พบผลลัพธ์ทั้งหมด 266 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์คณะผู้พิพากษาคดีขัดทรัพย์: การพิจารณาคำร้องขอต้องมีองค์คณะตามกฎหมาย
คดีร้องขัดทรัพย์ซึ่งมีทุนทรัพย์เกินกว่าห้าหมื่นบาท ผู้พิพากษานายเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ เป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) และเป็นกรณีที่ต้องมีผู้พิพากษาเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาอย่างน้อยสองนาย ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22, 23 เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องโดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีขัดทรัพย์โดยผู้พิพากษานายเดียวไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีทุนทรัพย์เกินห้าหมื่น
คดีร้องขัดทรัพย์ซึ่งมีทุนทรัพย์เกินกว่าห้าหมื่นบาทผู้พิพากษานายเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ เป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) และเป็นกรณีที่ต้องมีผู้พิพากษาเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาอย่างน้อยสองนาย ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22,23 เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติ ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องโดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่าต้องแบ่งเท่ากันตามสัดส่วนทรัพย์สินทั้งหมด ไม่ใช่หักกลบลบกัน
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภรรยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติไว้ คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากัน จะแบ่งโดยวิธีตีราคาสินสมรสทั้งหมด แล้วคิดคำนวณส่วนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับแล้วนำมาหักกลบลบกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่าต้องแบ่งให้ได้ส่วนเท่ากันตามกฎหมาย ไม่ใช่วิธีหักกลบลบกัน
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภรรยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติไว้ คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากัน จะแบ่งโดยวิธีตีราคาสินสมรสทั้งหมด แล้วคิดคำนวณส่วนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับแล้วนำมาหักกลบลบกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3682/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสระหว่างภริยาหลวงและภริยาน้อย: สิทธิเท่าเทียมตามหลักความยุติธรรม
สามียกที่ดินให้แก่ภริยาขณะยังอยู่กินฉันสามีภริยาอยู่ ทั้งตามพฤติการณ์ไม่พอฟังว่าฝ่ายภริยาไม่ต้องการส่วนแบ่งสินสมรสอีก ดังนี้ จะถือว่ามีการแบ่งสินสมรสเสร็จสิ้นแล้วหาได้ไม่
การแบ่งสินสมรสในกรณีชายมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายหลายคนและต่างมีสินเดิมด้วยกัน กฎหมายลักษณะผัวเมียมิได้มีบทบังคับว่าภริยาหลวงกับภริยาน้อยมีส่วนในสินสมรสต่างกันอย่างไร ตามความยุติธรรมภริยาหลวงและภริยาน้อยควรได้ส่วนแบ่งเท่ากัน (อ้างฎีกาที่ 495/2463 และที่ 1691/2509)
การแบ่งสินสมรสในกรณีชายมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายหลายคนและต่างมีสินเดิมด้วยกัน กฎหมายลักษณะผัวเมียมิได้มีบทบังคับว่าภริยาหลวงกับภริยาน้อยมีส่วนในสินสมรสต่างกันอย่างไร ตามความยุติธรรมภริยาหลวงและภริยาน้อยควรได้ส่วนแบ่งเท่ากัน (อ้างฎีกาที่ 495/2463 และที่ 1691/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3682/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสระหว่างภริยาหลวงและภริยาน้อยเมื่อสามีมีหลายภริยา โดยให้แบ่งเท่าเทียมตามหลักความยุติธรรม
สามียกที่ดินให้แก่ภริยาขณะยังอยู่กินฉันสามีภริยาอยู่ ทั้งตามพฤติการณ์ไม่พอฟังว่าฝ่ายภริยาไม่ต้องการส่วนแบ่งสินสมรสอีก ดังนี้ จะถือว่ามีการแบ่งสินสมรสเสร็จสิ้นแล้วหาได้ไม่
การแบ่งสินสมรสในกรณีชายมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายหลายคนและต่างมีสินเดิมด้วยกัน กฎหมายลักษณะผัวเมียมิได้มีบทบังคับว่าภริยาหลวงกับภริยาน้อยมีส่วนในสินสมรสต่างกันอย่างไร ตามความยุติธรรมภริยาหลวงและภริยาน้อยควรได้ส่วนแบ่งเท่ากัน (อ้างฎีกาที่ 495/2463 และที่ 1691/2509)
การแบ่งสินสมรสในกรณีชายมีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายหลายคนและต่างมีสินเดิมด้วยกัน กฎหมายลักษณะผัวเมียมิได้มีบทบังคับว่าภริยาหลวงกับภริยาน้อยมีส่วนในสินสมรสต่างกันอย่างไร ตามความยุติธรรมภริยาหลวงและภริยาน้อยควรได้ส่วนแบ่งเท่ากัน (อ้างฎีกาที่ 495/2463 และที่ 1691/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3539/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม – สัญญาตัวแทน – สิทธิเรียกร้องค่าหุ้น – การชำระหนี้
บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัดจดทะเบียนในประเทศไทยซึ่งหลักฐานในเรื่องนี้จะได้เสนอศาลชั้นต้นพิจารณา แม้โจทก์ไม่ได้ระบุว่าหุ้นส่วนคนใดเป็นผู้กระทำการแทนโจทก์ โจทก์ก็แสดงชัดแจ้งแล้วว่าจะได้เสนอหลักฐานดังกล่าวในชั้นพิจารณาและจำเลยก็เข้าใจคำฟ้องดีแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
จำเลยขอให้โจทก์เป็นตัวแทนสั่งซื้อหุ้นบริษัท ส. จำนวน 50 หุ้น เมื่อโจทก์ยอมรับเป็นตัวแทนและได้ออกเงินทดรองซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยไปแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกเอาเงินชดใช้จากจำเลยซึ่งเป็นตัวการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 จำเลยจะปฏิเสธไม่ยอมชำระหนี้หาได้ไม่
จำเลยขอให้โจทก์เป็นตัวแทนสั่งซื้อหุ้นบริษัท ส. จำนวน 50 หุ้น เมื่อโจทก์ยอมรับเป็นตัวแทนและได้ออกเงินทดรองซื้อหุ้นตามคำสั่งของจำเลยไปแล้ว โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกเอาเงินชดใช้จากจำเลยซึ่งเป็นตัวการได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 816 จำเลยจะปฏิเสธไม่ยอมชำระหนี้หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญา ความผิดอันยอมความได้ สิทธิในการฟ้องระงับ
ในคดีความผิดอันยอมความกันได้ ผู้เสียหายแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าได้ทำสัญญาประนีประนอม โดยได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลย จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยทั้งหมด และจำเลยทั้งสี่กับผู้เสียหายได้ลงชื่อไว้ในท้ายรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นแสดงว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ยอมความกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้ และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้ และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3516/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีอาญา: ผลกระทบต่อการฟ้องคดี และการพิจารณาความผิดหลายบท
ในคดีความผิดอันยอมความกันได้ ผู้เสียหายแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าได้ทำสัญญาประนีประนอม โดยได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลย จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยทั้งหมด และจำเลยทั้งสี่กับผู้เสียหายได้ลงชื่อไว้ในท้ายรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น แสดงว่าผู้เสียหายและจำเลยได้ยอมความกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 272, 273 ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักเมื่อปรากฏว่าความผิดตามมาตรา 272 เป็นความผิดอันยอมความได้และได้มีการยอมความกันโดยถูกต้องจนสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไปแล้วศาลฎีกาย่อมพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดตามมาตรา 272 คงให้ลงโทษตามมาตรา 273 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3473/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ถูกใช้ประโยชน์โดยราษฎร ก็ไม่เปลี่ยนสภาพเป็นสาธารณสมบัติประเภทอื่น
ที่ดินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่สงวนไว้ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(3) นั้น แม้จะถูกราษฎรใช้ประโยชน์มานานเท่าใดก็ตาม ก็ไม่ทำให้ที่ดินนั้นเปลี่ยนสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทอื่นได้