พบผลลัพธ์ทั้งหมด 365 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองการซื้อขายทรัพย์สินโดยผู้เยาว์และการเพิกเฉยต่อการแสดงกรรมสิทธิ์ของจำเลย ทำให้สิทธิในการแบ่งมรดกสิ้นสุดลง
ระหว่างเป็นผู้เยาว์โจทก์มีชกรรมสิทธิ์ร่วมในห้องพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ขายห้องพิพาทนี้โดยจำเลยที่ 2 มิได้แสดงกรรมสิทธิรวมแต่ประการใด โจทก์ก็ได้ลงนามรับรองในหนังสือซื้อขายนั้นด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องขับไล่บุคคลภายนอกออกจากห้องพิพาทจนได้คืนห้องพิพาทมา.โจทก์ก็มิได้คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ได้จงใจรับรู้ให้จำเลยที่ 1 แสดงตนเป็นเจ้าของห้องพิพาทมาตั้งแต่ต้นกระทำให้จำเลย หลงผิดว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ดังนั้น โจทก์จะอ้างสิทธิแห่งความเป็นผู้เยาว์มาเพิกถอนการซื้อขายห้องพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีกรรมสิทธิคนละครึ่งกับจำเลยที่ 2 ย่อมไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมโดยปริยายและการสละสิทธิเรียกร้องของผู้เยาว์ในกรรมสิทธิ์รวม
ระหว่างเป็นผู้เยาว์โจทก์มีกรรมสิทธิ์ร่วมในห้องพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ขายห้องพิพาทนี้โดยจำเลยที่ 2 มิได้แสดงกรรมสิทธิรวมแต่ประการใดโจทก์ก็ได้ลงนามรับรองในหนังสือซื้อขายนั้นด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องขับไล่บุคคลภายนอกออกจากห้องพิพาทจนได้คืนห้องพิพาทมาโจทก์มิได้คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ได้จงใจและละเลยให้จำเลยที่ 1 แสดงตนเป็นเจ้าของห้องพิพาทมาตั้งแต่ต้น กระทำให้จำเลยที่ 1 หลงผิดว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ดังนั้น โจทก์จะอ้างสิทธิแห่งความเป็นผู้เยาว์ทำเพิกถอนการซื้อขายห้องพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีกรรมสิทธิคนละครึ่งกับจำเลยที่ 2 ย่อมไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีจากการขุดดินปิดลำห้วยสาธารณะทำให้ได้รับความเสียหายโดยตรง
เมื่อโจทก์อ้างในฟ้องว่าจำเลยขุดเหมืองและยกดันกั้นน้ำลำห้วยสาธารณะไม่ให้น้ำใหลไปตามปกติเป็นเหตุให้นาโจทก์ไม่ได้น้ำอย่างที่เคยมาแต่ก่อน ต้นข้าวจึงเสียหาย เช่นนั้นย่อมแสดงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำโดยตรงของจำเลยตามฟ้องโจทก์ ๆ จึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องคดีจากการขุดดินปิดลำห้วยสาธารณะทำให้เสียหาย โจทก์มีสิทธิฟ้องหากเสียหายโดยตรง
เมื่อโจทก์อ้างในฟ้องว่าจำเลยขุดเหมืองและยกคันกั้นน้ำลำห้วยสาธารณะ ไม่ให้น้ำใหลไปตามปกติเป็นเหตุให้นาโจทก์ไม่ได้น้ำอย่างที่เคยมาแต่ก่อน ต้นข้าวจึงเสียหาย เช่นนั้นย่อมแสดงว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษเนื่องจากการกระทำโดยตรงของจำเลยตามฟ้องโจทก์โจทก์ จึงเป็นผู้เสียหายมีสิทธิที่จะนำคดีมาฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินร่วม การยึดทรัพย์โดยไม่ชอบ และความรับผิดของผู้รู้เห็นเป็นใจ
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของข้าวร่วมกันจำเลยได้แยกไปอยู่ที่อื่น แต่ข้าวยังอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยได้พาพวกมาขนข้าวไปโดยพลการ โดยโจทก์ไม่ยินยอมดังนี้จำเลยต้องรับผิดและต้องคืนข้าวส่วนที่เกินให้โจทก์ไป
ผู้รับจ้างรู้ว่า ผู้จ้างไม่มีสิทธิในทรัพย์แต่ยังยอมรับจ้างไปขนทรัพย์นั้นมา ต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมรับผู้จ้างด้วย
ผู้รับจ้างรู้ว่า ผู้จ้างไม่มีสิทธิในทรัพย์แต่ยังยอมรับจ้างไปขนทรัพย์นั้นมา ต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมรับผู้จ้างด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินร่วม การยื้อแย่งทรัพย์โดยไม่ชอบ และความรับผิดของผู้กระทำละเมิดร่วม
โจทก์และจำเลยเป็นเจ้าของข้าวร่วมกัน จำเลยได้แยกไปอยู่ที่อื่น แต่ข้าวยังอยู่ในความครอบครองของโจทก์ จำเลยได้พาพวกมาขนข้าวไปโดยพลการ โดยโจทก์ไม่ยินยอมดังนี้จำเลยต้องรับผิดและต้องคืนข้าวส่วนที่เกินให้โจทก์ไป
ผู้รับจ้างรู้ว่า ผู้จ้างไม่มีสิทธิในทรัพย์แต่ยังยอมรับจ้างไปขนทรัพย์นั้นมา ต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมรับผู้จ้างด้วย
ผู้รับจ้างรู้ว่า ผู้จ้างไม่มีสิทธิในทรัพย์แต่ยังยอมรับจ้างไปขนทรัพย์นั้นมา ต้องรับผิดฐานละเมิดร่วมรับผู้จ้างด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการปิดกั้นทางน้ำเพื่อประโยชน์การงาน: การกระทำไม่ถือเป็นการละเมิดหากมีเหตุผลและความจำเป็น
ผักตบชะวาอยู่ในหนองแห่งหนึ่ง จำเลยปิดกั้นที่หนองอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหนองเอกชน เพื่อป้องกันมิให้ผักตบชะวาในหนองแห่งแรก ไหลเข้าหนองที่จำเลยปิดกั้น ถ้าจำเลยไม่ทำอย่างนี้ผักตบชะวาจะเป็นอุปสรรคไม่ให้การจับปลาในหนองที่จำเลยปิดกั้นลุล่วง ย่อมถือว่าจำเลยรักษาประโยชน์ในหนองที่ปิดกั้น จึงมีสิทธิจะปิดกั้น และการใช้สิทธิของจำเลยนี้เพื่อประโยชน์การงานของจำเลยโดยตรง การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่ผู้อื่น จึงไม่เป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริตของผู้บังคับคดีไม่เป็นละเมิด แม้จะยึดทรัพย์ผิดแปลง
จ้าหนี้นำยึดบ้านเรือน โดยมีเหตุผลให้เชื่อโดยสุจริตวา บ้านเรือนที่ยึดเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาจนขายทอดตลาดบ้านเรือนนั้นไป ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำที่โดยใช้สิทธิทางศาล เมื่อเจ้าหนี้หรือผู้แทนกระทำไปโดยมิได้ประมาทเลินเล่อแต่อย่างใดแล้ว ถึงแม้จะปรากฎว่าบ้านเรือนที่นำยึดเป็นของผู้อื่นก็ดี การกระทำของเจ้าหนี้ก็ไม่เป็นการละเมิด
(อ้างฎีกาที่ 960/2485)
(อ้างฎีกาที่ 960/2485)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจากประกาศกฎอัยการศึก และความรับผิดทางละเมิด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเข้ายึดทรัพย์สินและกิจการของบริษัทฯหนึ่ง โดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึกพ.ศ.2457 มาตรา 12 แล้วให้กองทัพบกจัดการเกณฑ์ทรัพย์สินของบริษัทนี้ให้มาเป็นกรรมสิทธิ์ของทางราชการทหารตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 10 ข้อ 2 ประกอบ ด้วยพระราชบัญญัติเกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร พ.ศ.2464 แต่กระทรวงกลาโหมหาได้ดำเนินการเกณฑ์ตาม พระราชบัญญัติเกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหารพ.ศ.2464 ไม่คงยึดแต่ทรัพย์สินของบริษัทไว้เป็นเวลาถึงเกือบ 3 ปี โดยไม่ปรากฏความจำเป็นแล้วจึงคืนให้บริษัท ดังนี้ ย่อมเป็นการยึดโดยมิได้มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายเพราะพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 มาตรา 12 ให้อำนาจที่จะทำการยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้นฉะนั้นเมื่อทางกระทรวงกลาโหมไม่ดำเนินการให้ถูกต้องดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของบริษัทที่ถูกยึด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420,421 กระทรวงกลาโหมจึงต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินโดยไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ก่อให้เกิดละเมิดและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งเจ้าหน้าที่ - ฝ่ายทหารเข้ายึดทรัพย์สินและกิจการของบริษัทฯหนึ่ง โดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาตรา 12 แล้วให้กองทัพบกจัดการเกณฑ์ทรัยพ์สินของบริษัทนี้ให้มาเป็น - กรรมสิทธิของทางราชการทหารตามพ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาตรา 10 ข้อ 2 ประกอบด้วยพ.ร.บ.เกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร พ.ศ. 2469 กระทรวงกลาโหมหาได้ดำเนินการเณฑ์ตามพ.ร.บ.เกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร พ.ศ. 2464 ไม่ คงยึดแต่ทรัพย์สินของบริษัทไว้เป็นเวลาถึงเกือบ 3 ปี แล้วจึงคืนให้บริษัท ดังนี้ ย่อมเป็นการยึดโดยมิได้มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมาย เพราะพ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาตรา 12 ให้อำนาจที่จะทำการยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อทางกระทรวงกลาโหมไม่ดำเนินการให้ถูกดต้องดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมเป็นการละเมิดสทิธิของบริษัทที่ถูกยึด ตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 420 , 421 กระทรวงกลาโหมจึงต้องรับผิดใช่ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท