พบผลลัพธ์ทั้งหมด 365 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3017/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดสุจริตและการคุ้มครองสิทธิ การคัดค้านการออกโฉนดไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยซื้อและรับโอนสิทธิครอบครองมาจาก ช. ต่อมาโจทก์ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินเฉพาะรายจำเลยได้ยื่นคำคัดค้านการขอรังวัดออกโฉนดที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่า จำเลยซื้อที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1206 จากการขายทอดตลาดของศาล โจทก์เพิ่งทราบว่าหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของจำเลยดังกล่าวออกมาทับที่ดินของโจทก์ทั้งแปลง การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายว่าจำเลยซื้อที่ดินจากการขายทอดตลาดของศาลโดยไม่สุจริตแต่อย่างใด แม้จะให้โจทก์สืบพยานหลักฐานไปตามคำฟ้องก็คงต้องฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยซื้อที่ดินโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดของศาล สิทธิของจำเลยย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 และการที่จำเลยไปคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของโจทก์ก็เป็นการใช้สิทธิของตนตามกฎหมายหาได้เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ไม่ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2617/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินโดยสุจริตและการใช้สิทธิในที่ดินของผู้อื่น โดยไม่เป็นละเมิด
การที่โจทก์ห้ามปรามมิให้จำเลยนำดินมาถมในที่ดินพิพาทและไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันทีว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์และเจ้าหน้าที่ที่ดินรังวัดสำรวจแล้วสรุปว่าที่ดินพิพาทน่าจะอยู่ในเขต น.ส.3 ก. ของโจทก์ เป็นการสนับสนุนความเชื่อของโจทก์ที่ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์จึงเชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ที่โจทก์เข้าไปปักเสาขึงลวดหนามในที่ดินพิพาทและคัดค้านไม่ให้จำเลยใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตมิได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้จำเลยเสียหายไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1188/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิในทางน้ำโดยชอบธรรมและการยินยอมใช้สิทธิโดยไม่ก่อให้เกิดสิทธิถาวร
การใช้สิทธิที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นความเสียหายในสิทธิที่บทบัญญัติกฎหมายรับรองไว้ เมื่อทางน้ำพิพาทที่จำเลยที่ 6ในฐานะผู้เช่าที่ดินมาจากจำเลยที่ 4 และที่ 5 ผู้ทรงสิทธิเก็บกินในที่ดินดังกล่าวได้ขุดทำขึ้นเพื่อประโยชน์ในการใช้สอยน้ำนั้นมิใช่ทางน้ำสาธารณะ การที่โจทก์ทั้งสี่ขุดทางน้ำต่อจากทางน้ำพิพาทเพื่อชักน้ำให้ไหลเข้าที่ดินของโจทก์ทั้งสี่เพื่อนำไปใช้โดยจำเลยที่ 6 มิได้ทักท้วง เป็นการยินยอมให้โจทก์ทั้งสี่กระทำได้โดยชอบ ไม่เป็นมูลละเมิดต่อจำเลยที่ 6 แต่การชักน้ำดังกล่าวก็มิใช่เป็นสิทธิที่กฎหมายบัญญัติรับรองไว้ และไม่ก่อให้โจทก์ทั้งสี่ได้สิทธิจะใช้ทางน้ำได้ตลอดไป เมื่อจำเลยที่ 6 ปิดทางน้ำของตน จึงมิใช่เป็นการล่วงสิทธิโจทก์ทั้งสี่ตามกฎหมาย แม้โจทก์ทั้งสี่จะเดือดร้อนเพราะการกระทำของจำเลยที่ 6 โจทก์ทั้งสี่ก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องร้องขอให้จำเลยที่ 6 เปิดทางน้ำพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารรุกล้ำทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่เพื่อนบ้าน ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สมควร
รั้วที่กั้นเขตบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยเดิมเมื่อจำเลยยังมิได้ต่อเติมอาคารโดยใช้กำแพงรั้วดังกล่าวเป็นฝาห้อง น้ำฝนก็จะสาดและไหลเป็นปกติทั้งสองด้านไม่มีผู้ใดเดือดร้อนครั้นจำเลยต่อเติมอาคารขึ้นน้ำฝนไม่สาดเข้าไปโดนทรัพย์สินของจำเลยและไหลไปในที่ดินของโจทก์มากกว่าปกติซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องป้องกันหรือแก้ไข เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยมิได้จัดการแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของฝ่ายของฝ่ายโจทก์การกระทำของจำเลยที่ต่อเติมอาคาร จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นสิ้นไปได้ตามมาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารรุกล้ำ ทำให้เกิดความเดือดร้อนกับข้างบ้าน เจ้าของต้องรับผิดชอบแก้ไข
รั้วที่กั้นเขตบ้านและที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย เดิมเมื่อจำเลยยังมิได้ต่อเติมอาคารโดยใช้กำแพงรั้วดังกล่าวเป็นฝาห้อง น้ำฝนก็จะสาดและไหลเป็นปกติทั้งสองด้านไม่มีผู้ใดเดือดร้อน ครั้นจำเลยต่อเติมอาคารขึ้นน้ำฝนไม่สาดเข้าไปโดนทรัพย์สินของจำเลยและไหลไปในที่ดินของโจทก์มากกว่าปกติ ซึ่งย่อมจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญเกินที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเกิดขึ้นตามปกติเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องป้องกันหรือแก้ไข เมื่อโจทก์แจ้งให้จำเลยทราบจำเลยมิได้จัดการแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของฝ่ายของฝ่ายโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ต่อเติมอาคาร จึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นสิ้นไปได้ตามมาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 737/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อเติมอาคารล้ำแนวรั้ว และการใช้สิทธิโดยก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
จำเลยก่อสร้างหลังคาสังกะสีต่อเติมอาคารของตนล้ำมาบนกำแพงรั้วด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์ โดยจำเลยใช้กำแพงรั้วเป็นฝาห้องด้านล่างและใช้กระเบื้องซีเมนต์กั้นต่อขึ้นไปถึงหลังคา แล้วใช้ปูนซีเมนต์พอก เชื่อมรอยต่อระหว่างอาคารของจำเลยกับรั้ว ทำให้น้ำฝนไม่สาดเข้าไปในอาคารของจำเลย แต่ไหลไปในที่ดินของโจทก์มากกว่าปกติจำเลยจึงใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 โจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติเพื่อยังให้ความเสียหายหรือความเดือดร้อนรำคาญนั้นสิ้นไปตาม มาตรา 1337
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5395/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับชำระหนี้โดยสุจริตหลังไถ่ถอนจำนองแล้ว ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองไปแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ผู้รับมอบอำนาจได้ฟ้องบังคับชำระหนี้และบังคับจำนองโจทก์เป็นคดีอีก แต่เมื่อโจทก์ตัดต่อขอให้จำเลยที่ 1ถอนฟ้อง ทนายจำเลยที่ 1 ก็ดำเนินการถอนฟ้องโจทก์ก่อนมีการสืบพยานเห็นได้ว่าในขณะฟ้องคดีดังกล่าว จำเลยที่ 2 เข้าใจโดยสุจริตว่าจำเลยที่ 1 มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากโจทก์ การฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวจึงมุ่งประสงค์จะให้ศาลบังคับให้โจทก์ชำระหนี้ มิได้จงใจกลั่นแกล้งฟ้องโจทก์เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 ทั้งตามพฤติการณ์ในคดีฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการประมาทเลินเล่อจึงไม่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทโดยอาศัยข่าวหนังสือพิมพ์: การใช้สิทธิโดยสุจริตและการไม่เป็นละเมิด
ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์เมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่า โจทก์เป็นผู้ไขข่าว เมื่อข้อความดังกล่าวเป็นการใส่ความ จำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงไม่เป็นความเท็จ และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลจำเลยก็คงเข้าใจว่าตนมีสิทธิกระทำได้เพราะหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมีวางจำหน่ายทั่วประเทศ ประชาชนทั่วไปย่อมมีโอกาส อ่านและพบเห็นข้อความในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวได้ดังนั้น การใช้สิทธิของจำเลยที่ฟ้องโจทก์ดังกล่าวก็ไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่โจทก์อีกเช่นกัน จึงไม่เป็นละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาท: การใช้สิทธิโดยสุจริตเมื่อพิสูจน์แหล่งข่าวไม่ได้
ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์ตามฟ้องเมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ไขข่าวเป็นการใส่ความจำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย เมื่อโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ไขข่าว ฟ้องของจำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความเท็จและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลก็เป็นเพราะหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีวางจำหน่ายทั่วประเทศ การใช้สิทธิของจำเลยไม่เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4976/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิฟ้องหมิ่นประมาทโดยสุจริต แม้ฟ้องหลายศาล ไม่เป็นละเมิด หากข้อความที่ฟ้องไม่เป็นเท็จ
ข้อความที่ลงในหนังสือพิมพ์ตามฟ้องเมื่ออ่านแล้วพอเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นผู้ไขข่าวเป็นการใส่ความจำเลย การที่จำเลยฟ้องโจทก์ในข้อหาหมิ่นประมาทจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายเมื่อโจทก์พิสูจน์ไม่ได้ว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้ไขข่าว ฟ้อง จำเลยจึงฟังไม่ได้ว่าเป็นความเท็จและเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต และแม้จำเลยจะฟ้องโจทก์หลายศาลก็เป็นเพราะหนังสือพิมพ์ดังกล่าวมีวางจำหน่ายทั่วประเทศการใช้สิทธิของจำเลยไม่เป็นการใช้สิทธิ ซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์