พบผลลัพธ์ทั้งหมด 897 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3496/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาห้ามโต้เถียงข้อเท็จจริงเดิม หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วในประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดิน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงเป็นของโจทก์ จำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ดินแปลงที่ 2 และที่ 3 ส่วนแปลงที่ 1 จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของบุคคลอื่นมิได้ต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 ซึ่งมีราคา 7,000 บาท และพอถือได้ว่าขณะยื่นฟ้องที่ดินดังกล่าวอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000 บาทด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังว่าที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 กับแปลงที่ 2, ที่ 3 ไม่ใช่ของโจทก์คดีเกี่ยวกับที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 นี้ ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3496/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน: เมื่อศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว โต้แย้งข้อเท็จจริงเดิมไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาททั้งสามแปลงเป็นของโจทก์จำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ดินแปลงที่2และที่3ส่วนแปลงที่1จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของบุคคลอื่นมิได้ต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแปลงที่1ซึ่งมีราคา7,000บาทและพอถือได้ว่าขณะยื่นฟ้องที่ดินดังกล่าวอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ5,000บาทด้วยเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังว่าที่ดินพิพาทแปลงที่1กับแปลงที่2,ที่3ไม่ใช่ของโจทก์คดีเกี่ยวกับที่ดินพิพาทแปลงที่1นี้ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3496/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีกรรมสิทธิ์ที่ดิน: เมื่อศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นแล้ว โจทก์ไม่สามารถฎีกาข้อเท็จจริงเดิมได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงเป็นของโจทก์ จำเลยกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์เฉพาะที่ดินแปลงที่ 2 และที่ 3 ส่วนแปลงที่ 1 จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของบุคคลอื่นมิได้ต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 ซึ่งมีราคา 7,000 บาท และพอถือได้ว่า ขณะยื่นฟ้องที่ดินดังกล่าวอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาทด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังว่าที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 กับแปลงที่ 2, ที่ 3 ไม่ใช่ของโจทก์ คดีเกี่ยวกับที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 นี้ ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้ต้องพิจารณาถึงสิทธิครอบครองของผู้ร้อง แม้ น.ส.3 ก. ถูกเพิกถอน
การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอนดังนั้นเมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลยโจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้ต้องพิจารณาถึงสิทธิครอบครองของผู้ร้อง แม้ น.ส.3 ก. ถูกเพิกถอน
การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอนดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย โจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3437/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดที่ดินเพื่อบังคับชำระหนี้ต้องคำนึงถึงสิทธิครอบครองของผู้ร้อง แม้ น.ส.๓ ก. ถูกเพิกถอน
การเพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นคนละเรื่องกับการใช้สิทธิครอบครองที่ดินที่หนังสือรับรองการทำประโยชน์ถูกเพิกถอน ดังนั้น เมื่อที่ดินพิพาทอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องและยังฟังไม่ได้ว่าเป็นที่ดินของจำเลย โจทก์ก็จะนำยึดเพื่อบังคับชำระหนี้ของจำเลยไม่ได้ ต้องถอนการยึดให้ผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3428-3429/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดเผยข้อมูลสำคัญในการขอประกันชีวิต หากไม่แจ้งความจริง สัญญาประกันอาจเป็นโมฆียะ
ข้อความจริงตามคำขอเอาประกันชีวิตที่เกี่ยวกับรายได้และความสามารถในการหารายได้ของผู้เอาประกันตลอดจนข้อที่ผู้เอาประกันเคยถูกบริษัทประกันชีวิตอื่นปฏิเสธหรือลดจำนวนเงินขอเอาประกันถือว่าเป็นข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญที่ผู้เอาประกันจะต้องเปิดเผยให้บริษัททราบเพราะอาจจะจูงใจให้บริษัทเรียกเก็บเบี้ยประกันสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาได้เมื่อผู้เอาประกันไม่เปิดเผยข้อความจริงดังกล่าวในเวลาทำสัญญาสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆียะตามป.พ.พ.มาตรา865และเมื่อบริษัทได้บอกล้างภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้วสัญญาย่อมตกเป็นโมฆะบริษัทไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3428-3429/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปิดเผยข้อมูลสำคัญในสัญญาประกันชีวิต การบอกล้างสัญญาและการตกเป็นโมฆะ
ข้อความจริงตามคำขอเอาประกันชีวิตที่เกี่ยวกับรายได้และความสามารถในการหารายได้ของผู้เอาประกันตลอดจนข้อที่ผู้เอาประกันเคยถูกบริษัทประกันชีวิตอื่นปฏิเสธหรือลดจำนวนเงินขอเอาประกันถือว่าเป็นข้อความจริงอันเป็นสาระสำคัญที่ผู้เอาประกันจะต้องเปิดเผยให้บริษัททราบเพราะอาจจะจูงใจให้บริษัทเรียกเก็บเบี้ยประกันสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาได้เมื่อผู้เอาประกันไม่เปิดเผยข้อความจริงดังกล่าวในเวลาทำสัญญาสัญญานั้นย่อมตกเป็นโมฆียะตามป.พ.พ.มาตรา865และเมื่อบริษัทได้บอกล้างภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้วสัญญาย่อมตกเป็นโมฆะบริษัทไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาดังกล่าว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ตึกแถวหลังการแบ่งทรัพย์สินร่วม และการสละเจตนาครอบครอง ทำให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความ
โจทก์ซึ่งเป็นทายาท พ. และ ห. ซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงที่ปลูกตึกแถวพิพาทได้แบ่งทรัพย์สินกันเองในระหว่างเจ้าของรวม โดยโจทก์ได้ที่ดิน 53 ตารางวา ส่วนที่เหลือซึ่งเป็นของ ห. โจทก์และ ห. ยอมให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 ซึ่งเป็นหลานของ ห. เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ สำหรับตึกพิพาทนอกจากจะปลูกอยู่บนที่ดินส่วนของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 แล้ว โจทก์ให้จำเลยที่ 10 ดำเนินการโอนตึกแถวพิพาทให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 โดยโจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในเอกสารหมาย ล.1 โดยสมัครใจ ความว่า โจทก์ไม่ขอเกี่ยวข้องในสิทธิและตึกแถวพิพาทแต่อย่างใด จึงเป็นการสละเจตนาครอบครองตึกแถวพิพาทตั้งแต่วันทำเอกสารหมาย ล.1 จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 โดยจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมได้ครอบครองตึกแถวพิพาทติดต่อกันมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของด้วยการทำสัญญาเช่าและเก็บค่าเช่านับแต่วันทำเอกสารหมาย ล.1 ถึงวันฟ้องเป็นเวลากว่าสิบปี จำเลยที่ 2 ถึงที่ 9 จึงได้กรรมสิทธิ์ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่าง ห. กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 9
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองและอายุความครอบครองทรัพย์สินของเจ้าของรวม
โจทก์ซึ่งเป็นทายาทพ.และห.ซึ่งเป็นเจ้าของรวมในที่ดินแปลงที่ปลูกตึกแถวพิพาทได้แบ่งทรัพย์สินกันเองในระหว่างเจ้าของรวมโดยโจทก์ได้ที่ดิน53ตารางวาส่วนที่เหลือซึ่งเป็นของห.โจทก์และห.ยอมให้จำเลยที่2ถึงที่9ซึ่งเป็นหลานของห.เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์สำหรับตึกพิพาทนอกจากจะปลูกอยู่บนที่ดินส่วนของจำเลยที่2ถึงที่9แล้วโจทก์ให้จำเลยที่10ดำเนินการโอนตึกแถวพิพาทให้จำเลยที่2ถึงที่9โดยโจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือไว้ในเอกสารหมายล.1โดยสมัครใจความว่าโจทก์ไม่ขอเกี่ยวข้องในสิทธิและตึกแถวพิพาทแต่อย่างใดจึงเป็นการสละเจตนาครอบครองตึกแถวพิพาทตั้งแต่วันทำเอกสารหมายล.1จำเลยที่2ถึงที่9โดยจำเลยที่1ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมได้ครอบครองตึกแถวพิพาทติดต่อกันมาโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของด้วยการทำสัญญาเช่าและเก็บค่าเช่านับแต่วันทำเอกสารหมายล.1ถึงวันฟ้องเป็นเวลากว่าสิบปีจำเลยที่2ถึงที่9จึงได้กรรมสิทธิ์โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างห.กับจำเลยที่2ถึงที่9.