คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 421

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 365 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่ออายุ: การสนองรับคำเสนอภายในกำหนดระยะเวลาทำให้สัญญาเช่าเกิดผลใหม่
สัญญาเช่าตึกแถวพิพาทข้อ 10 กำหนดว่า 'เมื่อครบกำหนดอายุสัญญา และผู้เช่าประสงค์จะเช่าต่อไป ผู้เช่าจะได้เสนอขอต่อสัญญาเช่าต่อผู้ให้เช่าภายในกำหนด 60 วัน หากมิได้ขอต่อสัญญาภายในกำหนดนี้ให้ถือว่าผู้เช่าสละสิทธิการเช่า ........' และมีหมายเหตุต่อท้ายสัญญาดังกล่าวว่า 'สัญญานี้มีอายุ 15 ปี ต่ออายุสัญญา 3 ปี ต่อ 1 ครั้ง ทุกครั้งที่ต่ออายุสัญญาผู้เช่าต้องนำเงินมาบำรุงวัดเป็นจำนวน 6,000 บาท 'ดังนี้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดจำเลยผู้เช่าได้มีหนังสือแสดงความจำนงขอเช่าต่อโจทก์ที่ 1 ผู้ให้เช่าภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา เท่ากับผู้เช่าสนองรับคำเสนอของผู้ให้เช่าแล้วถือได้ว่าสัญญาเช่าเกิดขึ้นใหม่ทันทีตามเงื่อนไขและวิธีการที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าฉบับเดิมโดยไม่จำต้องทำสัญญาเช่ากันใหม่อีก จำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อมา จึงไม่เป็นละเมิด
การที่จำเลยผู้เช่าขอให้บังคับผู้เช่าช่วงส่งมอบตึกแถวพิพาทแก่จำเลยเพื่อเข้าครอบครองใช้สิทธิตามสัญญาเช่าอันเป็นสิทธิของจำเลยที่จะกระทำได้ตามคำพิพากษาของศาลนั้น ไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 2 ซึ่งอ้างว่าได้เช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์ที่ 1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่ออายุ: การสนองรับคำเสนอของผู้ให้เช่าทำให้เกิดสัญญาเช่าใหม่ได้ แม้ไม่มีสัญญาฉบับใหม่
สัญญาเช่าตึกแถวพิพาทข้อ 10 กำหนดว่า 'เมื่อครบกำหนดอายุสัญญา และผู้เช่าประสงค์จะเช่าต่อไป ผู้เช่าจะได้เสนอขอต่อสัญญาเช่าต่อผู้ให้เช่าภายในกำหนด 60 วัน หากมิได้ขอต่อสัญญาภายในกำหนดนี้ให้ถือว่าผู้เช่าสละสิทธิการเช่า ........' และมีหมายเหตุต่อท้ายสัญญาดังกล่าวว่า 'สัญญานี้มีอายุ 15 ปี ต่ออายุสัญญา 3 ปี ต่อ 1 ครั้ง ทุกครั้งที่ต่ออายุสัญญาผู้เช่าต้องนำเงินมาบำรุงวัดเป็นจำนวน 6,000 บาท 'ดังนี้ เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดจำเลยผู้เช่าได้มีหนังสือแสดงความจำนงขอเช่าต่อโจทก์ที่ 1 ผู้ให้เช่าภายในกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในสัญญา เท่ากับผู้เช่าสนองรับคำเสนอของผู้ให้เช่าแล้วถือได้ว่าสัญญาเช่าเกิดขึ้นใหม่ทันทีตามเงื่อนไขและวิธีการที่ระบุไว้ในสัญญาเช่าฉบับเดิมโดยไม่จำต้องทำสัญญาเช่ากันใหม่อีก จำเลยอยู่ในตึกแถวพิพาทต่อมา จึงไม่เป็นละเมิด
การที่จำเลยผู้เช่าขอให้บังคับผู้เช่าช่วงส่งมอบตึกแถวพิพาทแก่จำเลยเพื่อเข้าครอบครองใช้สิทธิตามสัญญาเช่าอันเป็นสิทธิของจำเลยที่จะกระทำได้ตามคำพิพากษาของศาลนั้น ไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ที่ 2 ซึ่งอ้างว่าได้เช่าตึกแถวพิพาทจากโจทก์ที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายรถยนต์โดยสำคัญผิด และสิทธิในการอายัดรถยนต์ของผู้สุจริต
ก่อนนำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานรถยนต์ที่มีผู้นำมาขอแลกว่า หมายเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ตรงกับในทะเบียนรถยนต์ และรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ขอแลกนำมาแสดงก็ตรงกับผู้ขอแลกซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรถไม่ปรากฏว่าทะเบียนรถมีพิรุธว่าเป็นของปลอม หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ขอแลกไม่ใช่เจ้าของรถ แม้จำเลยจะไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนยังกองทะเบียน กรมตำรวจ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยสำคัญผิด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้ประโยชน์แก่ตน จำเลยย่อมมีสิทธิอายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้ เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3484/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสุจริตในการทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ และสิทธิในการอายัดทรัพย์
ก่อนทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์จำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานรถยนต์ที่มีผุ้นำมาขอแลกว่าหมายเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ตรงกับในทะเบียนรถยนต์และรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ขอแลกนำมาแสดงก็ตรงกับผู้ขอแลกซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรถไม่ปรากฏว่าทะเบียนมีพิรุธว่าเป็นของปลอมหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ขอแลกไม่ใช่เจ้าของรถแม้จำเลยจะไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนยังกองทะเบียนกรมตำรวจก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยสำคัญผิดด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้เป็นประโยชน์แก่ตนจำเลยย่อมมีสิทธิอายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตจำเลยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์โดยสุจริตและเจตนา การกระทำละเมิด ความเสียหายจากการไม่ได้ใช้ทรัพย์
การนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาถือเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ที่ยึดเมื่อเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้เจ้าของได้รับความเสียหาย อ. เช่าซื้อรถยนต์พิพาทไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อโจทก์จึงฟ้องอ. ให้คืนรถยนต์และใช้ค่าเสียหายปรากฏว่าระหว่างครอบครองและใช้รถยนต์อ. ได้นำรถไปจ้างจำเลยซ่อมแล้วไม่ชำระค่าซ่อมจำเลยจึงยึดหน่วงรถยนต์ดังกล่าวไว้และฟ้องเรียกค่าซ่อมรถและค่าดูแลรักษาจากอ. ศาลชั้นต้นพิพากษาให้อ. ชำระค่าซ่อมรถยนต์และค่าสินค้าแก่จำเลยกับให้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์พร้อมกับชำระค่าเสียหายเมื่ออ. ไม่ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้จำเลยๆได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์เพื่อขายทอดตลาดเมื่อวันที่8มีนาคม2521ต่อมาวันที่6กรกฎาคม2521โจทก์ได้ร้องขอให้ปล่อยรถยนต์ที่ยึดไว้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดเมื่อวันที่2พฤษภาคม2522คดีดังกล่าวถึงที่สุดโจทก์ไปขอรับรถยนต์คืนจากจำเลยเมื่อวันที่18ตุลาคม2522แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้จนโจทก์ต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยมอบรถยนต์ให้โจทก์จำเลยจึงคืนรถยนต์ให้โจทก์เมื่อวันที่25ธันวาคม2522พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์โดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่นำยึดทรัพย์ในวันที่8มีนาคม2521แต่หลังจากศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทและโจทก์ขอรับรถยนต์คืนจากจำเลยแล้วการที่จำเลยไม่ยอมคืนให้ถือว่าไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลต่อไปจำเลยได้ชื่อว่ากระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่โจทก์ขอรับรถยนต์คืนจากจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498-1499/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยาย การปิดกั้นทางสาธารณะ และสิทธิในการป้องกันความเสียหาย
การที่เจ้าของที่ดินยอมให้โจทก์และประชาชนทั่วไปใช้ทางพิพาทสัญจรไปมาเป็นเวลาช้านานหลายสิบปีเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่าเจ้าของที่ดินได้อุทิศที่ดินดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว
ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ จำเลยปิดกั้น โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ ใช้รถยนต์ผ่านเข้าออกไม่ได้ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ย่อมได้รับความเสียหาย
เมื่อจำเลยที่ 6 ทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทซึ่งเป็นทางสาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 ใช้ทางพิพาทเข้าออกบ้านของโจทก์ที่ 2 ไม่ได้ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 ใช้ทางพิพาทเข้าออกบ้านของโจทก์ที่ 2 ไม่ได้ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 การที่โจทก์ที่ 2 รื้อรั้วที่จำเลยที่ 6 ปิดกั้นออก เพื่อจะได้ใช้ทางพิพาทต่อไป จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมายแม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยที่ 6 โจทก์ที่ 2 ก็ไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิคัดค้านการรังวัดที่ดิน: การคัดค้านโดยมีเหตุผลสมควร ไม่ถือเป็นการละเมิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานที่ดินไปรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงคัดค้านการรังวัดสอบเขตเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานที่ดินงดการรังวัด การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดและทำให้โจทก์เสียหาย เช่นนี้ การคัดค้านรังวัดที่ดินของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน ข้างเคียงนั้น เป็นสิทธิที่อาจคัดค้าน ได้หากมีเหตุผลตามสมควรที่จะคิดว่าแนวเขตที่รังวัดไม่ถูกต้อง การคัดค้านของจำเลยเพียงเท่านี้จึงยังไม่เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์อันจะมาฟ้องขอให้ห้ามจำเลยได้ ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยจึงชอบแล้ว
(อ้างฎีกาคำพิพากษาฎีกาที่ 1618/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านรังวัดที่ดิน: สิทธิที่ชอบธรรมหากมีเหตุผลสมควร ไม่ถือเป็นการละเมิด
การคัดค้านรังวัดที่ดินของจำเลยเจ้าของที่ดินข้างเคียงเป็นสิทธิที่อาจคัดค้านได้หากมีเหตุผลตามสมควรที่จะคิดว่าแนวเขตที่รังวัดไม่ถูกต้องยังไม่เป็นการละเมิดสิทธิอันโจทก์จะมาฟ้องขอให้ห้ามจำเลยคัดค้านการที่โจทก์จะนำเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดสอบเขตที่ดินของโจทก์ได้ โจทก์เสียหายเกี่ยวกับตัวที่ดินนั้นโดยตรงอย่างไร ก็ชอบที่จะเรียกร้องเอาได้เท่านั้น กรณีจะเป็นการละเมิดได้จะต้องเป็นการแกล้งโดยจำเลยมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่โจทก์ถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้จำเลยจะเห็นว่าโจทก์จะได้รับความเสียหายบ้าง ก็ไม่เป็นการละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิโดยจงใจสร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นการละเมิด แม้กระทำในที่ดินของตน
การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์จำเลยมีตึกแถวอยู่ติดกันและมีท่อระบายน้ำโสโครกฝังอยู่ด้านหลังของตึกแถวเป็นแนวเดียวกัน 1 ท่อ เพื่อระบายน้ำร่วมกันไปสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ โจทก์จำเลยมีเรื่องพิพาทกันมาก่อนแล้วจำเลยนำแผ่นเหล็กเจาะรูเล็ก ๆ ปิดกั้นทางระบายน้ำที่จะระบายมาจากบ้านโจทก์ จนเป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านโจทก์เป็นการกระทำที่จงใจจะให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ถึงแม้จะกระทำในที่ดินของตนเองก็เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นอันเป็นการกระทำโดยละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421
โจทก์ร้องขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาในกรณีฉุกเฉินให้จำเลยรื้อถอนแผ่นเหล็กดังกล่าวออก เมื่อศาลอนุญาตแล้วโจทก์ก็เอาแผ่นเหล็กที่จำเลยนำไปปิดกั้นออก การกระทำของโจทก์ดังกล่าวได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งศาลอันชอบด้วยกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำโดยละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการปิดกั้นทางระบายน้ำ แม้ในที่ดินตนเอง, การคุ้มครองตามคำสั่งศาล
โจทก์และจำเลยเป็นผู้ครอบครองตึกแถวคนละห้องเรียงอยู่ในแถวเดียวกันมีท่อระบายน้ำโสโครกตลอดแนวด้านหลังตึกแถวหนึ่งท่อจำเลยนำแผ่นเหล็กเจาะรูเล็กๆปิดกั้นท่อระบายน้ำเป็นเหตุให้น้ำโสโครกท่วมขังบ้านโจทก์แม้จะกระทำในที่ดินของจำเลยเองก็เป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นละเมิดต่อโจทก์ ส่วนการที่โจทก์ฟ้องและขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาจนศาลสั่งให้จำเลยรื้อถอนแผ่นเหล็กดังกล่าวและโจทก์ได้ให้คนงานเข้ารื้อถอนแผ่นเหล็กนั้นออกเป็นเหตุให้ขยะไหลมาอุดตันท่อระบายน้ำตรงห้องจำเลยทำให้น้ำท่วมขังบ้านจำเลยนั้นเป็นการกระทำโดยได้รับความคุ้มครองตามคำสั่งของศาลอันชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นละเมิดต่อจำเลย.
of 37