พบผลลัพธ์ทั้งหมด 241 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาล การใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ตามสัญญาเช่า และอำนาจศาล
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 นั้น เป็นบทบัญญัติที่ใช้แก่ศาลทั่วไป แต่สำหรับอำนาจของศาลแพ่งนั้นยังมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลแพ่งด้วยตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา14 (4) คดีที่เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี จำเลยทั้งสองก็มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนนทบุรี ศาลแพ่งรับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จ แสดงว่าศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (4) แล้ว
จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากวัดโจทก์เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาล ไม่มีข้อความระบุให้ใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อการอย่างอื่น การที่จำเลยนำที่ดินที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงปลูกบ้านอยู่อาศัย จึงเป็นการใช้ทรัพย์เพื่อการอย่างอื่นผิดวัตถุประสงค์ตามสัญญา เป็นการผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาได้
จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากวัดโจทก์เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาล ไม่มีข้อความระบุให้ใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อการอย่างอื่น การที่จำเลยนำที่ดินที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงปลูกบ้านอยู่อาศัย จึงเป็นการใช้ทรัพย์เพื่อการอย่างอื่นผิดวัตถุประสงค์ตามสัญญา เป็นการผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวให้รื้อถอนและขับไล่ผู้บุกรุกที่ดิน และประเด็นฟ้องแย้งที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเดิม
จำเลยอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายอันจะอ้างได้โจทก์มีอำนาจที่จะบอกกล่าวให้ออกไปได้ทันที จำเลยจะอ้างว่าโจทก์ต้องปฏิบัติตาม ป.พ.พ. ม.560 โดยถือว่าเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้อาศัยอยู่ในที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งขอให้ขับไล่เช่นเดียวกันดังนี้ เมื่อเป็นการขับไล่ออกจากที่ดินคนละแปลงฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จะฟ้องแย้งมาในคำให้การไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ได้อาศัยอยู่ในที่ดินของจำเลยอีกแปลงหนึ่งขอให้ขับไล่เช่นเดียวกันดังนี้ เมื่อเป็นการขับไล่ออกจากที่ดินคนละแปลงฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นฟ้องเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม จะฟ้องแย้งมาในคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำขอพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่ามีโอกาสชนะคดี มิใช่เพียงอ้างว่าหากทราบวันนัดจะนำสืบพยาน
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล เพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่า ถ้าจำเลยทราบวันนัดก็จะต้องนำหลักฐานเข้าต่อสู้คดีอย่างแน่นอนเพราะจำเลยมีทางชนะคดีของโจทก์ได้เท่านั้น โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าหากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 333/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนว่ามีโอกาสชนะคดี มิใช่แค่คาดหวังว่าจะนำเสนอหลักฐานได้
คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่า ถ้าจำเลยทราบวันนัดก็จะต้องนำหลักฐานเข้าต่อสู้คดีอย่างแน่นอน เพราะจำเลยมีทางชนะคดีของโจทก์ได้เท่านั้น โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่า หากมีการพิจารณาคดีใหม่แล้ว ศาลอาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลจะสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการอนุญาตถอนทนายและความชอบธรรมในการประวิงคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 มิได้บังคับว่าเมื่อทนายความยื่นคำขอต่อศาลให้สั่งถอนตนจากการเป็นทนายของคู่ความ ศาลจะต้องอนุญาตเสมอไป จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามควรแก่กรณี จำเลยได้ขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 ครั้ง ด้วยเหตุที่พยานป่วยหนึ่งครั้ง พยานมาศาลเพียงปากเดียวหนึ่งครั้ง จำเลยป่วยหนึ่งครั้งและพยานไม่มาศาลหนึ่งครั้ง สำหรับในวันนัดสืบพยานจำเลยก่อนที่ทนายจำเลยจะยื่นคำร้องขอถอนตัวนั้น ปรากฏว่าพยานจำเลยมีตัวจำเลยกับพยานอื่นหนึ่งปากมาศาล แต่โจทก์คัดค้านจึงต้องเลื่อนคดีไป โดยทนายจำเลยแถลงว่าจะนำพยานมาศาล 3 ปาก ขอหมายเรียกพยานหนึ่งปากหากไม่นำพยานมาศาลก็ไม่ติดใจสืบ ครั้นถึงวันนัดปรากฏว่าจำเลย ทนายจำเลยและพยานจำเลยไม่มาศาล คงมีแต่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยมาศาลและยื่นคำร้องที่ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายต่อศาลและอ้างว่าติดว่าความในคดีอื่นจึงไม่อาจมาศาลได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ตัวจำเลยจะต้องมาศาลและนำพยานจำเลยมาศาลด้วยตามที่ได้แถลงไว้ในนัดก่อนเพราะศาลอาจสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายและให้สืบพยานจำเลยไปก็ได้ พฤติการณ์ของจำเลยในการขอเลื่อนคดีถึง 4 ครั้ง และไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลพินิจศาลในการอนุญาตถอนทนายและความเป็นการประวิงคดี
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 มิได้บังคับว่าเมื่อทนายความยื่นคำขอต่อศาลให้สั่งถอนตนจากการเป็นทนายของคู่ความศาลจะต้องอนุญาตเสมอไป จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะมีคำสั่งตามควรแก่กรณี จำเลยได้ขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 ครั้ง ด้วยเหตุที่พยานป่วยหนึ่งครั้ง พยานมา ศาลเพียงปากเดียวหนึ่งครั้ง จำเลยป่วยหนึ่งครั้งและพยานไม่มาศาลหนึ่งครั้ง สำหรับในวันนัดสืบพยานจำเลยก่อนที่ทนายจำเลยจะยื่นคำร้องขอถอนตัวนั้น ปรากฏว่าพยานจำเลยมีตัวจำเลยกับพยานอื่นหนึ่งปากมาศาล แต่โจทก์คัดค้านจึงต้องเลื่อนคดีไป โดยทนายจำเลยแถลงว่าจะนำพยานมาศาล 3 ปากขอหมายเรียกพยานหนึ่งปากหากไม่นำพยานมาศาลก็ไม่ติดใจ สืบ ครั้นถึงวันนัดปรากฏว่าจำเลย ทนายจำเลยและพยานจำเลยไม่มาศาล คงมีแต่ผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยมาศาลและยื่นคำร้องที่ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายต่อศาลและอ้างว่าติดว่าความในคดีอื่นจึงไม่อาจมาศาลได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ตัวจำเลยจะต้องมาศาลและนำพยานจำเลยมาศาลด้วยตามที่ได้แถลงไว้ในนัดก่อนเพราะศาลอาจสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยขอถอนตนจากการเป็นทนายและให้สืบพยานจำเลยไปก็ ได้ พฤติการณ์ของจำเลยในการขอเลื่อนคดีถึง 4 ครั้งและไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานครั้งสุดท้ายถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ศาลย่อมใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาไปตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานการเช่า: เช็คและหนังสือรับเช็คต้องระบุค่าเช่าชัดเจน จึงถือเป็นหลักฐานการเช่าตามกฎหมาย
เช็คและหนังสือรับเช็คมิได้มีข้อความแสดงให้เห็นว่าเป็นการชำระค่าเช่า ย่อมไม่เป็นหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตั๋วสัญญาใช้เงิน: ชื่อผู้ถือ/ออกตั๋วไม่ตรงกับลายมือชื่อ, สัญญาค้ำประกัน, การนำสืบ
ตั๋วสัญญาใช้เงินระบุชื่อ ศ. เป็นผู้ออกตั๋ว แต่ลายมือชื่อผู้ออกตั๋วเป็น ส. เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ศ. และ ส. เป็นบุคคลคนเดียวกันตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไม่เป็นโมฆะ ทั้งไม่ขัดกับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 983เพราะไม่มีกฎหมายบังคับ ว่าจะต้องระบุชื่อผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินคงบังคับเพียงว่าต้อง มีลายมือชื่อผู้ออกตั๋วเท่านั้น
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า ทำสัญญาค้ำประกัน ส. เท่านั้นไม่ได้ค้ำประกัน ศ. คำให้การดังกล่าวจึงไม่มีประเด็นเรื่องสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น และมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่า ทำสัญญาค้ำประกัน ส. เท่านั้นไม่ได้ค้ำประกัน ศ. คำให้การดังกล่าวจึงไม่มีประเด็นเรื่องสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม ดังนั้นที่จำเลยที่ 2 นำสืบว่าสัญญาค้ำประกันเป็นเอกสารปลอม จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็น และมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบเสื่อไปขายโดยตกลงราคา: ไม่เป็นยักยอกทรัพย์ แต่เป็นผิดสัญญา
ฟ้องว่าจำเลยรับเสื่อจากผู้เสียหายไปขายคิดราคาเป็นเงิน440 บาท เมื่อขายได้แล้วจำเลยจะต้องนำเงิน 440 บาทไปชำระให้แก่ผู้เสียหาย จึงเป็นเรื่องมอบเสื่อให้จำเลยไปขายโดยประสงค์ได้รับเงินราคาเสื่อ มิใช่มอบให้จำเลยเป็นตัวแทนไปขายเสื่อของผู้เสียหาย จำเลยจึงมิใช่เป็นผู้ครอบครองเงินที่ขายได้แทนผู้เสียหาย เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินค่าเสื่อ จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ในทางแพ่งไม่ผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4058/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิด พ.ร.ก.น้ำมันเชื้อเพลิง: ผู้ดูแลปั๊มถือเป็นตัวการร่วม
คำว่า ผู้จำหน่ายน้ำมัน ที่ให้ความหมายไว้ว่า สถานีบริการหรือร้านค้าน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นหมายความว่าถ้าสถานีบริการหรือร้านค้าน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นดำเนินการโดยนิติบุคคลก็ถือว่านิติบุคคลนั้นเป็นผู้จำหน่ายน้ำมัน ถ้าดำเนินการโดยบุคคลธรรมดา ก็ถือว่าบุคคลนั้นเป็นผู้จำหน่ายน้ำมัน มิได้กำหนดเอาเฉพาะนิติบุคคลเท่านั้นที่จะดำเนินการเป็นสถานีบริการหรือร้านค้าน้ำมันเชื้อเพลิงได้
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลกิจการปั๊มน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งมี ช. สามีจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ขายน้ำมันดีเซลโดยกำหนดให้ผู้ซื้อต้องซื้อสินค้าอื่นด้วย อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งนายกรัฐมนตรีและเป็นความผิดตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการผู้ร่วมกระทำความผิดกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ด้วย
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแลกิจการปั๊มน้ำมันของห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ซึ่งมี ช. สามีจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ขายน้ำมันดีเซลโดยกำหนดให้ผู้ซื้อต้องซื้อสินค้าอื่นด้วย อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งนายกรัฐมนตรีและเป็นความผิดตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 ย่อมถือได้ว่าจำเลยเป็นตัวการผู้ร่วมกระทำความผิดกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ส. ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ด้วย