พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมฐานทำไม้ผิดกฎหมาย vs. รับซื้อไม้ผิดกฎหมาย ทำให้การฟ้องไม่ชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำผิดของจำเลยเป็น 2 ข้อหา โดยตอนแรกบรรยายว่าจำเลยทำไม้โดยตัดฟันชักลากและนำไม้ตะแบกซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติข้อหาหนึ่ง กับบรรยายฟ้องต่อไปว่า หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยรับไว้ด้วยประการใด ๆซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งไม้หวงห้ามโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่ผู้ได้มาโดยการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติอีกข้อหาหนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนแรกยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ทำไม้โดยมิได้รับอนุญาตส่วนตอนหลังโจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้รับไว้ ซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียซึ่งไม้หวงห้าม เท่ากับฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยมิได้เป็นผู้ทำไม้ แต่เป็นผู้รับไม้ไว้จากบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ทำไม้ เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมในความผิดป่าสงวน: การบรรยายฟ้องที่ขัดแย้งกันระหว่างการทำไม้เองและการรับซื้อ
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำผิดของจำเลยเป็น 2 ข้อหาโดยตอนแรกบรรยายว่าจำเลยทำไม้โดยตัดฟันชักลากและนำไม้ตะแบกซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติข้อหาหนึ่ง กับบรรยายฟ้องต่อไปว่า หรือมิฉะนั้นตามวันเวลาดังกล่าวจำเลยรับไว้ด้วยประการใด ๆ ซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งไม้หวงห้ามโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่ผู้ได้มาโดยการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติอีกข้อหาหนึ่ง การที่โจทก์บรรยายฟ้องตอนแรกยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ทำไม้โดยมิได้รับอนุญาต ส่วนตอนหลังโจทก์บรรยายฟ้องยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้รับไว้ ซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียซึ่งไม้หวงห้าม เท่ากับฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยมิได้เป็นผู้ทำไม้ แต่เป็นผู้รับไม้ไว้จากบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้ทำไม้ เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ปฏิบัติไม่ได้ และความชอบด้วยกฎหมายของบัญชีระบุพยานที่ไม่มีลายมือชื่อ
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน และได้ทำการสืบพยานจำเลยจนเสร็จสิ้นแล้วศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเลื่อนไป ต่อมาในการนัดสืบพยานโจทก์นัดที่สองความจึงปรากฏว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้ระบุพยาน เพราะทนายคนเดิมของโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แต่ด้วยความพลั้งเผลอไม่ได้ลงชื่อ ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่ทนายโจทก์คนเดิมได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบ เพียงแต่พลั้งเผลอไม่ได้ลงลายมือชื่อ โจทก์ทราบจึงขอแก้ไขให้ถูกต้อง บัญชีระบุพยานดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายไม่ทำให้จำเลยเสียหายและไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่อย่างใด
สัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อตกลงแต่เพียงจะให้รังวัดหาแนวเขตที่แท้จริงแต่โฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นโฉนดแบบเก่า ไม่สามารถปูโฉนดได้ ข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงที่ปฏิบัติไม่ได้ จึงต้องถือแนวเขตตามที่ปกครองกันมา
สัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อตกลงแต่เพียงจะให้รังวัดหาแนวเขตที่แท้จริงแต่โฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นโฉนดแบบเก่า ไม่สามารถปูโฉนดได้ ข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงที่ปฏิบัติไม่ได้ จึงต้องถือแนวเขตตามที่ปกครองกันมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บัญชีระบุพยานไม่ลงชื่อ & สัญญาประนีประนอมยอมความปฏิบัติไม่ได้ ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน และได้ทำการสืบพยานจำเลยจนเสร็จสิ้นแล้วศาลนัดสืบพยานโจทก์ นัดแรกเลื่อนไป ต่อมาในการนัดสืบพยานโจทก์นัดที่สอง ความจึงปรากฏว่าบัญชีระบุพยานของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้ระบุพยาน เพราะทนายคนเดิมของโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แต่ด้วยความพลั้งเผลอไม่ได้ลงชื่อ ดังนี้ กรณีเป็นเรื่องที่ทนายโจทก์คนเดิมได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้โดยชอบ เพียงแต่พลั้งเผลอไม่ได้ลงลายมือชื่อ โจทก์ทราบจึงขอแก้ไขให้ถูกต้อง บัญชีระบุพยานดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยเสียหายและไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแต่อย่างใด
สัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อตกลงแต่เพียงจะให้รังวัดหาแนวเขตที่แท้จริง แต่โฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นโฉนดแบบเก่า ไม่สามารถปูโฉนดได้ ข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงที่ปฏิบัติไม่ได้ จึงต้องถือแนวเขตตามที่ปกครองกันมา
สัญญาประนีประนอมยอมความ มีข้อตกลงแต่เพียงจะให้รังวัดหาแนวเขตที่แท้จริง แต่โฉนดที่ดินของโจทก์จำเลยเป็นโฉนดแบบเก่า ไม่สามารถปูโฉนดได้ ข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นข้อตกลงที่ปฏิบัติไม่ได้ จึงต้องถือแนวเขตตามที่ปกครองกันมา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1044/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำกัดทุนทรัพย์คดีแพ่ง, การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย, และขอบเขตการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 60,000 บาทต่อมาในวันสืบพยาน คู่ความแถลงรับกันในเรื่องค่าเสียหายว่าหากโจทก์ชนะคดีจำเลยยอมชำระค่าเสียหายให้ 40,000 บาทโจทก์พอใจรับค่าเสียหายตามที่ตกลงกัน ดังนี้ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีมี ทุนทรัพย์พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ดี จำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำละเมิดก็ดี เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ส. เป็นคนร้ายลักตาข่ายดักปลาของจำเลย จำเลยทั้งสองแอบซุ่มดูอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงถูกส. ถึงแก่ความตายโดย ส. มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยทั้งสองแต่อย่างใดดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจฆ่า ส. ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449
ส. เป็นคนร้ายลักตาข่ายดักปลาของจำเลย จำเลยทั้งสองแอบซุ่มดูอยู่ แล้วจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงถูกส. ถึงแก่ความตายโดย ส. มิได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยทั้งสองแต่อย่างใดดังนี้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจฆ่า ส. ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้พ้นจากความรับผิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 449
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978-979/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขกระบวนพิจารณาค่าอ้างเอกสาร: เอกสารที่เสียค่าใช้จ่ายตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว รับฟังได้
โจทก์มิได้เสียค่าอ้างเอกสารก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา แต่มาเสียภายหลังตามคำสั่งของศาลอุทธรณ์ก่อนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงเป็นการแก้ไขกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับการอ้างเอกสารซึ่งบกพร่องให้บริบูรณ์แล้วเช่นนี้เอกสารที่โจทก์อ้างจึงรับฟังได้และหาทำให้การพิจารณาของศาลชั้นต้นเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไล่เบี้ยดอกเบี้ยหลังชำระหนี้: ดอกเบี้ยตามกฎหมายเมื่อไม่มีข้อตกลง
โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกัน เพื่อให้จำเลยชำระเงินตามส่วนเฉลี่ยที่แต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ในฐานที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันได้ออกชำระแทนไปให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยสิ้นเชิงแล้ว ฉะนั้น สำหรับหนี้เงินที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ที่จะรับผิดต่อไปนับจากวันที่ โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปนั้น เมื่อไม่มีการตกลงกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย จึงไม่มีเหตุอื่นอันชอบด้วยกฎหมายที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 นับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปแล้ว แม้โจทก์จะต้องเสียค่าดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอัตราร้อยละสิบสี่ต่อปีก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกดอกเบี้ยจากการไล่เบี้ยหนี้ร่วม: อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายเมื่อไม่มีข้อตกลง
โจทก์ฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกัน เพื่อให้จำเลยชำระเงินตามส่วนเฉลี่ยที่แต่ละคนจะต้องรับผิดตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ในฐานที่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยกันได้ออกชำระแทนไปให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาโดยสิ้นเชิงแล้ว ฉะนั้น สำหรับหนี้เงินที่จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 5 ที่จะรับผิดต่อไปนับจาก วันที่ โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปนั้นเมื่อไม่มีการตกลงกันเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย จึงไม่มีเหตุอื่นอันชอบด้วยกฎหมายที่โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่าร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 นับแต่วันที่โจทก์ได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไปแล้ว แม้โจทก์จะต้องเสียค่าดอกเบี้ยแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอัตราร้อยละสิบสี่ต่อปีก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดชื่อเสียง: การแสดงละครบิดเบือนชีวประวัติ ทำให้เสียชื่อเสียง
จำเลยทั้งหกร่วมกันนำเรื่องราวชีวิตจริงของโจทก์ที่ 1 มาแสดงละครจีนหรืองิ้ว โดยบิดเบือนให้เห็นว่าโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาน้อยมีนิสัยไม่ดี ชอบอิจฉาริษยาและก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นในครอบครัวจนเป็นเหตุให้สามีถูกบุตรสาวใช้ปืนยิงถึงแก่ความตาย ทำให้โจทก์ที่ 1 เสียชื่อเสียงอาจถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ การกระทำของจำเลยทั้งหกจึงเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 1
เมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบพยานยืนยันข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งถ้าจำเลยไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามที่โจทก์นำสืบ
เมื่อโจทก์ฟ้องและนำสืบพยานยืนยันข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งถ้าจำเลยไม่นำสืบพยานให้เห็นเป็นอย่างอื่น ศาลย่อมรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามที่โจทก์นำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ถูกต้องตามรูปแบบ & ปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกายก
คำฟ้องฎีกาของโจทก์ไม่มีลายมือชื่อผู้ฎีกา ผู้เรียงและผู้พิมพ์คำฟ้องฎีกา เป็นคำฟ้องฎีกาที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกา คดีไม่มีเหตุสมควรที่จะส่งสำนวนคืนศาลชั้นต้นเพื่อจัดการให้มีการลงชื่อผู้ฎีกา ผู้เรียงและผู้พิมพ์ให้ถูกต้อง ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฎีกาโจทก์