พบผลลัพธ์ทั้งหมด 767 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานซ้ำหลังเคยถูกตัดสินโทษ และหลีกเลี่ยงการรับโทษตามคำพิพากษา ศาลฎีกายืนโทษจำคุก
จำเลยที่ 2 ผลิตเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานเป็นจำนวนมากโดยหลีกเลี่ยงและฝ่าฝืนต่อกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชน นับได้ว่าเป็นภยันตรายต่อประชาชนและอาจเป็นเหตุให้ประชาชนขาดความนิยมเชื่อถือ อันจะก่อให้เกิดความไม่มั่นคงในการประกอบกิจการอุตสาหกรรมเหล็กเส้นซึ่งเป็นผลเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ ทั้งจำเลยที่ 2 เคยผลิตเหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐานจนถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นหมายนัดจำเลยที่ 2 มาฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์จำเลยที่ 2 หลีกเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลชั้นต้นต้องออกหมายจับและก็ยังไม่ได้ตัวจำเลยที่ 2 มารับโทษตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ พฤติการณ์แห่งคดีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยที่ 2.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหสถาน - บกวนการครอบครอง - ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมและแสดงอาการขับไล่มารดาโจทก์ร่วมซึ่ง เป็นบริวารของโจทก์ร่วมให้ออกจากบ้าน ถือได้ว่าเป็นการบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดย ปกติสุข เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรบกวนการครอบครองทรัพย์สิน การขับไล่บุคคลในบ้าน และการชดใช้ค่าเสียหาย ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมและแสดงอาการขับไล่มารดาโจทก์ร่วมซึ่งเป็นบริวารของโจทก์ร่วมให้ออกจากบ้าน ถือได้ว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดยปกติสุขเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุกรุกเคหะสถาน: การขับไล่บริวารถือเป็นการบกวนครอบครอง
การที่จำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ร่วมและแสดงอาการขับไล่มารดาโจทก์ร่วมซึ่ง เป็นบริวารของโจทก์ร่วมให้ออกจากบ้าน ถือได้ว่าเป็นการบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของโจทก์ร่วมโดย ปกติสุข เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืนว่าเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม และการใช้ดุลพินิจในการรอการลงโทษ
แม้ในคำฟ้องโจทก์จะบรรยายการกระทำของจำเลยในความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครอง และฐานพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนนั้นไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะเป็นวันเวลาเดียวกันก็ตาม แต่การกระทำความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวสามารถแยกต่างหากจากกันได้ จึงมิใช่ความผิดกรรมเดียวแต่เป็นความผิดสองกรรม
จำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งอาวุธปืนที่จำเลยพกพาไปก็ยังเป็นอาวุธปืนชนิดทำเองและไม่มีหมายเลขทะเบียนประจำอาวุธปืนอีกด้วย แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กับได้ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด และหากจะฟังตามข้ออ้างของจำเลยว่าจำเลยเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อยได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน กรรมการวัด และผู้สื่อข่าวสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กับต้องมีภาระเลี้ยงดูครอบครัว ถ้าจำเลยถูกจำคุก ครอบครัวของจำเลยจะได้รับความลำบากเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลย.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ทั้งอาวุธปืนที่จำเลยพกพาไปก็ยังเป็นอาวุธปืนชนิดทำเองและไม่มีหมายเลขทะเบียนประจำอาวุธปืนอีกด้วย แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน กับได้ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด และหากจะฟังตามข้ออ้างของจำเลยว่าจำเลยเป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อยได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการพัฒนาหมู่บ้าน กรรมการวัด และผู้สื่อข่าวสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กับต้องมีภาระเลี้ยงดูครอบครัว ถ้าจำเลยถูกจำคุก ครอบครัวของจำเลยจะได้รับความลำบากเดือดร้อนเป็นอย่างยิ่ง ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลย.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษฐานฉ้อโกง แม้ฟ้องฐานปล้นทรัพย์ – ข้อแตกต่างความผิดไม่ถึงสาระสำคัญ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ก็ตามแต่การกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ก็เป็นการลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3คนขึ้นไปและกระทำการอันมีลักษณะเป็นการชิงทรัพย์ซึ่งเป็นการได้ทรัพย์ของผู้เสียหายไปเช่นเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้อง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธโดยนำสืบว่าได้ทรัพย์ไปจากผู้เสียหายจริงแต่ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้องแสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษตามความผิดฐานฉ้อโกง แม้ฟ้องในความผิดฐานปล้นทรัพย์ โดยจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ก็ตาม แต่การกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ก็เป็นการลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปและกระทำการอันมีลักษณะเป็นการชิงทรัพย์ซึ่งเป็นการได้ทรัพย์ของผู้เสียหายไปเช่นเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้อง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธโดยนำสืบว่าได้ทรัพย์ไปจากผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังเงินค่ารถยนต์: จำเลยไม่ผิดฐานยักยอก หากไม่เคยครอบครองเงินนั้นจริง
จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น. ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก. เป็นหนี้บริษัท น. อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น.ไว้แทนผู้เสียหายเลย จำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์: จำเลยไม่ได้รับเงินค่ารถยนต์ จึงไม่อาจเบียดบังได้
จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น.ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก. เป็นหนี้บริษัท น.อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น.ไว้แทนผู้เสียหายเลย จำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบียดบังทรัพย์สิน: จำเลยไม่ได้รับเงินค่ารถยนต์จากผู้ซื้อ จึงไม่สามารถเบียดบังได้ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
จำเลยกับสามีจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของร้าน ก. ได้นำรถยนต์ของผู้เสียหายไปขายให้บริษัท น. บริษัท น. ไม่ได้จ่ายเงินค่ารถยนต์ให้แก่ร้าน ก. แต่ได้หักหนี้ที่ร้าน ก. เป็นหนี้บริษัท น. อยู่ ดังนี้ จำเลยมิได้รับเงินค่ารถยนต์จากบริษัท น.ไว้แทนผู้เสียหายเลย จำเลยจึงไม่อาจเบียดบังเอาเงินดังกล่าวได้การที่จำเลยไม่ยอมชำระเงินค่ารถยนต์แก่ผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.