พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,256 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเช็ค: หนี้ระงับแล้ว ผู้รับเช็คมีสิทธิเรียกคืน
โจทก์ฟ้องเรียกเช็คพิพาทคืนจากจำเลย โดยอ้างว่าไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระตามเช็คพิพาท โจทก์มิได้ประสงค์ถึงราคากระดาษเช็คและหนี้ซึ่งระงับไปแล้ว จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันมิอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้เสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง 1(2)(ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1450/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาการกระทำทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาความร้ายแรงของบาดแผลและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยใช้มีดยาว 8 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วแทงผู้เสียหายถูกที่หัวไหล่ 2 แผล ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล 10 วัน และไม่สามารถประกอบกรณียกิจโดยปกติอีก 2 เดือน โดยไม่ปรากฏว่าตั้งใจเลือกแทงอวัยวะสำคัญนั้น กรณียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหาย ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 เมื่อมิได้บรรยายว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร จึงจะพิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา 297 ไม่ได้ คงลงโทษได้เพียง มาตรา 295
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ และการยกเว้นหนี้จากการชำระหนี้ด้วยที่ดิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์จึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์ตามสำเนาหนังสือ รับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยไม่ยอมชำระ จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยยื่นคำให้การกล่าวถึงที่มาแห่งหนี้ตลอดทั้งเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดไว้โดยละเอียดชัดแจ้งแสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องของโจทก์ได้ดีฟ้องไม่เคลือบคลุม ฎีกาของจำเลยที่ว่าศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ว่าหนี้คดีนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระ เป็นการไม่ชอบ เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้นปัญหาดังกล่าวมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานไม่ได้กำหนดไว้เป็นประเด็นพิพาทจำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้วจึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุมและการสละประเด็นข้อพิพาท ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยได้ชอบแล้ว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ 130,000 บาท จึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ให้โจทก์ตามสำเนาหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยไม่ยอมชำระให้จึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้กล่าวถึงที่มาแห่งหนี้รายนี้ ตลอดทั้งเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดไว้โดยละเอียดชัดแจ้ง แสดงว่าจำเลยเข้าใจคำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้ดี ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ว่า หนี้คดีนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระเป็นการไม่ชอบ เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น ปัญหาดังกล่าวมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานไม่ได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท จำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว
ฎีกาของจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริงที่จำเลยยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ว่า หนี้คดีนี้ยังไม่ถึงกำหนดชำระเป็นการไม่ชอบ เพราะปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น ปัญหาดังกล่าวมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลชั้นต้นชี้สองสถานไม่ได้กำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท จำเลยมิได้โต้แย้ง ถือได้ว่าจำเลยได้สละประเด็นข้อนี้แล้ว จึงไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการโต้แย้งคำสั่งศาล: การที่จำเลยไม่โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ ทำให้ข้อเท็จจริงยุติ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า จำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ จึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนให้งดไต่สวยและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลย ทั้งคำร้องดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 268 จำเลยคงอุทธรณ์แต่เพียงว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน และคำร้องของจำเลยก็ได้ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดี ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลแล้ว โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่า จำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะใช้ศาลเลื่อนการไต่สวนไป เพื่อจำเลยจะได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่า การขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควร ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเป็นอันยุติไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว การที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และได้บรรยายไว้ในคำร้องดังกล่าว แล้วว่าจำเลยจะมีทางชนะคดีได้อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว คำขอให้พิจารณาใหม่จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่และการโต้แย้งคำสั่งศาล: เหตุผลการไม่ยอมรับคำร้องเนื่องจากประเด็นการขาดนัดและการไม่โต้แย้งคำสั่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุ2ประการประการแรกคือจำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลยประการที่สองเห็นว่าคำร้องของจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามป.วิ.พ.มาตรา208จำเลยอุทธรณ์เพียงว่าจำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15วันและคำร้องของจำเลยก็ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดีถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดของศาลแล้วเช่นนี้ต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่าจำเลยไม่มีเหตุผลสมควรที่จะให้ศาลเลื่อนการไต่สวนไปยุติแล้วแม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากลักทรัพย์เป็นรับของโจรโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ จึงถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องข้อหาฐานรับของโจร จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ ประเด็นที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยคือจำเลยได้กระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์แต่ผิดฐานรับของโจร จึงมิชอบด้วยกระบวนพิจารณา จำเลยมีสิทธิฎีกาขอให้ยกฟ้องข้อหาฐานรับของโจรได้ และศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ เพราะศาลอุทธรณ์ได้ยกฟ้องจำเลยในข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1344/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาข้อหาในศาลอุทธรณ์ หากศาลชั้นต้นพิพากษาเฉพาะข้อหาหนึ่งแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่สามารถพิพากษาลงโทษในข้อหาอื่นได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรถ้าศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์และจำเลยอุทธรณ์ขอให้พิพากษายกฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์ไม่ชอบที่จะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานรับของโจร.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่ารถแท็กซี่ไม่ต้องรับผิดกับอุบัติเหตุจากผู้เช่า หากไม่มีความสัมพันธ์ในฐานะตัวการตัวแทนหรือนายจ้าง
ผู้ให้เช่ารถแท็กซี่ไม่ต้องร่วมรับผิดกับผู้เช่าที่นำรถที่เช่ามาไปขับชนคนบาดเจ็บโดยประมาทเพราะผู้ให้เช่าไม่ได้เป็นตัวการหรือนายจ้างของผู้เช่า.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1319/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยค้ำจุนต้องพิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับเจ้าของรถ หากเจ้าของรถไม่มีส่วนรับผิด ผู้รับประกันภัยก็ไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 7 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยค้ำจุนรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุ อันเป็นรถที่ก่อให้เกิดความเสียหายครั้งนี้คดีได้ความแต่เพียงว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุซึ่งเป็นรถของ ช. และช.เอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับบริษัทจำเลยที่ 7 เท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏไว้เลยว่า จำเลยที่1 ขับรถยนต์ของ ช. คันดังกล่าวในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์กันอย่างไรกับ ช. จึงฟังไม่ได้ว่า ช. เจ้าของรถคันดังกล่าวมีนิติสัมพันธ์กับจำเลยที่ 1 อันจะเป็นเหตุให้ ช. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของจำเลยที่ 1 ครั้งนี้ จำเลยที่ 7 ผู้รับประกันภัยค้ำจุนจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ ช. ต้องรับผิดชอบ เมื่อ ช.ไม่ต้องรับผิดชอบต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 7 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย