คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย อินทุภูติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,256 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2927/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำ: ถอนฟ้องก่อนไต่สวนมูลฟ้อง ไม่สามารถฟ้องคดีเดิมได้อีก
โจทก์เคยฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จหมิ่นประมาทและดูหมิ่น เมื่อโจทก์ถอนฟ้องไปแล้ว โจทก์จะนำคดีมาฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จอีกหาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36แม้โจทก์จะถอนฟ้องก่อนที่ศาลจะไต่สวนมูลฟ้องก็อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะมาฟ้องใหม่อีกไม่ได้เช่นกันเพราะถือว่าได้มีการฟ้องคดีอาญาต่อศาลโดยถูกต้องแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องฐานชิงทรัพย์-พยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 288, 80 โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายหลายครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ ความผิดฐานชิงทรัพย์นั้นมีการกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายรวมอยู่ด้วย แม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้ร่วมทำร้ายผู้เสียหาย ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องฐานชิงทรัพย์-พยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339,288,80 โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายหลายครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บความผิดฐานชิงทรัพย์ นั้นมีการกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายรวมอยู่ด้วย แม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้ร่วมทำร้ายผู้เสียหาย ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2926/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องฐานชิงทรัพย์-พยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์และพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา339,288,80โดยบรรยายฟ้องมาด้วยว่าจำเลยใช้กำลังกายชกต่อยผู้เสียหายหลายครั้งจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บความผิดฐานชิงทรัพย์นั้นมีการกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้ายรวมอยู่ด้วยแม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้ความว่าจำเลยกระทำผิดฐานชิงทรัพย์คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยได้ร่วมทำร้ายผู้เสียหายศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา192วรรคท้าย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการเป็นบริวาร: ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อคดีเดิมต้องห้าม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะบริวารในคดีขับไล่
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการพิพากษาถึงที่สุดในคดีขับไล่: ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อคู่ความเดิมต้องห้าม
คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาทจำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนายส.สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้วถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสอง ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้องศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคสามที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: การฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินซ้ำกับคดีเดิมที่ศาลยกฟ้องแล้ว
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยสร้างตึกรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่981 และปลูกสร้างฝาผนังก่ออิฐรุกล้ำอีกด้วยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องอยู่ในเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 981 ของโจทก์พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยว่าปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่ 981 และมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำตรงตามฟ้องคดีเดิมทุกประการ และขอให้พิพากษารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเช่นเดียวกับคดีเดิม ถือได้ว่า คดีเดิมและคดีนี้คู่ความเดียวกันประเด็นในคดีก่อนและในคดีนี้ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามมิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกตามมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีรุกล้ำที่ดิน: การฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซ้ำกับคดีเดิมที่ศาลยกฟ้องแล้ว
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยสร้างตึกรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่ 981 และปลูกสร้างฝาผนังก่ออิฐรุกล้ำอีกด้วย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องอยู่ในเขตที่ดินโฉนดเลขที่ 981 ของโจทก์พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยว่าปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่ 981 และมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำตรงตามฟ้องคดีเดิมทุกประการ และขอให้พิพากษารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเช่นเดียวกับคดีเดิม ถือได้ว่า คดีเดิมและคดีนี้คู่ความเดียวกัน ประเด็นในคดีก่อนและในคดีนี้ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามมิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกตามมาตรา 148 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดีรุกล้ำที่ดิน: การฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมที่ศาลยกฟ้องแล้วถือเป็นฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เดิมโจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยสร้างตึกรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่981และปลูกสร้างฝาผนังก่ออิฐรุกล้ำอีกด้วยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์นำสืบไม่ได้ว่าที่ดินพิพาทที่โจทก์ฟ้องอยู่ในเขตที่ดินโฉนดเลขที่981ของโจทก์พิพากษายกฟ้องคดีถึงที่สุดคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยว่าปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำที่ดินโฉนดเลขที่981และมีสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำตรงตามฟ้องคดีเดิมทุกประการและขอให้พิพากษารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเช่นเดียวกับคดีเดิมถือได้ว่าคดีเดิมและคดีนี้คู่ความเดียวกันประเด็นในคดีก่อนและในคดีนี้ต้องวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามมิให้รื้อร้องฟ้องกันอีกตามมาตรา148แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.
of 126