คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 421

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 365 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้น้ำและการละเมิดสิทธิของผู้อื่น แม้มีใบอนุญาตทำชลประทานส่วนบุคคล ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
การที่จำเลยสร้างฝายและขุดเหมืองเพื่อส่งน้ำจากคลองสาธารณะไปใช้ในการทำนา แม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตให้จัดทำชลประทานส่วนบุคคล ก็ต้องอยู่ในบังคับที่ว่าจะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของผู้อื่นด้วย เมื่อจำเลยใช้สิทธิสร้างฝายและขุดลำเหมืองเป็นเหตุให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของนาได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิจะขอให้ปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายนั้นให้สิ้นไป เช่น ให้จำเลยรื้อหรือเปิดฝายหรือถมลำเหมืองนั้นได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อหรือเปิดฝายและถมลำเหมืองในชั้นอุทธรณ์ จำเลยขอทุเลาการบังคับ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตได้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และจำเลยได้รื้อฝายและถมลำเหมืองไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะบังคับให้จำเลยจัดการแก้ไขฝายและลำเหมืองอย่างใดอีก ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการใช้น้ำและการละเมิดสิทธิของผู้อื่น แม้มีใบอนุญาตทำชลประทานส่วนบุคคล
การที่จำเลยสร้างฝายและขุดเหมืองเพื่อส่งน้ำจากคลองสาธารณะไปใช้ในการทำนา แม้จำเลยจะได้รับใบอนุญาตให้จัดทำชลประทานส่วนบุคคล ก็ต้องอยู่ในบังคับที่ว่า จะต้องปฏิบัติการมิให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของผู้อื่นด้วย เมื่อจำเลยใช้สิทธิสร้างฝายและขุดลำเหมืองเป็นเหตุให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของนาได้รับความเสียหาย โจทก์ย่อมมีสิทธิจะขอให้ปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายนั้นให้สิ้นไป เช่น ให้จำเลยรื้อหรือเปิดฝายหรือถมลำเหมืองนั้นได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อหรือเปิดฝายและถมลำเหมืองในชั้นอุทธรณ์ จำเลยขอทุเลาการบังคับ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตได้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และจำเลยได้รื้อฝายและถมลำเหมืองไปแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะบังคับให้จำเลยจัดการแก้ไขฝายและลำเหมืองอย่างใดอีก ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในลำเหมืองที่ขุดขึ้นเอง: การรื้อสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันความเสียหายชอบด้วยกฎหมาย แม้ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
เหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองที่จำเลยกับพวกช่วยกันขุดและจำเลยได้ครอบครองโดยใช้น้ำจากเหมืองพิพาทตลอดมาแม้โจทก์จะได้ครอบครองและแจ้งการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสองฟากเหมืองพิพาท ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะถือได้ว่าเหมืองพิพาทเป็นของโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็น การกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในลำเหมือง: การครอบครองและการป้องกันความเสียหายจากการปิดกั้นลำเหมือง
เหมืองพิพาทเป็นลำเหมืองที่จำเลยกับพวกช่วยกันขุดและจำเลยได้ครอบครองโดยใช้น้ำจากเหมืองพิพาทตลอดมา แม้โจทก์จะได้ครอบครองและแจ้งการครอบครองที่ดินของโจทก์ทั้งสองฟากเหมืองพิพาท ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิที่จะถือได้ว่าเหมืองพิพาทเป็นของโจทก์
เมื่อโจทก์ได้ปิดกั้นลำเหมืองพิพาทเป็นเหตุให้พวกจำเลยไม่มีน้ำใช้ทำนาพวกจำเลยจึงได้รื้อออก เช่นนี้ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันความเสียหายโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ จำเลยหาต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลือกที่ดินตามสัญญายอมความ การเลือกที่ดินต้องสุจริต ไม่กลั่นแกล้ง และต้องไม่ทำให้ที่ดินส่วนที่เหลือใช้ประโยชน์ไม่ได้
สัญญายอมในศาลมีความว่า จำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อในโฉนดเลขที่ 3371 มีส่วนเนื้อที่ 1 ไร่ โดยให้โจทก์เลือกเอาที่ทางส่วนไหนของที่ดินก็ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเลือกชี้เอาได้โดยรวมกันแล้วต้องไม่เกิน1 ไร่ตามสัญญา แต่การเลือกชี้เอานั้นต้องกระทำอย่างสุจริต มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งจำเลย ถ้าโจทก์เลือกชี้เอาอย่างไม่สุจริตใจแล้ว ศาลก็ย่อมไม่บังคับแบ่งให้ตามนั้น ข้อที่จำเลยไม่ยอมโดยหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตก็เพียงแต่จำเลยให้เหตุผลว่าที่ดินส่วนที่เหลือ จำเลยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลย ถือไม่ได้ว่าเป็นการที่โจทก์เลือกชี้เอาโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลือกที่ดินตามสัญญายอมความ ต้องใช้สิทธิสุจริต โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จำเลยจะได้รับจากที่ดินที่เหลือ
สัญญายอมในศาลมีความว่า จำเลยยอมให้โจทก์ลงชื่อในโฉนดเลขที่ 3371 มีส่วนเนื้อที่ 1 ไร่ โดยให้โจทก์เลือกเอาที่ทางส่วนไหนของที่ดินก็ได้ โจทก์ย่อมมีสิทธิเลือกชี้เอาได้โดยรวมกันแล้วต้องไม่เกิน1 ไร่ตามสัญญา แต่การเลือกชี้เอานั้นต้องกระทำอย่างสุจริต มิใช่เป็นการกลั่นแกล้งจำเลย ถ้าโจทก์เลือกชี้เอาอย่างไม่สุจริตใจแล้ว ศาลก็ย่อมไม่บังคับแบ่งให้ตามนั้น ข้อที่จำเลยไม่ยอมโดยหาว่าโจทก์ใช้สิทธิไม่สุจริตก็เพียงแต่จำเลยให้เหตุผลว่าที่ดินส่วนที่เหลือ จำเลยใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เลยถือไม่ได้ว่าเป็นการที่โจทก์เลือกชี้เอาโดยไม่สุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการปล่อยกระแสไฟฟ้าที่รั้วชำรุด ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ต้องรับผิดทางละเมิด แม้กระทำในเขตบ้าน
จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ที่ลวดหนามซึ่งขึงอยู่ด้านในของเสารั้วภายในเขตบ้านจำเลย โดยมีรั้วไม้ไผ่ที่ด้านนอกของเสา แต่รั้วไม้ไผ่ชำรุดโจทก์อยู่บ้านติดต่อกับจำเลย เอื้อมมือไปเก็บผ้าซึ่งปลิวไปติดรั้วบ้านจำเลยมือไปถูกลวดหนาม ถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานละเมิด
กระทำละเมิดต่อผู้อื่นโดยประมาทเลินเล่อ แม้จะทำภายในบริเวณบ้านของตนผู้กระทำก็ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 646/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าของบ้านต้องรับผิดเมื่อประมาทเลินเล่อทำให้เพื่อนบ้านได้รับบาดเจ็บ แม้เหตุเกิดในบ้านตน
จำเลยปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ที่ลวดหนามซึ่งขึงอยู่ด้านในของเสารั้วภายในเขตบ้านจำเลย โดยมีรั้วไม้ไผ่ที่ด้านนอกของเสา แต่รั้วไม้ไผ่ชำรุดโจทก์อยู่บ้านติดต่อกับจำเลยเอื้อมมือไปเก็บผ้าซึ่งปลิวไปติดรั้วบ้านจำเลยมือไปถูกลวดหนาม ถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้รับบาดเจ็บ ดังนี้ จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานละเมิด
กระทำละเมิดต่อผู้อื่นโดยประมาทเลินเล่อ แม้จะทำภายในบริเวณบ้านของตนผู้กระทำก็ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องละเมิดต้องระบุสิทธิที่ชัดเจน การกลบลำเหมืองในที่ดินของตน เจ้าของสิทธิทำได้
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีกล่าวหาว่าจำเลยกระทำละเมิดเอาดินถมปิดลำเหมืองของโจทก์ ซึ่งตั้งอยู่ในป่าไม่มีเจ้าของ มิได้ฟ้องว่าลำเหมืองอยู่ในที่ดินของจำเลย และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ กระทำการกลบลำเหมืองอันเป็นภารจำยอม เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองโดยอายุความหาได้ไม่ เพราะนอกประเด็นในคำฟ้อง
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิ ว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ บทบัญญัติ มาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 นั้น จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในลำเหมืองเมื่อฟ้องไม่ชัดเจน: เจ้าของที่ดินมีสิทธิใช้ประโยชน์และขัดขวางการสอดเข้าเกี่ยวข้อง
โจทก์ฟ้องตั้งรูปคดีกล่าวหาว่าจำเลยกระทำละเมิดเอาดินถมปิดลำเหมืองของโจทก์ ซึ่งตั้งอยู่ในป่าไม่มีเจ้าของ.มิได้ฟ้องว่าลำเหมืองอยู่ในที่ดินของจำเลย.และจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ กระทำการกลบลำเหมืองอันเป็นภารจำยอม. เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก. ศาลจะวินิจฉัยว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองโดยอายุความหาได้ไม่. เพราะนอกประเด็นในคำฟ้อง.
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้อ้างสิทธิ.ว่าโจทก์ได้ทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท. ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้เป็นผู้ทรงทรัพย์สิทธิภารจำยอมในลำเหมืองพิพาท. จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินที่ลำเหมืองพิพาทตั้งอยู่ย่อมมีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 กลบลำเหมืองพิพาทเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้. บทบัญญัติมาตรา 1337 หาลบล้างสิทธิของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในอันที่จะใช้สิทธิของตนตามมาตรา 1336 ไม่.
กรณีที่จะเป็นละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา421 นั้น. จะต้องเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นถ่ายเดียว. แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประสงค์ต่อผลอันเป็นธรรมดาแห่งสิทธินั้น. แม้ผู้กระทำจะเห็นว่าผู้อื่นจะได้รับความเสียหายบ้างก็ไม่เป็นละเมิด.
of 37