คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อำนวย อินทุภูติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,256 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3034/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์สินที่กระทำโดยเจตนาหลีกเลี่ยงหนี้สิน และรู้ว่าเป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 ได้รับจดทะเบียนนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ ม. อ. และโจทก์ซึ่งเป็นหน่วยราชการที่จำเลยที่ 1 รับราชการสังกัดอยู่ได้รับความเสียหาย เมื่อ อ. ฟ้องเรียกค่าเสียหายในการที่จำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อเอาแก่โจทก์ จำเลยที่ 1กับพวก จำเลยที่ 1 ย่อมรู้ดีในขณะนั้นว่าหากโจทก์ต้องเสียค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่ อ. โจทก์ย่อมมีสิทธิจะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลัง ดังนั้นโจทก์จึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ในความเสียหายที่จำเลยที่1 เป็นผู้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์จึงอยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่ดินพิพาทแปลงเดียว และจำเลยที่ 1 ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 2ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรหลังจากที่โจทก์และจำเลยที่1 ถูก อ. ฟ้องให้ร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้น การกระทำดังกล่าวเป็นการโอนเพื่อหลีกเลี่ยงและให้พ้นจากการถูกบังคับคดี จึงเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นการกระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ผู้มีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ 1ผู้เป็นต้นเหตุทำความเสียหายได้ภายหลังเสียเปรียบ
จำเลยที่ 1 โอนที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ถึงที่4 ซึ่งเป็นบุตรโดยเสน่หา ต่อมาจำเลยที่ 2 ถึงที่4 โอนใส่ชื่อจำเลยที่ 5 ถึงที่ 9 ให้ถือกรรมสิทธิ์รวมโดยเสน่หา เพียงแต่จำเลยที่ 1 เป็นผู้รู้ฝ่ายเดียวว่าจะเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ โจทก์ก็ขอให้เพิกถอนการโอนดังกล่าวได้
การที่ ธ. น้องชายสามีจำเลยที่ 1 ไถ่ถอนจำนองให้โดยมีข้อตกลงว่าจำเลยที่ 1 จะต้องโอนที่ดินพิพาทแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4ไม่เป็นการโอนที่มีค่าตอบแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เพื่อชำระหนี้แทนกันถือเป็นการให้เพื่อบำเหน็จสินจ้าง ไม่สามารถถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณได้
โจทก์ให้ที่ดินพิพาทแก่จำเลยเพราะให้จำเลยชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แทนโจทก์ แม้การให้ดังกล่าวจะมิใช่เป็นการชำระหนี้ตอบแทนตามสัญญาต่างตอบแทนโดยตรง และถือไม่ได้ว่าเป็นการให้สิ่งที่มีค่าภาระติดพัน ตามป.พ.พ. ม.535(2) ก็เป็นการให้เพื่อเป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ ตาม ม.535(1) การให้เช่นนี้จะถอนคืนเพราะเหตุเนรคุณหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันการบังคับคดี: การที่เจ้าของทรัพย์ยังไม่ได้ทำสัญญาประกันต่อศาล แม้จะมอบอำนาจให้ทำแทน ก็ใช้บังคับกับประกันไม่ได้
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ โดยให้จำเลยหาประกันมาวาง จำเลยนำโฉนดที่ดินพร้อมหนังสือมอบอำนาจของผู้มีกรรมสิทธิ์ให้ทำสัญญาประกันต่อศาลมาวาง ระหว่างศาลสอบถามราคาประเมินไปยังเจ้าพนักงานที่ดิน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยแพ้คดี และต่อมาศาลฎีกาก็พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ดังนี้ เจ้าของที่ดินยังมิได้เข้าเป็นผู้ค้ำประกันในศาลโดยทำหนังสือประกัน และมิใช่เป็นการกระทำโดยวิธีอื่น ๆ เพื่อการชำระหนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 274 คำพิพากษาคดีนี้ย่อมใช้บังคับแก่การประกันดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2978/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันการชำระหนี้ตามคำพิพากษา: ต้องทำสัญญาประกันหรือกระทำการอื่นเพื่อชำระหนี้ต่อศาล
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ โดยให้จำเลยหาประกันมาวาง จำเลยนำโฉนดที่ดินพร้อมหนังสือมอบอำนาจของผู้มีกรรมสิทธิ์ให้ทำสัญญาประกันต่อศาลมาวาง ระหว่างศาลสอบถามราคาประเมินไปยังเจ้าพนักงานที่ดิน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้จำเลยแพ้คดี และต่อมาศาลฎีกาก็พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี ดังนี้ เจ้าของที่ดินยังมิได้เข้าเป็นผู้ค้ำประกันในศาลโดยทำหนังสือประกัน และมิใช่เป็นการกระทำโดยวิธีอื่นๆเพื่อการชำระหนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274คำพิพากษาคดีนี้ย่อมใช้บังคับแก่การประกันดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าช่วงอาคาร: ศาลไม่อาจบังคับทำสัญญาเช่าช่วงหากมีสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลแล้ว
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับเทศบาลเมืองขอนแก่นตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้แก่เทศบาลเมืองขอนแก่นโดยจำเลยที่ 1 มีสิทธิเช่าที่ดินกับอาคารดังกล่าวทั้งหมดและมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ ซึ่งทางปฏิบัติจำเลยที่ 1จะจัดการให้ผู้จองเช่าช่วงอาคารทำสัญญาเช่าโดยตรงกับ เทศบาลเมืองขอนแก่น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1ได้จัดการให้จำเลยที่ 4 ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับ เทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าว ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่1 ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงอาคารพิพาทอันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับสัญญาเช่าช่วงกระทบสิทธิบุคคลภายนอก - เทศบาล, สิทธิทำสัญญาโดยตรง, ไม่สามารถบังคับจำเลยทำสัญญาซ้ำได้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับเทศบาลเมืองขอนแก่นตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้แก่เทศบาลเมืองขอนแก่นโดยจำเลยที่ 1 มีสิทธิเช่าที่ดินกับอาคารดังกล่าวทั้งหมดและมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ ซึ่งทางปฏิบัติจำเลยที่ 1 จะจัดการให้ผู้จองเช่าช่วงอาคารทำสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลเมืองขอนแก่น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดการให้จำเลยที่ 4 ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับเทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าว ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่1ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงอาคารพิพาทอันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2970/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมและการอุทธรณ์
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ และร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจนได้รับอันตรายสาหัส ผู้เสียหายทั้งสองเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการไม่อุทธรณ์ แต่โจทก์ร่วมทั้งสองอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่า เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ร่วมกับพวกได้กลุ้มรุมทำร้ายจำเลย และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสทั้งสองคน เป็นเรื่องวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ถือว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายไม่มีสิทธิเข้าเป็นโจทก์ร่วม และไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาย่อมพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2970/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญา: เมื่อโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯลฯ และร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจนได้รับอันตรายสาหัส ผู้เสียหายทั้งสองเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง พนักงานอัยการไม่อุทธรณ์แต่โจทก์ร่วมทั้งสองอุทธรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่า เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ร่วมกับพวกได้กลุ้มรุมทำร้ายจำเลย และจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสทั้งสองคนเป็นเรื่องวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน ถือว่าโจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมายไม่มีสิทธิเข้าเป็นโจทก์ร่วมและไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาย่อมพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับชำระหนี้โดยไม่สงวนสิทธิทำให้หมดสิทธิเรียกร้องเบี้ยปรับ
โจทก์ว่าจ้างจำเลยซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ ซึ่งจะต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ มิฉะนั้นจำเลยจะต้องถูกปรับเป็นรายวันจนกว่าจะซ่อมเสร็จแต่เมื่อโจทก์ยอมรับมอบรถยนต์ที่จำเลยซ่อมเสร็จเรียบร้อยหลังจากที่พ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว อันเป็นการยอมรับชำระหนี้ โดยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับ โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับจากจำเลยตาม มาตรา 181 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2947/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับมอบงานหลังเกินกำหนด ทำให้หมดสิทธิเรียกร้องค่าปรับ
โจทก์ว่าจ้างจำเลยซ่อมแซมรถยนต์ของโจทก์ ซึ่งจะต้องกระทำให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ มิฉะนั้นจำเลยจะต้องถูกปรับเป็นรายวันจนกว่าจะซ่อมเสร็จแต่เมื่อโจทก์ยอมรับมอบรถยนต์ที่จำเลยซ่อมเสร็จเรียบร้อยหลังจากที่ พ้นกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว อันเป็นการยอมรับชำระหนี้โดยมิได้บอกสงวนสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับ โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะเรียกเอาเบี้ยปรับจากจำเลยตาม มาตรา 181วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
of 126