พบผลลัพธ์ทั้งหมด 561 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินต่ออายุได้หลายคราว ไม่ถือเป็นสัญญาเช่าระยะยาวที่ต้องจดทะเบียน
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนด 3 ปี แต่มีข้อสัญญาระบุไว้ต่อไปว่าเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว ผู้ให้เช่าจะต่อสัญญาเช่าที่ดินนี้ให้แก่ผู้เช่าต่อไปอีกคราวละ 3 ปี จนครบ 20 ปี เป็นสัญญาเช่าที่มีกำหนดเวลาไม่เกินคราวละ 3 ปี และในกรณีเช่นนี้โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 20 ปี ไม่ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 698/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3714/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินต่ออายุรายปี: ไม่ต้องจดทะเบียนหากสัญญาระบุเป็นรายปี แม้มีข้อตกลงต่ออายุถึง 20 ปี
สัญญาเช่าที่ดินมีกำหนด 3 ปี แต่มีข้อสัญญาระบุไว้ต่อไปว่า เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว ผู้ให้เช่าจะต่อสัญญาเช่าที่ดินนี้ให้แก่ผู้เช่าต่อไปอีกคราวละ 3 ปี จนครบ 20 ปีเป็นสัญญาเช่าที่มีกำหนดเวลาไม่เกินคราวละ 3 ปี และในกรณีเช่นนี้โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยจดทะเบียนการเช่ามีกำหนด 20 ปีไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 698/2522)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในการหย่าและการยึดทรัพย์สิน: สิทธิของเจ้าหนี้ต่อสินสมรส
หนังสือข้อตกลงหย่าและการจดทะเบียนหย่า ผู้ร้องกับจำเลยแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้ระหว่างกันกระทำขึ้นหรืออีกนัยหนึ่งเป็นการกระทำขึ้นโดยสมยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดจึงเป็นสินสมรสซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันผู้ร้องไม่มีอำนาจมาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3698/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงเจตนาลวงในการทำสัญญาหย่าและการบังคับคดียึดทรัพย์สิน
หนังสือข้อตกลงหย่าและการจดทะเบียนหย่า ผู้ร้องกับจำเลยแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้ระหว่างกันกระทำขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งเป็นการกระทำขึ้นโดยสมยอมจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดจึงเป็นสินสมรสซึ่งผู้ร้องกับจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันผู้ร้องไม่มีอำนาจมาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3593/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำปลอมตั๋วภาพยนตร์ที่มีตราพิมพ์ในตัว ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมดวงตราหรือรอยตรา
ตั๋วภาพยนตร์ที่แท้จริงของกรมสรรพากรมีตราพระอุเทนดีดพิณพิมพ์ไว้ในเนื้อของตั๋วนั้นเอง ไม่ใช่ใช้ตราประทับ ดวงตรารูปนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของรูปลักษณะของตั๋วหาใช่เป็นการทำดวงตราปลอมหรือรอยตราปลอมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251 ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1315/2503)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1315/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3593/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมแปลงตั๋วภาพยนตร์ที่มีตราพิมพ์ในตัว ไม่ถือเป็นการปลอมตราตามประมวลกฎหมายอาญา
ตั๋วภาพยนตร์ที่แท้จริงของกรมสรรพากรมีตราพระอุเทนดีดพิณพิมพ์ไว้ในเนื้อของตั๋วนั้นเอง ไม่ใช่ใช้ตราประทับ ดวงตรารูปนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของรูปลักษณะของตั๋วหาใช่เป็นการทำดวงตราปลอมหรือรอยตราปลอมตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 251 ไม่
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1315/2503)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1315/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3591/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด ไม่ผูกพันตามหลักสูตรใหม่ การเขียนแบบเรียนใหม่ถือเป็นการผิดสัญญา
สัญญาขายลิขสิทธิ์แบบเรียนที่เขียนขึ้นตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ตามข้อสัญญาผู้ซื้อมีสิทธิดัดแปลงแก้ไขหนังสือแบบเรียนด้วยตัวเอง และสามารถพิมพ์จำหน่ายในนามผู้ขายด้วย มิได้มีข้อความแสดงว่าถือเอาหลักสูตรแบบเรียนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา ดังนี้เป็นการขายลิขสิทธิ์โดยเด็ดขาด มิได้มีข้อแม้หรือเงื่อนไขใดๆ ที่จะมีผลให้สัญญาสิ้นความผูกพัน ต่อมาเมื่อกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งให้ใช้หลักสูตรใหม่แทน ก็ไม่มีผลให้สัญญาขายลิขสิทธิ์สิ้นความผูกพัน เมื่อผู้ขายลิขสิทธิ์แต่งหนังสือแบบเรียนนี้ขึ้นใหม่ในภายหลัง และมอบให้ผู้อื่นพิมพ์จำหน่าย แม้จะอ้างว่าเป็นการเขียนขึ้นตามหลักสูตรใหม่และเขียนขึ้นกับผู้อื่นด้วย ก็เป็นการผิดสัญญาต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายข้าวเปลือก จ่ายเงินล่วงหน้า จำเลยไม่มีข้าวขาย ไม่เป็นฉ้อโกง หากเป็นเพียงการผิดสัญญา
ผู้เสียหายกับจำเลยได้ติดต่อซื้อขายข้าวเปลือกกันมาก่อนหลายปี ผู้เสียหายเคยไปเอาข้าวเปลือกจากจำเลยมาก่อนแล้วชำระเงินในภายหลัง บางครั้งผู้เสียหายก็ให้เงินจำเลยไปก่อนแล้วไปเอาข้าวเปลือกในภายหลัง วันเกิดเหตุจำเลยไปบอกขายข้าวเปลือก 10 เกวียนให้แก่ผู้เสียหาย และขอรับเงินล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งผู้เสียหายได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่จำเลยไป 20,000 บาท โดยยังไม่ได้ตกลงราคาและจำเลยไม่ได้บอกว่ามีข้าวเปลือกอยู่แล้วพฤติการณ์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยเป็นการปฏิบัติต่อกันตามปกติในการซื้อขายข้าวเปลือก แม้ต่อมาจำเลยไม่มีข้าวเปลือกขายให้แก่ผู้เสียหายภายในกำหนดเวลาที่ตกลงกันและไม่อาจคืนเงินที่รับมาให้แก่ผู้เสียหายได้ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3585/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายข้าวเปลือกไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง หากเป็นการผิดสัญญาซื้อขาย ไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงตั้งแต่แรก
ผู้เสียหายกับจำเลยได้ติดต่อซื้อขายข้าวเปลือกกันมาก่อนหลายปี ผู้เสียหายเคยไปเอาข้าวเปลือกจากจำเลยมาก่อนแล้วชำระเงินในภายหลัง บางครั้งผู้เสียหายก็ให้เงินจำเลยไปก่อนแล้วไปเอาข้าวเปลือกในภายหลัง วันเกิดเหตุจำเลยไปบอกขายข้าวเปลือก 10 เกวียนให้แก่ผู้เสียหาย และขอรับเงินล่วงหน้าไปก่อน ซึ่งผู้เสียหายได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่จำเลยไป 20,000 บาท โดยยังไม่ได้ตกลงราคาและจำเลยไม่ได้บอกว่ามีข้าวเปลือกอยู่แล้ว พฤติการณ์ระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยเป็นการปฏิบัติต่อกันตามปกติในการซื้อขายข้าวเปลือก แม้ต่อมาจำเลยไม่มีข้าวเปลือกขายให้แก่ผู้เสียหายภายในกำหนดเวลาที่ตกลงกันและไม่อาจคืนเงินที่รับมาให้แก่ผู้เสียหายได้ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3528/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องคดีซ้ำซ้อน: การฟ้องหมิ่นประมาทคดีเดิมต่อศาลอื่นย่อมเป็นเหตุต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์เคยฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือว่าจำเลยโฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ในหนังสือพิมพ์รายวันศาลแขวงพระนครเหนือได้ไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเชียงใหม่ในเหตุอย่างเดียวกันอีกวันกระทำผิดและสถานที่เกิดเหตุก็ตรงกัน คำฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นเรื่องเดียวกันกับที่ได้ยื่นฟ้องไว้แล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 (1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15