พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,256 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วม พยายามฆ่า: การกระทำเพื่อขัดขวางการช่วยเหลือผู้ถูกทำร้าย ย่อมถือเป็นเจตนาในการร่วมกระทำผิด
จำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะร่วมกันทำร้าย พ. เมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยและใช้มีดพกปลายแหลมแทง พ.โดยเจตนาฆ่าแล้ว ป.จะเข้าช่วยเหลือ พ. จำเลยที่ 2 ซึ่งตามจำเลยที่ 1 เข้าไปอย่างใกล้ชิดได้ใช้เก้าอี้ไม้ตี ป.เพื่อมิให้เข้าช่วย พ.ทันที แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกพากันหลบหนีไป ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 2 ได้ว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการที่จำเลยที่ 1 พยายามฆ่า พ.ด้วย แต่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นคนแทง พ. จึงสมควรลงโทษลดหลั่นจากโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3162/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการในหนี้ละเมิดของห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า พ. ลงนามในสัญญารับเหมาสร้างทางในฐานะทำแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 สัญญามีผลผูกพันจำเลยที่ 1 เมื่อ พ. และคนงานสร้างทางตัดฟันต้นไม้และแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โจทก์ จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดดังกล่าว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองมิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์แต่อย่างใด จะมารื้อฟื้นยกขึ้นเป็นข้อฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งได้ยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วหาได้ไม่ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 1 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด จึงต้องรับผิดในฐานะส่วนตัวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3155/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาล: โจทก์ต่างชาติไม่ต้องอยู่ในอำนาจศาล หรือมีเหตุเชื่อว่าจะหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่าย ก็วางประกันได้
ป.วิ.พ. มาตรา 253 ใช้คำว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ใน อำนาจศาล 'หรือ' ถ้ามีเหตุแน่นแฟ้นอันเป็นที่เชื่อได้ว่าเมื่อโจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหลาย หาได้ใช้คำว่า 'และ' ไม่ จึงอาจเป็นกรณีหนึ่งกรณีใดก็ได้ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำฟ้องและคำร้องของโจทก์ว่าตัวโจทก์อยู่ที่ประเทศซาอุดิอาราเบียจึงฟังได้ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล ดังนั้นแม้จำเลยมิได้นำสืบว่า โจทก์แพ้คดีแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ศาลก็มีคำสั่งให้โจทก์วางประกันตามคำร้องของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3123/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของเจ้าพนักงานที่ลงนามในเอกสารโดยมิได้ตรวจสอบความถูกต้อง และการเบียดบังเงิน
หนังสือนำส่งเงินพิมพ์ 2 ครั้ง ครั้งแรกระบุจำนวนเงิน 350,009 บาท ครั้งที่ 2 จำนวนเงิน 370,009 บาทผู้พิมพ์ฉีกทำลายต้นฉบับและสำเนาสลับกัน แล้วนำเสนอจำเลยซึ่งเป็นสมุห์บัญชีประจำกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลงชื่อโดยมิได้ตรวจสอบว่าต้นฉบับกับสำเนาตรงกันหรือไม่เป็นเหตุให้มีเงินเกินอยู่ที่จำเลย 20,000 บาท ตรวจไม่พบว่าเป็นเงินประเภทใดและเกิดการผิดพลาดด้วยเหตุใดรุ่งขึ้นได้รายงานให้รองผู้กำกับการตำรวจภูธรทราบ แต่ไม่ได้นำเงินเก็บไว้ในเซฟ ผิดระเบียบของทางราชการจำเลยไม่แจ้งให้พนักงานตรวจเงินแผ่นดินที่มาตรวจนับตัวเงินให้ทราบว่ามีเงินเกินบัญชีอยู่ที่จำเลย แต่แจ้งให้ทราบในวันที่มาตรวจสอบบัญชี เมื่อจำเลยเก็บเงินไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานโดยไม่ปรากฏว่าได้เอาเงินนั้นไปเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นแต่อย่างใด จึงไม่พอฟังว่าจำเลยเบียดบังเงินนั้นเป็นของตนโดยทุจริต ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3115/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาบุกรุก - เจ้าของสั่งรื้อเอง ผู้รับจ้างเชื่อโดยสุจริต ไม่ผิดฐานบุกรุก
เจ้าของห้องแถวสั่งให้จำเลย 3 คน ซึ่งเป็นลูกจ้างรื้อหลังคาและตัดส่วนที่เป็นกันสาดของห้องแถวที่เกิดเหตุ โดยอยู่ในที่เกิดเหตุและอำนวยการด้วย ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เช่าก็อยู่ในห้องแถวที่เกิดเหตุโดยไม่ได้ทักท้วงห้ามปรามอย่างใด ย่อมเป็นเหตุให้จำเลยเชื่อโดยสุจริตว่าเจ้าของห้องแถวมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะสั่งการให้จำเลยกระทำการดังกล่าวได้ การกระทำของจำเลยจึงขาดเจตนาที่จะกระทำความผิดฐานบุกรุก ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 365
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องคืนสิทธิ การครอบครองระหว่างดำเนินคดีไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตน
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย ในการทำแผนที่พิพาทจำเลยได้นำชี้ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งคือแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยด้วยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีและศาลอุทธรณ์อนุญาต ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่าการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเลยไปถึงที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์จึงมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ดังนี้จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในคดีนี้ในระหว่างคดีก่อนเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทแล้วหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างคดีเรื่องก่อนตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลฎีกาพิพากษานั้น เป็นการครอบครองที่อยู่ในระหว่างที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ทั้งจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์อนุญาต จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3072/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การครอบครองระหว่างคดีไม่ถือเป็นการครอบครองเพื่อตน หากมีคำขอทุเลาการบังคับคดี
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องละเมิดบุกรุกที่ดินของโจทก์แปลงอื่น จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลย ในการทำแผนที่พิพาทจำเลยได้นำชี้ล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์อีกแปลงหนึ่งคือแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยด้วย ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแปลงที่พิพาทกันในคดีนี้ พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ด้วย ในชั้นอุทธรณ์จำเลยขอทุเลาการบังคับคดีและศาลอุทธรณ์อนุญาต ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่า การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเลยไปถึงที่ดินที่พิพาทกันในคดีนี้เป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น โจทก์จึงมาฟ้องใหม่เป็นคดีนี้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทในคดีนี้ ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทในคดีนี้ในระหว่างคดีก่อนเป็นระยะเวลาเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองในที่พิพาทแล้วหาได้ไม่ เพราะการที่จำเลยครอบครองที่พิพาทในระหว่างคดีเรื่องก่อนตั้งแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันที่ศาลฎีกาพิพากษานั้น เป็นการครอบครองที่อยู่ในระหว่างที่โจทก์กล่าวอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ทั้งจำเลยได้ขอทุเลาการบังคับคดีระหว่างอุทธรณ์ซึ่งศาลอุทธรณ์อนุญาต จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทเพื่อตนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3057/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจดทะเบียนสมรสของบุคคลสัญชาติไทยกับชาวต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่ผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาว น. บุคคลเชื้อชาติสัญชาติญวน และเจ้าหน้าที่บันทึกเสนอผู้คัดค้านว่า นางสาว น. ฝ่ายหญิงเป็นคนญวนอพยพเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ ปลัดอำเภอบันทึกความเห็นต่อไปว่า เห็นควรแจ้งให้ผู้ร้องฝ่ายหญิงทราบว่าจะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวก่อนจึงจะจดทะเบียนสมรสให้ได้ ผู้คัดค้านสั่งในรายการความเห็นของนายอำเภอว่ารายงานจังหวัดขอความเห็นชอบ ให้สารวัตรใหญ่สืบสวน แจ้งให้ผู้ร้องทราบนั้น พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 มาตรา 15 มิได้ระบุว่านายทะเบียนไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสด้วยเหตุใดบ้าง ผู้มีส่วนได้เสียจึงจะยื่นคำร้องต่อศาลได้ ดังนั้นเมื่อผู้คัดค้านซึ่งเป็นนายทะเบียนไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสดังกล่าว จึงเป็นการไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสตามความหมายแห่งบทบัญญัติของกฎหมายมาตราดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จดทะเบียนสมรสให้ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3057/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการจดทะเบียนสมรส: กรณีเจ้าหน้าที่ปฏิเสธเนื่องจากสถานะบุคคลฝ่ายหญิง
การที่ผู้ร้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย ได้ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนสมรสกับนางสาว น. บุคคลเชื้อชาติสัญชาติญวน และเจ้าหน้าที่บันทึกเสนอผู้คัดค้านว่า นางสาว น. ฝ่ายหญิงเป็นคนญวนอพยพเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ ปลัดอำเภอบันทึกความเห็นต่อไปว่า เห็นควรแจ้งให้ผู้ร้องฝ่ายหญิงทราบว่าจะต้องมีใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวก่อนจึงจะจดทะเบียนสมรสให้ได้ ผู้คัดค้านสั่งในรายการความเห็นของนายอำเภอว่ารายงานจังหวัดขอความเห็นชอบ ให้สารวัตรใหญ่สืบสวน แจ้งให้ผู้ร้องทราบนั้น พระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478 มาตรา 15 มิได้ระบุว่านายทะเบียนไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสด้วยเหตุใดบ้าง ผู้มีส่วนได้เสียจึงจะยื่นคำร้องต่อศาลได้ ดังนั้นเมื่อผู้คัดค้านซึ่งเป็นนายทะเบียนไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสดังกล่าว จึงเป็นการไม่ยอมรับจดทะเบียนสมรสตามความหมายแห่งบทบัญญัติของกฎหมายมาตราดังกล่าวแล้ว ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จดทะเบียนสมรสให้ผู้ร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3034/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินที่กระทำโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหนี้สิน และรู้ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 ได้รับจดทะเบียนนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ ม. อ. และโจทก์ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จำเลยที่ 1 รับราชการสังกัดอยู่ได้รับความเสียหาย เมื่อ อ. ฟ้องเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อเอาแก่โจทก์ จำเลยที่ 1กับพวก จำเลยที่ 1 ย่อมรู้ดีในขณะนั้นว่าหากโจทก์ต้องเสียค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ อ. โจทก์ย่อมมีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลัง ดังนั้นโจทก์จึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ในความเสียหายที่จำเลยที่1 เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่ดินพิพาทแปลงเดียว และจำเลยที่ 1 ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรหลังจากที่โจทก์และจำเลยที่1 ถูก อ. ฟ้องให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการโอนเพื่อหลีกเลี่ยงและให้พ้นจากการถูกบังคับคดี จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นการกระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลังเสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ถึงที่4 ซึ่งเป็นบุตรโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยที่ 2 ถึงที่4 โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมโดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้
การที่ ธ. น้องชายสามีจำเลยที่ 1 ไถ่ถอนจำนองให้โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องโอนที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ไม่เป็นการโอนที่มีค่าตอบแทน
จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่ดินพิพาทแปลงเดียว และจำเลยที่ 1 ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรหลังจากที่โจทก์และจำเลยที่1 ถูก อ. ฟ้องให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการโอนเพื่อหลีกเลี่ยงและให้พ้นจากการถูกบังคับคดี จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นการกระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลังเสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ถึงที่4 ซึ่งเป็นบุตรโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยที่ 2 ถึงที่4 โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมโดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้
การที่ ธ. น้องชายสามีจำเลยที่ 1 ไถ่ถอนจำนองให้โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องโอนที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ไม่เป็นการโอนที่มีค่าตอบแทน