พบผลลัพธ์ทั้งหมด 561 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3498/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เครื่องหมายการค้าโดยไม่สุจริต และการแสวงหาประโยชน์จากชื่อเสียงของผู้อื่น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคล โดยมีจำเลยที่1 เป็นผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการผู้จัดการมีอำนาจกระทำกิจการแทนจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียว คำบรรยายฟ้องของโจทก์และคำขอบังคับเป็นการฟ้องว่าจำเลยทั้งสอง ร่วมกันเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 29 วรรคสองทั้งข้อเท็จจริงจำเลยทั้งสองก็แถลงรับว่าจำเลยเริ่มผลิตสินค้าที่ใช้ เครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อนฟ้องโดยโฆษณาว่าจำเลยเป็น ผู้แทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวในประเทศไทยการกระทำของจำเลยทั้งสอง อาจเป็นการร่วมกันทำละเมิดต่อ โจทก์ดังข้ออ้างตามคำฟ้องโจทก์จึง มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วย โจทก์เป็นเจ้าของผู้มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่าWOOLWORTH (วูลเวิร์ธ)และWOOLCO(วูลโก)และใช้แพร่หลายในทวีปอเมริกาและยุโรป หลายประเทศมาหลายสิบปีก่อนที่จำเลยที่ 1 ขอจดทะเบียน เครื่องหมายการค้าคำว่าWOOLWORTH(วูลเวิร์ธ)เมื่อจำเลยที่1และที่ 2 ทราบดีว่าเครื่องหมายการค้า ดังกล่าวเป็นของโจทก์และโจทก์ได้ใช้แพร่หลาย ในต่างประเทศมาก่อนและจำเลยได้นำเอาคำว่าWOOLWORTH(วูลเวิร์ธ) มาขอจดทะเบียนเป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยที่ 1 และนำมาใช้กับ ผลิตภัณฑ์กางเกงยีนส์ของจำเลยและโฆษณาว่าจำเลยที่ 2 เป็น ตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียว ในประเทศไทย จึงเป็นการแสดงเจตนา ให้เห็นว่าจำเลยแสวงหาประโยชน์โดยอาศัยแอบอิงเครื่องหมายการค้า ของโจทก์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของจำเลยโดยเจตนาไม่สุจริตการ ที่ จำเลยที่1 ขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า WOOLWORTH(วูลเวิร์ธ)เป็นของตนจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์จึงมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า WOOLWORTH ดีกว่าจำเลยที่ 1 เครื่องหมายการค้าคำว่า WOOLWA,WOOLWO และ WOOLWARDที่จำเลยที่1ขอจดทะเบียนนอกจากมีคำหน้าว่า WOOLตรงกับคำหน้า ของเครื่องหมายการค้าของโจทก์ซึ่งเป็นตัวยืนและจุดเด่นของ เครื่องหมายการค้าแล้ว คำท้ายของแต่ละคำก็อ่านออกเสียงใกล้เคียงกับ คำท้ายของเครื่องหมายการค้าWOOLWORTH และ WOOLCO ของโจทก์ด้วย แสดงให้เห็นถึงเจตนาเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์เพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยไม่ชอบจึงเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า WOOLWAWOOLWO และWOOLWARD เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยนำเอาเครื่องหมายการค้า คำว่า WOOLWORTH(วูลเวิร์ธ) ของโจทก์มาใช้กับผลิตภัณฑ์ของจำเลย โดยไม่สุจริตแล้วการกระทำของจำเลยดังกล่าวย่อมอาจทำให้สาธารณชน เกิดความสับสนและหลงผิดได้ว่าสินค้าที่จำเลยผลิตออกจำหน่ายนั้น เป็นสินค้าของโจทก์ หรือโจทก์มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยการกระทำของจำเลย เป็นการแสวงหาประโยชน์จากเครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ห้ามจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารรับรองเช็คเกินวงเงินและโอนเงินโดยพลการ ทำให้ลูกค้าขาดเงิน ต้องรับผิดชดใช้
การที่จำเลยพา บ.ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณี แม้บ.จะยินยอมสมัครใจร่วมประเวณี กับจำเลยก็ถือว่าจำเลยกระทำล่วงเกิน ภริยาโจทก์ไปในทำนอง ชู้สาวจำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนให้โจทก์ และการที่จำเลยพาภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณีดังกล่าวย่อมทำให้โจทก์ผู้เป็นสามีได้รับความเสื่อมเสียทั้งด้านจิตใจเกียรติยศและชื่อเสียง ซึ่งไม่อาจคิดเป็นราคาเงินได้การกำหนดค่าทดแทนให้เพียงใดย่อมแล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3483/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การล่วงเกินภริยาทางชู้สาว แม้ภริยายินยอม สามีมีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทน
การที่จำเลยพา บ.ซึ่งจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณี แม้ บ.จะยินยอมสมัครใจร่วมประเวณีกับจำเลย ก็ถือว่าจำเลยกระทำล่วงเกินภริยาโจทก์ไปในทำนองชู้สาว จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าทดแทนให้โจทก์ และการที่จำเลยพาภริยาโจทก์ไปร่วมประเวณีดังกล่าว ย่อมทำให้โจทก์ผู้เป็นสามีได้รับความเสื่อมเสียทั้งด้านจิตใจเกียรติยศ และชื่อเสียง ซึ่งไม่อาจคิดเป็นราคาเงินได้ การกำหนดค่าทดแทนให้เพียงใดย่อมแล้วแต่พฤติการณ์แห่งคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจย้อนสำนวนของศาลฎีกา แม้มิได้ฎีกาขอสืบพยานเพิ่มเติม หากจำเป็นต่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ พิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ก็ตาม เมื่อคดีปรากฏว่ามีความจำเป็นที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลย เพื่อให้การวินิจฉัยคดีเป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงธรรม ศาลฎีกาก็คงมีอำนาจย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานให้ได้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญแก่คดีจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบกับมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจย้อนสำนวนของศาลฎีกา แม้มิได้ขอให้สืบพยานใหม่ หากจำเป็นต่อความถูกต้องเที่ยงธรรม
แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ พิจารณาสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่ก็ตามเมื่อคดีปรากฏว่ามีความจำเป็น ที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากคำฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลย เพื่อให้การวินิจฉัยคดีเป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงธรรมศาลฎีกาก็คงมีอำนาจ ย้อนสำนวน ไปให้ศาลชั้นต้นทำการสืบพยานให้ได้ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญแก่คดีจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ประกอบกับมาตรา247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายเจ้าพนักงานด้วยการขับรถชน ศาลมีอำนาจริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยขับรถยนต์ของกลางชนท้ายรถจิ๊ปที่ร้อยตำรวจตรี ส. ขับขี่โดยมีเจตนาทำร้ายเพราะโกรธเคืองที่จับจำเลยมาสถานีตำรวจและไม่ยอมปล่อยจำเลยตามคำขอร้องของจำเลย จนร้อยตำรวจตรี ส.ได้รับบาดเจ็บ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 รถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิด ศาลมีอำนาจริบเสียได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำร้ายเจ้าพนักงานด้วยการขับรถชนและการริบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด
จำเลยขับรถยนต์ของกลางชนท้ายรถจิ๊ปที่ร้อยตำรวจตรีส.ขับขี่โดยมีเจตนาทำร้ายเพราะโกรธเคืองที่จับจำเลยมาสถานีตำรวจและไม่ยอมปล่อยจำเลยตามคำขอร้องของจำเลยจนร้อยตำรวจตรี ส.ได้รับบาดเจ็บจำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 รถยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้ใช้ในการกระทำผิดศาลมีอำนาจริบเสียได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3306/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติ: จำเลยมีสิทธิก่อนโจทก์ แม้โรงร้านกีดขวางที่ดินโจทก์บ้าง
โรงร้านที่จำเลยปลูกอยุ่ในที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหน้าที่ดินโจทก์ มิได้เกี่ยวกับที่ดินโจทก์ และจำเลยได้ปลูกโรงร้านพิพาทในที่ชายตลิ่งมาก่อนโจทก์ จำเลยย่อมมีสิทธิในที่ชายตลิ่งดีกว่าโจทก์ นอกจากนี้โจทก์ยังสามารถเข้าออกที่ดินโจทก์ ได้สะดวก เพราะยังมีที่ว่างที่เหลือคือที่จำเลยที่ 4 ได้รื้อไปแล้วและ
ที่ถูกพายุพัดพังไป ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ตามพฤติการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะบังคับให้จำเลยรื้อถอน โรงร้านพิพาท
ที่ถูกพายุพัดพังไป ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ตามพฤติการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะบังคับให้จำเลยรื้อถอน โรงร้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3306/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการใช้ที่ชายตลิ่งสาธารณสมบัติ: จำเลยมีสิทธิก่อนโจทก์ การเปลี่ยนแปลงพฤติการณ์เป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โรงร้านที่จำเลยปลูกอยุ่ในที่ชายตลิ่งอันเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหน้าที่ดิน โจทก์มิได้เกี่ยวกับที่ดินโจทก์และจำเลย ได้ปลูกโรง ร้านพิพาทในที่ชายตลิ่งมาก่อนโจทก์จำเลยย่อมมีสิทธิในที่ชายตลิ่งดีกว่าโจทก์ นอกจากนี้โจทก์ยังสามารถเข้าออกที่ดินโจทก์ ได้สะดวก เพราะยังมีที่ว่างที่เหลือคือที่จำเลยที่ 4 ได้รื้อไปแล้วและที่ถูกพายุพัดพังไปซึ่ง เกิดขึ้นภายหลังที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ ตามพฤติการณ์ ที่ได้ เปลี่ยนแปลงไปยังไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะบังคับให้จำเลยรื้อถอน โรงร้านพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3179/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตั้งตัวแทนต้องทำเป็นหนังสือเมื่อสัญญาเช่าต้องจดทะเบียน และผลของการไม่ทำตามรูปแบบ
โจทก์ผู้รับมรดกของ อ.ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวที่เช่า จำเลยอ้างว่าจำเลยตั้งให้ ร.เป็นตัวแทนของจำเลยเข้าทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าตึกแถวกับ อ.ผู้ให้เช่าซึ่งอ.ก็ทราบเรื่องนี้ดีและยินยอมให้ ร.เข้าทำสัญญาเช่าในฐานะตัวแทนของจำเลยได้กรณีจึงเป็นเรื่องที่จำเลยเปิดเผยให้บุคคลภายนอกทราบแล้วว่าตนเป็นตัวการตั้งให้ ร.ทำสัญญาเช่าแทนจำเลยจะมาอ้างว่าตนเป็นตัวการไม่เปิดเผยชื่อ กลับแสดงตนให้ปรากฏและเข้ารับเอาสัญญาเช่าที่ ร.ตัวแทนได้ทำไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 806 หาได้ไม่ การที่จำเลยตั้ง ร.เป็นตัวแทนไปกระทำการดังกล่าวซึ่งต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อการตั้งตัวแทนของจำเลยไม่ได้ทำ เป็นหนังสือจึงไม่เป็นผลให้ใช้บังคับแก่อ.และโจทก์ได้ว่าจำเลยเป็นผู้เช่าตามสัญญาเช่าดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยออกไปจากตึกแถวของโจทก์ได้ เมื่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำฟ้อง คำให้การและที่คู่ความแถลงรับกันเพียงพอที่จะวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อใดหรือทั้งคดีโดยไม่ต้องฟังข้อเท็จจริงอื่นอีกแล้วศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งงดสืบพยานได้