พบผลลัพธ์ทั้งหมด 561 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารไม่มีอากรแสตมป์ใช้เป็นหลักฐานในคดีอาญาได้ ไม่จำกัดเฉพาะคดีแพ่ง
เอกสารที่มิได้ปิดอากรแสตมป์นั้น ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 ห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานเฉพาะในคดีแพ่งเท่านั้น หาได้ห้ามมิให้รับฟังในคดีอาญาด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจดำเนินคดีและการแก้ไขกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลต้องแจ้งคำสั่งให้ชัดเจนและให้โอกาสแก้ไข
โจทก์มอบอำนาจให้บุคคลซึ่งเป็นทนายความดำเนินคดีกับจำเลยได้ทุกอย่าง ผู้รับมอบอำนาจเป็นแต่ตัวแทนเฉพาะการและตั้งทนายความได้ไม่ใช่ตั้งตัวแทนช่วง แต่จะว่าความซักพยานเองอย่างทนายความไม่ได้แม้จำเลยยกขึ้นคัดค้านเมื่อพ้น 8 วันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 27 วรรคสอง ศาลเห็นสมควรก็สั่งแก้ไข โดยให้ผู้รับมอบอำนาจทำใบแต่งตั้งตัวเองเป็นทนายความก่อนพิพากษา ศาลชั้นต้นแจ้งให้โจทก์ทราบเพียงว่าให้นัดฟังผลปฏิบัติและฟังคำพิพากษา ไม่ชัดพอที่จะให้เข้าใจว่าให้โจทก์แก้ไขข้อที่ผิดระเบียบภายในกำหนดเวลาโจทก์ไม่ไปศาลตามนัด จึงถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ได้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องไม่ชอบ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลล่างให้พิจารณาพิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการรับรองฎีกา: ผู้ฎีกามีหน้าที่ขวนขวายเอง ศาลไม่จำต้องส่งฎีกาให้ผู้พิพากษาในชั้นอุทธรณ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 มิได้บัญญัติ ให้ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งฎีกาไปให้ผู้พิพากษาซึ่ง พิจารณาพิพากษาคดีในชั้นอุทธรณ์รับรองฎีกา การรับรองและ การอนุญาตให้ฎีกาเป็นประโยชน์แก่ผู้ฎีกาเองก็ควรที่ผู้ฎีกาจะขวนขวายให้มีการรับรองและอนุญาตเอง การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับและสั่งยกคำร้องของโจทก์ร่วมจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 554/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ไม่จดทะเบียน: สิทธิบอกเลิกสัญญาของผู้รับโอน
ฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์หรือยกข้อโต้เถียงในเรื่องแปลความหมายแห่งข้อความในสัญญาเช่า ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว แม้ฎีกาข้อเท็จจริงนั้นขึ้นมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ผู้ให้เช่าทำสัญญาตกลงกับผู้เช่าไว้ว่าจะให้ผู้เช่าเช่าที่พิพาทได้ตลอดไป โดยผู้ให้เช่าจะไม่เป็นฝ่ายเลิกสัญญาเป็นข้อตกลงให้ สัญญาเช่ามีอายุการเช่าเกินกว่าสามปี เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติไว้ จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้เพียงสามปีเท่านั้น การเช่าที่เกินกำหนดสามปี เป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา ผู้รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 การที่ผู้เช่ายังอยู่ในที่พิพาทต่อมาเมื่อพ้นกำหนดตามคำบอกกล่าวแล้วจึงเป็นการละเมิด
ผู้ให้เช่าทำสัญญาตกลงกับผู้เช่าไว้ว่าจะให้ผู้เช่าเช่าที่พิพาทได้ตลอดไป โดยผู้ให้เช่าจะไม่เป็นฝ่ายเลิกสัญญาเป็นข้อตกลงให้ สัญญาเช่ามีอายุการเช่าเกินกว่าสามปี เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติไว้ จึงฟ้องร้องให้บังคับคดีกันได้เพียงสามปีเท่านั้น การเช่าที่เกินกำหนดสามปี เป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา ผู้รับโอนที่พิพาทจากเจ้าของเดิมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่ากับผู้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 การที่ผู้เช่ายังอยู่ในที่พิพาทต่อมาเมื่อพ้นกำหนดตามคำบอกกล่าวแล้วจึงเป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 484/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ต้องมีมูลจากการใช้ทรัพย์สินในการกระทำความผิด หากข้อเท็จจริงไม่สนับสนุนการใช้ทรัพย์สินเพื่อการกระทำความผิด ศาลสามารถยกคำขอริบทรัพย์ได้
การริบทรัพย์เป็นโทษอย่างหนึ่ง เมื่อศาลไม่เชื่อว่าจำเลยนำเฮโรอีนไปจำหน่าย ก็ชอบที่จะได้วินิจฉัยในเรื่องการริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ซึ่งตามฟ้องอ้างว่าใช้ขับขี่ไปเพื่อขายเฮโรอีนเสียด้วย เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ดังที่โจทก์อ้าง รถจักรยานยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยชอบที่ศาลฎีกาจะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องตามเช็คค้ำประกันและการชำระดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย การใช้สิทธิไม่สุจริต
จำเลยกู้เงินโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท โดยมอบเช็คสั่งจ่ายเงินสดจำนวน 80,000 บาท ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน และมอบโฉนดให้โจทก์ไว้เป็นประกันอีกด้วย การที่โจทก์ไม่นำสัญญากู้ยืมมาฟ้อง หากแต่ฟ้องเรียกเงินตามเช็คนั้น เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์เห็นว่าการดำเนินคดีในเรื่องเช็คเป็นความสะดวกและดีกว่า โจทก์ย่อมทำได้ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต
จำเลยชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราเป็นผิดกฎหมาย จำเลยเรียกคืนไม่ได้ หักกับเงินที่ค้างชำระก็ไม่ได้
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำให้การรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยว่า ฟ้องของโจทก์ตอนไหนที่เคลือบคลุม จำเลยไม่เข้าใจอย่างไร จำเลยอ้างแต่เพียงว่าเคลือบคลุมโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
จำเลยชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราเป็นผิดกฎหมาย จำเลยเรียกคืนไม่ได้ หักกับเงินที่ค้างชำระก็ไม่ได้
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำให้การรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยว่า ฟ้องของโจทก์ตอนไหนที่เคลือบคลุม จำเลยไม่เข้าใจอย่างไร จำเลยอ้างแต่เพียงว่าเคลือบคลุมโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีอื่น ไม่ถือเป็นการสิ้นสุดการพิจารณา โจทก์มีสิทธิขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา
คำว่า 'การพิจารณา' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1(8) หมายความว่า กระบวนการพิจารณาทั้งหมดในศาลใดศาลหนึ่งก่อนศาลนั้นชี้ขาดตัดสินหรือจำหน่ายคดีโดยคำพิพากษาหรือคำสั่ง และการจำหน่ายคดีนั้นหมายถึง การที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ซึ่งมีผลให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลที่มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น
การที่คู่ความร้องขอให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลของคำพิพากษาในคดีอื่นเพื่ออาศัยเป็นหลักในการชี้ขาดตัดสินคดีนี้เป็นการร้องขอให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราวจึงมีผลเท่ากับมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปนั่นเอง หาใช่เป็นการสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ คดีจึงยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เริ่มการนั่งพิจารณาต่อไปในวันใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอในเวลาใด ๆ ก่อนคำพิพากษาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองอย่างใด ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 และมีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ได้ด้วย
การที่คู่ความร้องขอให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลของคำพิพากษาในคดีอื่นเพื่ออาศัยเป็นหลักในการชี้ขาดตัดสินคดีนี้เป็นการร้องขอให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราวจึงมีผลเท่ากับมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปนั่นเอง หาใช่เป็นการสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ คดีจึงยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เริ่มการนั่งพิจารณาต่อไปในวันใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอในเวลาใด ๆ ก่อนคำพิพากษาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองอย่างใด ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 และมีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดคืนอาวุธปืนและการเรียกค่าตอบแทน: ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยยึดอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้เสียหาย แต่พกพาไปโดยมิได้รับอนุญาต แล้วจำเลยคืนให้ผู้เสียหายไป โดยเรียกให้ผู้เสียหายชำระค่าอาหารที่จำเลยรับประทานเป็นการตอบแทน ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกัน: บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ จำเลยรับสารภาพ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยกระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันโดยแยกเป็น 2 ข้อ คือ ฐานบุกรุกและฐานทำให้เสียทรัพย์ ทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ซึ่งถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดทั้ง 2 ฐาน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ภาษีอากรที่ฟ้องล้มละลายแล้ว แม้ขาดอายุความ ก็มิอาจยกเป็นเหตุห้ามรับชำระหนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจยกอายุความมาเป็นเหตุยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ หากเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยลูกหนี้ให้เป็นบุคคลล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้อย่างเดียวกัน ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีถึงที่สุด เพราะหากหนี้ขาดอายุความ ศาลย่อมไม่ฟังว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว