พบผลลัพธ์ทั้งหมด 897 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของกรรมการรักษาเงิน: ไม่ต้องรับผิดหากเงินสูญหายก่อนนำฝากกำปั่น
จำเลยที่3และที่4ร่วมกับบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการรักษาเงินมีหน้าที่ปิดเปิดกำปั่นโดยถือกุญแจไว้คนละดอกไม่มีหน้าที่ไปสอบถามและเร่งรัดให้ส่วนราชการต่างๆนำเงินมาเก็บในกำปั่นเพราะเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับเงินไว้จะต้องนำเงินนั้นมาเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อนำเข้าเก็บในกำปั่นต่อไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบคณะกรรมการรักษาเงินจึงมีหน้าที่ดูแลเก็บรักษาเฉพาะเงินที่ได้นำมาเก็บไว้ในกำปั่นเท่านั้นเมื่อเงินของโจทก์ถูกยักยอกไปขณะอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานสรรพากรโดยที่ยังไม่ได้นำเข้าเก็บในกำปั่นจึงไม่เกี่ยวกับการจงใจหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการรักษาเงินจำเลยที่3และที่4ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3613/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของกรรมการรักษาเงิน: ไม่ต้องรับผิดหากเงินหายก่อนเข้ากำปั่น
จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกับบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการรักษาเงินมีหน้าที่ปิดเปิดกำปั่น โดยถือกุญแจไว้คนละดอก ไม่มีหน้าที่ไปสอบถามและเร่งรัดให้ส่วนราชการต่าง ๆ นำเงินมาเก็บในกำปั่นเพราะเป็นหน้าที่ของผู้ที่รับเงินไว้จะต้องนำเงินนั้นมาเสนอต่อคณะกรรมการ เพื่อนำเข้าเก็บในกำปั่นต่อไปตามที่กำหนดไว้ในระเบียบ คณะกรรมการรักษาเงินจึงมีหน้าที่ดูแลเก็บรักษาเฉพาะเงินที่ได้นำมาเก็บไว้ในกำปั่นเท่านั้น เมื่อเงินของโจทก์ถูกยักยอกไปขณะอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานสรรพากร โดยที่ยังไม่ได้นำเข้าเก็บในกำปั่น จึงไม่เกี่ยวกับการจงใจหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการรักษาเงิน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3583/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกันภัยรถยนต์: การรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อผู้ขับขี่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย
จำเลยที่1เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ไปใช้โดยให้ช.ลูกจ้างของตนเป็นคนขับและห้างหุ้นส่วนจำกัดน.นำรถยนต์ดังกล่าวไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่2กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า'บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายและบริษัทจะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง'ดังนี้การที่ช.ขับรถไปทำละเมิดต่อโจทก์ต้องถือว่าช.ขับรถโดยได้รับความยินยอมจากห้างหุ้นส่วนจำกัดน.ผู้เอาประกันภัยมีฐานะเสมือนผู้เอาประกันภัยเองจำเลยที่2จึงต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3583/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของผู้รับประกันภัยเมื่อคนขับรถที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยประมาทก่อให้เกิดความเสียหาย
จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกจากห้างหุ้นส่วนจำกัด น.ไปใช้โดยให้ ช. ลูกจ้างของตนเป็นคนขับ และห้างหุ้นส่วนจำกัด น. นำรถยนต์ดังกล่าวไปประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 กรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความว่า 'บริษัทจะใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดตามกฎหมายและบริษัทจะถือบุคคลใดซึ่งขับขี่รถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย เสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง' ดังนี้ การที่ ช. ขับรถไปทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องถือว่า ช.ขับรถโดยได้รับความยินยอมจากห้างหุ้นส่วนจำกัด น. ผู้เอาประกันภัย มีฐานะเสมือนผู้เอาประกันภัยเอง จำเลยที่ 2 จึงต้องรับผิดในฐานะผู้รับประกันภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฉ้อโกงจากการหลอกลวงจัดส่งไปทำงานต่างประเทศ
ผู้เสียหายมอบเงินให้จำเลยไปโดยหลงเชื่อว่าจำเลยสามารถจัดส่งผู้เสียหายกับนายว.ไปทำงานต่างประเทศได้ตามที่กล่าวอ้างเมื่อจำเลยไม่สามารถจัดส่งไปทำงานตามที่กล่าวอ้างได้ผู้เสียหายขอเงินคืนจำเลยกลับปฏิเสธว่าไม่เคยรับเงินจากผู้เสียหายเช่นนี้กรณีถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฉ้อโกงผู้เสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา341.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3554/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้เสียทรัพย์สิน แม้จ่ายเงินคราวเดียวกัน ก็ถือเป็นความผิดหลายกรรม
จำเลยพูดชักชวนหลอกลวง จ.และ ส.คนละคราว แม้จะได้จ่ายเงินค่าบริการของแต่ละคนให้จำเลยไปคราวเดียวกัน ก็เป็นความผิดหลายกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3554/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงโดยหลอกลวงให้เสียทรัพย์ ผู้กระทำผิดหลายกรรม
จำเลยพูดชักชวนหลอกลวงจ.และส.คนละคราวแม้จะได้จ่ายเงินค่าบริการของแต่ละคนให้จำเลยไปคราวเดียวกันก็เป็นความผิดหลายกรรม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจวินิจฉัยความผิดทางวินัยของข้าราชการ: ศาลไม่มีอำนาจแทรกแซง
การที่จำเลยพิจารณาแล้วเชื่อว่าโจทก์กระทำผิดทางวินัยตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนและมีคำสั่งลงโทษโจทก์เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2518มาตรา84กรณีหาได้เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตราดังกล่าวไม่และการที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่นั้นเป็นอำนาจและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนซึ่งเป็นการใช้อำนาจของราชการฝ่ายบริหารโดยเฉพาะเมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์วินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดใช้ดุลพินิจสั่งลงโทษโจทก์ไปตามความเหมาะสมกับสภาพความผิดเท่าที่อยู่ในอำนาจของจำเลยโดยชอบอย่างไรแล้วศาลไม่มีอำนาจจะเข้าไปชี้ขาดว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่อีกข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจกลั่นแกล้งโจทก์จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจวินิจฉัยความผิดทางวินัยเป็นของฝ่ายบริหาร ศาลไม่มีอำนาจชี้ขาดหากจำเลยปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย
การที่จะวินิจฉัยว่าข้าราชการผู้ใดมีความผิดทางวินัยหรือไม่นั้นเป็นอำนาจและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2518ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของราชการฝ่ายบริหารโดยเฉพาะ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์วินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดและใช้ดุลพินิจสั่งลงโทษโจทก์ไปตามความเหมาะสมกับสภาพความผิดเท่าที่อยู่ในอำนาจของจำเลยโดยชอบอย่างไรแล้วศาลไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปชี้ขาดว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่อีกเมื่อจำเลยได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจกลั่นแกล้งโจทก์แต่อย่างใดจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจวินิจฉัยความผิดทางวินัยเป็นของฝ่ายบริหาร ศาลไม่มีอำนาจแทรกแซงหากจำเลยปฏิบัติตามขั้นตอนและใช้ดุลพินิจชอบ
การที่จำเลยพิจารณาแล้วเชื่อว่าโจทก์กระทำผิดทางวินัยตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน และมีคำสั่งลงโทษโจทก์ เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาตรา 84 กรณีหาได้เป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติ มาตราดังกล่าวไม่ และการที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่นั้น เป็นอำนาจและหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของราชการฝ่ายบริหารโดยเฉพาะ เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของโจทก์วินิจฉัยว่าโจทก์มีความผิดใช้ดุลพินิจสั่งลงโทษโจทก์ไปตามความเหมาะสมกับสภาพความผิดเท่าที่อยู่ในอำนาจของจำเลยโดยชอบอย่างไรแล้ว ศาลไม่มีอำนาจจะเข้าไปชี้ขาดว่าโจทก์มีความผิดทางวินัยหรือไม่อีก ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควร ไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจกลั่นแกล้งโจทก์จึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์