พบผลลัพธ์ทั้งหมด 561 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1932/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองที่ดินของสำนักสงฆ์และวัด: อำนาจฟ้องขับไล่ผู้บุกรุก
คดีที่พิพาทกันเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อเท็จจริงไม่รับ จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านคำสั่งดังกล่าว ฎีกาข้อเท็จจริงของจำเลยจึงเป็นอันยุติ คงมีปัญหาขึ้นสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น
วัดโจทก์ตั้งเป็นสำนักสงฆ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 31 บัญญัติว่าวัดมีสองอย่าง คือวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและสำนักสงฆ์ สำนักสงฆ์ที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแล้ว แม้จะยังมิได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาก็เป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72 จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินที่มีผู้ยกให้เป็นของวัดได้
วัดโจทก์ตั้งเป็นสำนักสงฆ์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 31 บัญญัติว่าวัดมีสองอย่าง คือวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาและสำนักสงฆ์ สำนักสงฆ์ที่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายแล้ว แม้จะยังมิได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาก็เป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72 จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินที่มีผู้ยกให้เป็นของวัดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1901/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญานายหน้าที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน: การจดทะเบียนเช่าเป็นสำคัญ
จำเลยประสงค์จะให้เช่าที่ดินมีกำหนดเวลาเกิน 3 ปีจึงระบุในสัญญาว่าจำเลยมอบให้โจทก์ไปจัดการให้จดทะเบียนณ สำนักงานที่ดิน แล้วจำเลยยอมจ่ายค่านายหน้าให้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 5% ของเงินดังกล่าวโดยจ่ายให้ในวันจดทะเบียนที่ดิน ณ สำนักงานที่ดิน จึงเป็นสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อน คือถือการจดทะเบียนการเช่าระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่าที่สำนักงานที่ดินเป็นเงื่อนไขความสำเร็จของการเป็นนายหน้า เมื่อยังมิได้มีการจดทะเบียนการเช่าเพราะผู้เช่าผิดสัญญา ดังนี้ โจทก์ยังไม่มีสิทธิเรียกค่านายหน้าจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน: โจทก์ต้องตั้งรูปคดีชัดเจน หากอ้างกรรมสิทธิ์เดิม ศาลไม่สามารถพิพากษาให้ได้มาจากการครอบครองปรปักษ์
การครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ศาลห้ามจำเลยเกี่ยวข้องโดยโจทก์มิได้ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เลยจำเลยให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินจำเลย คดีจึงมีประเด็นที่โต้เถียงกันแต่เพียง ว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองมากว่า 10 ปีแล้วอยู่ในเขตที่ดินตราจองของจำเลยซึ่งจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ ศาลก็จะพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1865/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นการครอบครองปรปักษ์ต้องยกขึ้นเป็นข้ออ้างโดยตรงในคำฟ้อง หากมิได้ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินเป็นของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลไม่สามารถพิพากษาให้ได้
การครอบครองปรปักษ์จะเกิดมีขึ้นได้ก็แต่ในที่ดินของผู้อื่นเท่านั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์ยืนยันว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขอให้ศาลห้ามจำเลยเกี่ยวข้องโดยโจทก์มิได้ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เลย จำเลยให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์แต่เป็นส่วนหนึ่งของที่ดินจำเลย คดีจึงมีประเด็นที่โต้เถียงกันแต่เพียงว่าที่พิพาทเป็นของฝ่ายใดเท่านั้น ไม่มีประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองปรปักษ์ด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่พิพาทซึ่งโจทก์ครอบครองมากว่า 10 ปี แล้วอยู่ในเขตที่ดินตราจองของจำเลยซึ่งจำเลยเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ ศาลก็จะพิพากษาให้ที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์โดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1770/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีละเมิด: การรู้ตัวผู้รับผิดและผลต่อการฟ้องคดีภายในกำหนด
องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยโจทก์จ่ายเงินค่าจองการติดตั้งโทรศัพท์คืนจำเลยที่ 1 เป็นการซ้ำซ้อนจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนพนักงานของโจทก์เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบในทางแพ่ง ผู้อำนวยการของโจทก์ทราบรายงานการสอบสวนของคณะกรรมการฯ ซึ่งระบุว่าจำเลยที่ 2ถึงที่ 8 อยู่ในข่ายต้องรับผิด เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2518 แม้จะมีข้อขัดแย้งอันเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลยที่ 7 และที่ 8 ซึ่งโจทก์มีความเห็นไปทางคณะกรรมการบริหารงานด้านปฏิบัติการ แต่ในที่สุดก็ยอมรับและปฏิบัติตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนจึงต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนับแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2518 โจทก์ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2520 พ้นกำหนดเวลา 1 ปี คดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ถึงที่ 8 จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคแรก แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิยาม 'ผู้เช่านา' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พิจารณาจากเนื้อที่ดินที่เช่า ไม่ใช่เนื้อที่ดินทั้งหมด
ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ให้คำนิยามของคำ'ผู้เช่านา'ว่า หมายความถึงผู้ที่เช่านาเพื่อทำนาทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ และ'ผู้ให้เช่านา'หมายความว่าผู้ที่ให้เช่านาเพื่อทำนาทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่คำว่าส่วนใหญ่ในที่นี้หมายถึงส่วนใหญ่ของเนื้อที่ดินส่วนที่เช่ากัน ไม่ได้หมายถึงส่วนใหญ่ของเนื้อที่ดินทั้งแปลง โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลจึงต้องพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วจึงพิพากษาไปตามประเด็นข้อโต้เถียง ไม่ควรด่วนงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิยาม 'ผู้เช่านา' ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พิจารณาจากพื้นที่เช่าเพื่อทำนาเป็นหลัก ไม่ใช่พื้นที่ทั้งแปลง
ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ให้คำนิยามของคำ"ผู้เช่านา"ว่า หมายความถึงผู้ที่เช่านาเพื่อทำนาทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ และ "ผู้ให้เช่านา" หมายความว่าผู้ที่ให้เช่านาเพื่อทำนาทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ คำว่าส่วนใหญ่ในที่นี้หมายถึงส่วนใหญ่ของเนื้อที่ดินส่วนที่เช่ากัน ไม่ได้หมายถึงส่วนใหญ่ของเนื้อที่ดินทั้งแปลง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลจึงต้องพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วจึงพิพากษาไปตามประเด็นข้อโต้เถียง ไม่ควรด่วนงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลจึงต้องพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่ายให้สิ้นกระแสความเสียก่อนแล้วจึงพิพากษาไปตามประเด็นข้อโต้เถียง ไม่ควรด่วนงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระงับคดีอาญาเนื่องจากจำเลยเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา
จำเลยตายขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) ศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หักกลบลบหนี้: กรณีหนี้มูลเดียวกันถึงกำหนดชำระแล้ว ศาลอนุญาตให้หักกลบลบได้
จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อลูกไก่และค่าอาหารไก่จากโจทก์ และโจทก์เป็นหนี้จำเลยค่าซื้อไก่ใหญ่ โจทก์จำเลยต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้ว จำเลยจึงชอบที่จะขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1587/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยที่มีหนี้สินซึ่งกันและกัน
จำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อลูกไก่และค่าอาหารไก่จากโจทก์ และโจทก์เป็นหนี้จำเลยค่าซื้อไก่ใหญ่ โจทก์จำเลยต่างมีความผูกพันซึ่งกันและกันโดยมูลหนี้อันมีวัตถุเป็นอย่างเดียวกันและหนี้ระหว่างโจทก์จำเลยดังกล่าวถึงกำหนดชำระแล้วจำเลยจึงชอบที่จะขอหักกลบลบหนี้กับโจทก์ได้