คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พูน จักรเสน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1966/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายไม้ที่ไม่ผูกพันจำเลย เพราะตัวแทนทำสัญญาเองโดยไม่ได้รับความยินยอม
แม้ตัวแทนของจำเลยจะได้ทำสัญญาขายไม้ให้แก่โจทก์แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าตัวแทนของจำเลยได้ทำสัญญาดังกล่าวในนามของจำเลยกับตัวแทนของจำเลยเองโดยอาศัยโจทก์เป็นเครื่องมือ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยซึ่งเป็นตัวการ สัญญานั้นย่อมไม่ผูกพันจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 805

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องค้ำประกันต้องแสดงการทุจริตของลูกหนี้ การบรรยายฟ้องไม่จำเป็นต้องระบุรายละเอียดทุกรายชื่อ
ฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันในกรณี ม.ทุจริตต่อหน้าที่ โดยบรรยายฟ้อง ระบุวันเวลาและประเภทของทรัพย์ตลอดจนการกระทำของ ม. ที่รับเงินจากลูกค้าของบริษัทโจทก์ไม่นำมาชำระให้โจทก์ กลับนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวและไม่มาทำงานโจทก์แจ้งความร้องทุกข์และพนักงานสอบสวนออกหมายจับ ม. แล้วไม่ต้องบรรยายรายละเอียดว่า ม. เก็บเงินจากลูกค้าชื่ออะไร กี่รายรายละเท่าใด ก็เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย่งกรรมสิทธิ์ทางเข้าออกที่ดิน: ศาลรับฟ้องเมื่อมีแผนที่แสดงที่ดินถูกล้อมจนไม่มีทางออก
แผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง และปรากฏแจ้งชัดจากแผนที่ดังกล่าวว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เมื่อพิจารณาประกอบคำฟ้องแล้ว เห็นได้ว่าโจทก์เสนอสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2 ประการคือ ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม เพราะมีผู้ใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะนานถึง 50 ปีแล้วประการหนึ่ง และทางพิพาทเป็นทางจำเป็นเพราะที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมจนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้อีกประการหนึ่ง ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมาย ศาลซึ่งตรวจคำฟ้องชอบที่จะรับคำฟ้องไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องทางจำเป็น/ภารจำยอม: ศาลรับฟ้องได้หากแผนที่แสดงที่ดินถูกล้อมจนไม่มีทางออก
แผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของคำฟ้อง และปรากฏแจ้งชัดจากแผนที่ดังกล่าวว่าที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นรวมทั้งที่ดินของจำเลยล้อมอยู่จนไม่มีทางออกถึงทางสาธารณะได้ เมื่อพิจารณาประกอบคำฟ้องแล้ว เห็นได้ว่าโจทก์เสนอสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา 2ประการคือ ทางพิพาทเป็นทางภารจำยอม เพราะมีผู้ใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะนานถึง 50 ปีแล้วประการหนึ่ง และทางพิพาทเป็นทางจำเป็นเพราะที่ดินของโจทก์ถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมจนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้อีกประการหนึ่ง ฟ้องของโจทก์จึงถูกต้องตามกฎหมาย ศาลซึ่งตรวจคำฟ้องชอบที่จะรับคำฟ้องไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่สถานการค้า การประเมินภาษีเมื่อบัญชีถูกทำลาย และความรับผิดจากความผิดตามกฎหมายภาษีอากร
มาตรา 77 แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติว่า สถานการค้าหมายความว่าสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการค้าใช้ประกอบการค้าเป็นประจำ และให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย โจทก์ประกอบการค้าและเก็บสินค้าไว้ที่สำนักงานห้างโจทก์ เพียงแต่เก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ที่บ้านเลขที่ 137 เท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าบ้านเลขที่ 137 เป็นสถานการค้าหรือส่วนหนึ่งของสถานการค้าของโจทก์ โจทก์มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ณสถานการค้าของตน แต่กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยนำสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเก็บไว้ที่อื่นอันมิใช่สถานการค้าของโจทก์ ต่อมาเกิดเพลิงไหม้สมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี แม้โจทก์มิได้เป็นผู้กระทำก็ตาม โจทก์ย่อมอ้างเอาเหตุที่บัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกเพลิงไหม้อันสืบเนื่องมาจากที่โจทก์กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายมาเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจส่งบัญชีและเอกสารให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบตามหมายเรียกหาได้ไม่ (วรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่2/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1283/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีต้องกระทำ ณ สถานการค้า การฝ่าฝืนถือเป็นเหตุไม่อาจอ้างเหตุสุดวิสัยได้
มาตรา 77 แห่งประมวลรัษฎากรบัญญัติว่า สถานการค้าหมายความว่าสถานที่ซึ่งผู้ประกอบการค้าใช้ประกอบการค้าเป็นประจำ และให้หมายความรวมถึงสถานที่ซึ่งใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำด้วย โจทก์ประกอบการค้าและเก็บสินค้าไว้ที่สำนักงานห้างโจทก์ เพียงแต่เก็บบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ที่บ้านเลขที่ 137 เท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าบ้านเลขที่ 137 เป็นสถานการค้าหรือส่วนหนึ่งของสถานการค้าของโจทก์
โจทก์มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานการค้าของตน แต่กลับกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายโดยนำสมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีไปเก็บไว้ที่อื่นอันมิใช่สถานการค้าของโจทก์ ต่อมาเกิดเพลิงไหม้สมุดบัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชี แม้โจทก์มิได้เป็นผู้กระทำก็ตาม โจทก์ย่อมอ้างเอาเหตุที่บัญชีและเอกสารประกอบการลงบัญชีของโจทก์ถูกเพลิงไหม้อันสืบเนื่องมาจากที่โจทก์กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายมาเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจส่งบัญชีและเอกสารให้เจ้าพนักงานประเมินตรวจสอบตามหมายเรียกหาได้ไม่ (วรรคนี้วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผิดสัญญาซื้อขายที่ดินจากผู้ซื้อ ศาลไม่รับฟังการปฏิบัติตามสัญญาภายหลังผิดสัญญา และไม่อ้างเหตุอื่นนอกฟ้อง
โจทก์ไม่นำเงินค่าที่ดินไปสำนักงานที่ดินเพื่อชำระให้จำเลย ทั้งๆ ที่จำเลยพร้อมที่จะโอนที่ดินให้โจทก์โจทก์จึงเป็นผู้ผิดสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ต่อมาโจทก์จะนัดให้จำเลยไปรับเงินและโอนที่ดินใหม่ ก็เป็นกรณีโจทก์ขอปฏิบัติตามสัญญาภายหลังโจทก์ผิดสัญญาแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ไปรับเงินและโอนที่ดินให้โจทก์ได้
ฎีกาในปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยผิดสัญญาโดยอ้างเหตุนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำฟ้องจึงเป็นฎีกาที่นอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาจะซื้อจะขายแต่เพียงฝ่ายเดียวโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1266/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ซื้อผิดสัญญาซื้อขายที่ดิน จำเลยมีสิทธิปฏิเสธการโอนและไม่ต้องรับผิด
โจทก์ไม่นำเงินค่าที่ดินไปสำนักงานที่ดินเพื่อชำระให้จำเลย ทั้ง ๆ ที่จำเลยพร้อมที่จะโอนที่ดินให้โจทก์ โจทก์จึงเป็นผู้ผิดสัญญาจะซื้อจะขาย แม้ต่อมาโจทก์จะนัดให้จำเลยไปรับเงินและโอนที่ดินใหม่ ก็เป็นกรณีโจทก์ขอปฏิบัติตามสัญญาภายหลังโจทก์ผิดสัญญาแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะปฏิเสธไม่ไปรับเงินและโอนที่ดินให้โจทก์ได้
ฎีกาในปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยผิดสัญญาโดยอ้างเหตุนอกเหนือจากที่ปรากฏในคำฟ้องจึงเป็นฎีกาที่นอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมื่อโจทก์เป็นผู้ผิดสัญญาจะซื้อจะขายแต่เพียงฝ่ายเดียว โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง ตัวแทน และความรับผิดชอบในสัญญา การกระทำของตัวแทนผูกพันหลักทรัพย์
ห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนไปประมูลและทำการก่อสร้างอาคาร เมื่อจำเลยที่ 3 ว่าจ้างโจทก์ติดตั้งกระจกและบานประตูจนโจทก์ทำให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้างจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 และจำเลยที่ 2ต้องรับผิดร่วมด้วยตามมาตรา 1077(2) ประกอบด้วยมาตรา1087
ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจหมายจ.3 เป็นเรื่องที่ห้างจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 3ยืมชื่อไปใช้ประมูลและทำการก่อสร้างอาคารโดยจำเลยที่ 3เข้าทำการก่อสร้างเอง จึงเป็นนิติกรรมอำพรางนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้ล่วงรู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวอันเป็นการไม่สุจริต แต่อย่างใด ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังกล่าวจึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตและต้องได้รับความเสียหายไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา118 วรรคแรก
ปรากฏตามคำฟ้องและทางพิจารณาว่า จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทน ของจำเลยที่ 1 และได้กระทำแทนจำเลยที่ 1 ภายในขอบอำนาจแห่งฐานเป็นตัวแทน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 3 ให้ชำระหนี้ตามฟ้องได้ แต่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดโดยกำหนดจำนวนหนี้แตกต่างกัน จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 3 จะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาทั้งไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาคดีให้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง ตัวแทน และความรับผิดในสัญญา การที่ตัวแทนทำสัญญาในนามหลัก ย่อมทำให้หลักมีหน้าที่ผูกพัน
ห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนไปประมูลและทำการก่อสร้างอาคาร เมื่อจำเลยที่ 3 ว่าจ้างโจทก์ติดตั้งกระจกและบานประตูจนโจทก์ทำให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ห้างจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชำระค่าจ้างให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 820 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดร่วมด้วยตามมาตรา 1077(2) ประกอบด้วยมาตรา1087
ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า หนังสือมอบอำนาจหมาย จ.3 เป็นเรื่องที่ห้างจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 3 ยืมชื่อไปใช้ประมูลและทำการก่อสร้างอาคารโดยจำเลยที่ 3 เข้าทำการก่อสร้างเอง จึงเป็นนิติกรรมอำพรางนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2 มิได้ให้การต่อสู้ว่าโจทก์ได้ล่วงรู้ถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวอันเป็นการไม่สุจริตแต่อย่างใด ข้ออ้างของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ดังกล่าวจึงยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตและต้องได้รับความเสียหายไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก
ปรากฏตามคำฟ้องและทางพิจารณาว่า จำเลยที่ 3 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 และได้กระทำแทนจำเลยที่ 1 ภายในขอบอำนาจแห่งฐานเป็นตัวแทน โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 3 ให้ชำระหนี้ตามฟ้องได้ แต่ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้จำเลยที่ 3 ร่วมรับผิดโดยกำหนดจำนวนหนี้แตกต่างกัน จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยที่ 3 จะขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ทั้งไม่ได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมา แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาคดีให้จำเลยที่ 3 ไม่ต้องรับผิดโดยอาศัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา142(5)
of 27