดไว้ว่าในการดำเนินกิจการต่าง ๆ คณะกรรมการดังกล่าวจะต้องลงชื่อครบทุกคนหรือไม่เพียงใด จึงต้องนำบทบัญญัติทั่วไปเกี่ยวกับนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับ ซึ่งมาตรา 77 กำหนดให้เป็นไปตามเสียงข้างมาก ดังนั้น เมื่อคณะกรรมการดำเนินการของโจทก์ 6 คนในจำนวน 7 คนได้ลงชื่อในหนังสือมอบอำนาจให้ ค. ฟ้องคดี จึงเป็นเสียงข้างมากตามนัยแห่งบทกฎหมายดังกล่าว หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ซึ่งสมบูรณ์ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของรวมสิทธิครอบครองและส่วนแบ่งที่ดิน: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสัดส่วนการถือครอง แม้ไม่มีระบุในโฉนด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 บัญญัติว่า "ท่านใหัสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน" นั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า ฝ่ายใด้มีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์นั้น เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกที่ดินมรดกและการครอบครองปรปักษ์ ศาลมีอำนาจวินิจฉัยสัดส่วนการถือครองและอายุความครอบครอง
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1357 บัญญัติว่า'ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้เป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน' นั้น ย่อมนำสืบหักล้างได้ว่าความจริงมีอยู่อย่างไร และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า ฝ่ายใดมีส่วนเป็นเจ้าของในส่วนใดเท่าใด หาเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายไม่
ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยครอบครองที่ดินส่วนของจำเลยมา 10 ปีแล้วย่อมได้กรรมสิทธิ์นั้น เมื่อจำเลยให้การว่าจำเลยได้รับโอนที่ดินพิพาทจากบิดาเมื่อวันที่25 มกราคม 2482 แล้วครอบครองตลอดมา ตามคำให้การนี้ถือได้ว่าจำเลยได้ยกประเด็นขึ้นอ้างแล้วว่าจำเลยครอบครองที่ดินมาเกิน 10 ปี ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยนอกประเด็น
of 23