พบผลลัพธ์ทั้งหมด 561 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าของรวมในการบังคับคดี: การแบ่งส่วนทรัพย์สินจากการขายทอดตลาด
จำเลยเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำยึดที่นาพิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมในที่นาพิพาท ขอให้ศาลมีคำสั่งให้แบ่งส่วนหรือให้กันส่วนของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287ออกจำนวน 21 ไร่ 1 งาน 5 วา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 67(4) ก็มิได้กำหนดว่าคำร้องขอส่วนแบ่งเช่นกรณีของผู้ร้องจะต้องระบุว่าขอให้กันส่วนในจำนวนเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดด้วยถือได้ว่าตามคำร้องของผู้ร้องได้ขอให้แบ่งส่วนให้ผู้ร้องด้วย มิได้ขอให้กันส่วนเป็นที่ดินแต่อย่างเดียวชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 แล้ว จะต้องรับคำร้องของผู้ร้องไว้วินิจฉัยชี้ขาดต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่แท้จริงเป็นสัญญาซื้อขายผ่อนชำระ กรรมสิทธิ์โอนทันทีแม้ยังไม่โอนทะเบียน
แม้ตอนบนของสัญญาระบุว่าเป็นสัญญาเช่าซื้อรถยนต์แต่ข้อความในสัญญามีลักษณะเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดที่ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อผ่อนชำระราคาได้เท่านั้น กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมโอนไปยังจำเลยผู้ซื้อทันที แม้ยังไม่ได้โอนทะเบียนรถยนต์ให้แก่กัน ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของรถยนต์ จึงขอคืนรถยนต์ของกลางที่ศาลสั่งริบแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งความรับผิดในคดีละเมิด: พิจารณาจากการกระทำละเมิดเป็นหลัก ไม่ใช่ความเสียหาย
ในเรื่องละเมิด ข้อที่ว่าฝ่ายไหนจะต้องรับผิดเพียงใดนั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223 ให้พิจารณาถึงพฤติการณ์ด้วยว่าฝ่ายไหนเป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายยิ่งหย่อนกว่ากันเพียงไร ต้องถือเอาการกระทำละเมิดมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ไม่ถือความเสียหายมากน้อยเป็นเกณฑ์ ดังนั้น เมื่อต่างฝ่ายต่างกระทำละเมิดต่อกันและมีส่วนประมาทพอๆ กัน จึงไม่อาจเรียกค่าเสียหายจากกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดสองกระทง
กฎหมายบัญญัติให้ผู้จัดตั้งโรงงานดำเนินงานเป็น 2 ตอนการตั้งโรงงานต้องได้รับอนุญาต ตาม พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2512 มาตรา 8 ฝ่าฝืนผิด มาตรา 43 ก่อนเปิดดำเนินการต้องได้รับอนุญาตตาม มาตรา 12 ฝ่าฝืนผิด มาตรา 44 จำเลยตั้งโรงงานประกอบกิจการซ่อมและพ่นสีรถยนต์ เป็นความผิด 2 กระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสมควรพิจารณาคดีใหม่: จำเลยลี้ภัยอยู่ต่างประเทศและยื่นคำขอภายในกำหนดหลังกลับไทย
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ขณะที่จำเลยที่ 1 ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศเพิ่งกลับเข้ามาเมื่อศาลพิจารณาพิพากษาเสร็จไปแล้ว และได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่กลับเข้ามา ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ขาดนัดไม่สามารถมาศาลได้ หาใช่จงใจขาดนัดไม่ มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ และการที่จำเลยที่ 1ไม่อาจยื่นคำขอก่อนกลับเข้ามาประเทศไทยก็เป็นกรณีที่ไม่สามารถ ยื่นคำขอโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา: ข้อความชี้นำให้เข้าใจโจทก์ประพฤติไม่ดีและเสียชื่อเสียง
ข้อความที่จำเลยเขียนลงในหนังสือพิมพ์รายวันมีความหมายถึงโจทก์มีความว่า "เช็คเอย เช็คเด้ง แม้แต่เช็คเงิน3 พันบาทของอ้ายเสี่ยบ้ากามก็ยังเด้งมาแล้วดี.วัน.จันทร์. สะอื้นไห้ เฉียบ ชัยณรงค์ ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3 พัน ก็เด้งเหมือนกันตำรวจไปตามจับ พี่แกโกยแนบไปกอดเมีย (เก่า) ร่ำไห้ด้วยความกลัวทุดส์ เรื่องของอ้ายเสี่ยบรรลัยมีมากมายเป็นพะเรอ คนรักใคร่ชอบพอมันทั้งน๊าน คอยส่งข่าวความสกปรกให้ฟังไม่ว่างเว้นซักที เฮ้อกูละเบื่อ" ข้อความที่ว่า "ไอ้เสี่ยบ้ากาม" ก็ดีและที่ว่า "เมื่อก่อนยังเป็นจับกังไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3 พันก็เด้งเหมือนกัน" ก็ดี. มีความหมายทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเกิดความรู้สึกนึกคิดและเข้าใจตัวโจทก์ว่าโจทก์เป็นคนมักมากในกามคุณผิดวิสัยปุถุชนทั่วไป เช็คที่ออกจำนวนเงินเพียง3,000 บาท ก็ไม่มีเงิน ไม่ผิดอะไรกับครั้งยังเป็นกุลีหาเช้ากินค่ำแสดงให้เห็นและเข้าใจไปได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีความประพฤติไม่ดีไม่ควรแก่การยกย่องสมาคม อันเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังโดยการโฆษณาด้วยเอกสารในเรื่องส่วนตัว ไม่มีลักษณะไปในทำนองของการติชมอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมตามวิสัย เพื่อยังให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการใส่ความให้ผู้อื่นเข้าใจว่าโจทก์มีประพฤติไม่ดีและมีฐานะยากจน
ข้อความที่จำเลยเขียนลงในหนังสือพิมพ์รายวันมีความหมายถึงโจทก์มีความว่า 'เช็คเอยเช็คเด้งแม้แต่เช็คเงิน3พันบาทของอ้ายเสี่ยบ้ากามก็ยังเด้งมาแล้วดี.วัน.จันทร์.สะอื้นไห้เฉียบชัยณรงค์ ไม่อยากจะเชื่อ เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค3พันก็เด้งเหมือนกัน ตำรวจไปตามจับ พี่แกโกยแนบไปกอดเมีย (เก่า) ร่ำไห้ด้วยความกลัว ทุดส์เรื่องของอ้ายเสี่ยบรรลัยมีมากมายเป็นพะเรอ คนรักใคร่ชอบพอมันทั้งน๊านคอยส่งข่าวความสกปรกให้ฟังไม่ว่างเว้นซักที เฮ้อกูละเบื่อ' ข้อความที่ว่า 'ไอ้เสี่ยบ้ากาม' ก็ดีและที่ว่า 'เมื่อก่อนยังเป็นจับกัง ไอ้เสี่ยจ่ายเช็ค 3พันก็เด้งเหมือนกัน' ก็ดี. มีความหมายทำให้ผู้ที่ได้ยินได้ฟังเกิดความรู้สึกนึกคิดและเข้าใจตัวโจทก์ว่าโจทก์เป็นคนมักมากในกามคุณผิดวิสัยปุถุชนทั่วไป เช็คที่ออกจำนวนเงินเพียง 3,000 บาท ก็ไม่มีเงิน ไม่ผิดอะไรกับครั้งยังเป็นกุลีหาเช้ากินค่ำ แสดงให้เห็นและเข้าใจไปได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีความประพฤติไม่ดีไม่ควรแก่การยกย่องสมาคม อันเป็นการใส่ความโจทก์โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังโดยการโฆษณาด้วยเอกสารในเรื่องส่วนตัว ไม่มีลักษณะไปในทำนองของการติชมอย่างเป็นกลางและเป็นธรรมตามวิสัย เพื่อยังให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน จึงเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 770/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจพิจารณาคดีความผิดตาม พ.ร.บ. คอมมิวนิสต์ฯ คดีนี้อยู่ในอำนาจศาลทหาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ฯ ความผิดดังกล่าวอยู่ในอำนาจศาลทหารที่จะพิจารณาพิพากษาตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 8 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ปรากฏแต่แรกตามฟ้องแล้วว่าความผิดที่กล่าวหาเป็นความผิดที่ต้องขึ้นอยู่ในอำนาจศาลทหาร หาใช่ความเพิ่งปรากฏขึ้นภายหลังว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหารไม่ศาลพลเรือนไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณาพิพากษา การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้รับคำฟ้องและดำเนินการพิจารณาพิพากษามา เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับอำนาจศาลคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีเช็ค: จำเลยไม่ได้ยกประเด็นกลฉ้อฉลโดยตรง ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น
คำให้การของจำเลยต่อสู้เพียงว่า จำเลยไม่เคยออกเช็คให้โจทก์ ความจริงออกเช็คไม่ได้ลงวันที่ให้นายวงแชร์เพื่อประกันแชร์ที่จำเลยประมูลได้ ต่อมาเช็คของนายวงแชร์ที่สั่งจ่ายเงินค่าแชร์ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงสั่งอายัดเช็ค โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงโดยสุจริต คำให้การจำเลยจึงไม่มีประเด็นต่อสู้ว่าโจทก์และนายวงแชร์คบคิดกับโอนเช็คด้วยกลฉ้อฉล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดอำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลังศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย และผลต่อการเพิกถอนการโอนทรัพย์สิน
ปัญหาที่ว่าเมื่อศาลสั่งให้ยกเลิกการล้มละลายแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังคงมีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนอยู่ต่อไปหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฎีกา ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การที่พระราชบัญญัติล้มละลายบัญญัติให้มีการพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ และให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ ก็เพื่อจุดประสงค์ที่จะรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้มาแบ่งแก่เจ้าหนี้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้นำเงินมาชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ของลูกหนี้แทนลูกหนี้ครบถ้วน และหนี้สินของลูกหนี้ได้รับชำระเต็มจำนวนแล้ว ซึ่งศาลก็ได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้วเช่นนี้ จึงมีผลเท่ากับว่าศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไปด้วยในตัว อำนาจในการที่จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงสิ้นสุดลง
การที่พระราชบัญญัติล้มละลายบัญญัติให้มีการพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ และให้อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้ได้ ก็เพื่อจุดประสงค์ที่จะรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้มาแบ่งแก่เจ้าหนี้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีผู้นำเงินมาชำระหนี้ให้แก่บรรดาเจ้าหนี้ของลูกหนี้แทนลูกหนี้ครบถ้วน และหนี้สินของลูกหนี้ได้รับชำระเต็มจำนวนแล้ว ซึ่งศาลก็ได้มีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายแล้วเช่นนี้ จึงมีผลเท่ากับว่าศาลได้มีคำสั่งยกเลิกการพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ไปด้วยในตัว อำนาจในการที่จะร้องขอให้เพิกถอนการโอนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงสิ้นสุดลง