พบผลลัพธ์ทั้งหมด 897 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีโดยสุจริตและการคืนทรัพย์ตามคำสั่งศาล
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาทจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทคดีถึงที่สุดไปแล้วจำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้นโดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไปดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความจำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้นทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลยภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้วแต่จำเลยไม่คืนให้มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริตและเจตนา การกระทำละเมิด ความเสียหายจากการไม่ได้ใช้ทรัพย์
การนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาถือเป็นการใช้สิทธิทางศาลจะเป็นการกระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ที่ยึดเมื่อเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตมีเจตนากลั่นแกล้งให้เจ้าของได้รับความเสียหาย อ. เช่าซื้อรถยนต์พิพาทไปจากโจทก์แล้วผิดสัญญาเช่าซื้อโจทก์จึงฟ้องอ. ให้คืนรถยนต์และใช้ค่าเสียหายปรากฏว่าระหว่างครอบครองและใช้รถยนต์อ. ได้นำรถไปจ้างจำเลยซ่อมแล้วไม่ชำระค่าซ่อมจำเลยจึงยึดหน่วงรถยนต์ดังกล่าวไว้และฟ้องเรียกค่าซ่อมรถและค่าดูแลรักษาจากอ. ศาลชั้นต้นพิพากษาให้อ. ชำระค่าซ่อมรถยนต์และค่าสินค้าแก่จำเลยกับให้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์พร้อมกับชำระค่าเสียหายเมื่ออ. ไม่ชำระค่าซ่อมรถยนต์ให้จำเลยๆได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์เพื่อขายทอดตลาดเมื่อวันที่8มีนาคม2521ต่อมาวันที่6กรกฎาคม2521โจทก์ได้ร้องขอให้ปล่อยรถยนต์ที่ยึดไว้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดเมื่อวันที่2พฤษภาคม2522คดีดังกล่าวถึงที่สุดโจทก์ไปขอรับรถยนต์คืนจากจำเลยเมื่อวันที่18ตุลาคม2522แต่จำเลยไม่ยอมคืนให้จนโจทก์ต้องร้องขอต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยมอบรถยนต์ให้โจทก์จำเลยจึงคืนรถยนต์ให้โจทก์เมื่อวันที่25ธันวาคม2522พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์โดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยจึงไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่นำยึดทรัพย์ในวันที่8มีนาคม2521แต่หลังจากศาลมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาทและโจทก์ขอรับรถยนต์คืนจากจำเลยแล้วการที่จำเลยไม่ยอมคืนให้ถือว่าไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลต่อไปจำเลยได้ชื่อว่ากระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่โจทก์ขอรับรถยนต์คืนจากจำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2690/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์โดยสุจริตและการปฏิบัติตามคำสั่งศาลถึงที่สุด แม้การยึดทรัพย์เริ่มแรกจะชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อศาลมีคำสั่งให้คืนทรัพย์ จำเลยต้องปฏิบัติตาม
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดรถยนต์พิพาทเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นการใช้สิทธิทางศาล จะเป็นการกระทำละเมิดต่อเมื่อกระทำโดยไม่สุจริต มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ปรากฏว่าจำเลยมีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์พิพาท จำเลยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์พิพาทโดยสุจริตมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยจึงหาได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ตั้งแต่วันที่นำยึดทรัพย์ไม่ แต่เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดรถยนต์คันพิพาท คดีถึงที่สุดไปแล้ว จำเลยต้องปฏิบัติตามคำสั่งอันถึงที่สุดแล้วนั้น โดยต้องคืนรถยนต์พิพาทให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าของไม่มีสิทธิยึดหน่วงรถยนต์คันพิพาทไว้อีกต่อไป ดังนี้คำพิพากษาอันถึงที่สุดแล้วย่อมผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความ จำเลยจะฎีกาโต้เถียงในคดีนี้ว่าตนยังมีสิทธิ์ยึดหน่วงอีกย่อมฟังไม่ขึ้น ทั้งการที่โจทก์ขอรับรถยนต์พิพาทคืนจากจำเลย ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการยึดแล้ว แต่จำเลยไม่คืนให้ มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลอีกต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากอุบัติเหตุรถเช่าซื้อ: ผู้ให้เช่าซื้อและผู้ร่วมรับขนไม่มีความรับผิดหากไม่ได้ครอบครอง/ควบคุมรถ
การเช่าซื้อนั้นกรรมสิทธิ์จะยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้ชำระค่าเช่าซื้อครบ และในระหว่างเช่าซื้อผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ทรัพย์สินที่เช่าซื้อฉะนั้น แม้จะเกิดเหตุผู้ให้เช่าซื้อมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุแต่ก็มิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถเพราะผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินอยู่ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าว
จำเลยที่ 2 นำรถคันเกิดเหตุมาวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 4 หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 4 จึงมิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวก่อนที่จะนำเข้ามาวิ่งร่วม
จำเลยที่ 2 นำรถคันเกิดเหตุมาวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 4 หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยที่ 4 จึงมิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวก่อนที่จะนำเข้ามาวิ่งร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในสัญญาเช่าซื้อและการรับผิดชอบความเสียหายจากรถยนต์ ผู้เช่าซื้อและผู้ไม่ครอบครองรถไม่ต้องรับผิด
การเช่าซื้อนั้นกรรมสิทธิ์จะยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้ชำระค่าเช่าซื้อครบและในระหว่างเช่าซื้อผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ทรัพย์สินที่เช่าซื้อฉะนั้นแม้จะเกิดเหตุผู้ให้เช่าซื้อมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุแต่ก็มิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถเพระาผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินอยู่ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าว จำเลยที่2นำรถคันเกิดเหตุมาวิ่งร่วมกับจำเลยที่4หลังเกิดเหตุแล้วจำเลยที่4จึงมิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถดังกล่าวในขณะเกิดเหตุจึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวก่อนที่จะนำเข้ามาวิ่งร่วม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2649/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ให้เช่าซื้อและผู้ร่วมเดินรถไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายจากอุบัติเหตุ เนื่องจากไม่ได้ครอบครองหรือควบคุมรถในขณะเกิดเหตุ
การเช่าซื้อนั้นกรรมสิทธิ์จะยังไม่โอนไปจนกว่าจะได้ชำระค่าเช่าซื้อครบ และในระหว่างเช่าซื้อผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ทรัพย์สินที่เช่าซื้อฉะนั้น แม้จะเกิดเหตุผู้ให้เช่าซื้อมีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุแต่ก็มิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถเพราะผู้เช่าซื้อเป็นผู้ครอบครองและใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินอยู่ผู้ให้เช่าซื้อจึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าว
จำเลยที่ 2 นำรถคันเกิดเหตุมาวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 4 หลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยที่ 4 จึงมิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวก่อนที่จะนำเข้ามาวิ่งร่วม
จำเลยที่ 2 นำรถคันเกิดเหตุมาวิ่งร่วมกับจำเลยที่ 4 หลังเกิดเหตุแล้ว จำเลยที่ 4 จึงมิได้เป็นผู้ครอบครองหรือควบคุมรถดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ จึงไม่ต้องรับผิดชอบเพื่อการเสียหายอันเกิดแต่รถคันดังกล่าวก่อนที่จะนำเข้ามาวิ่งร่วม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ได้รับอนุญาตพาออกไปพบคนอื่น แต่การพาเข้าโรงแรมม่านรูดถือเป็นเจตนาผิด
แม้ในตอนแรกนาง ส. มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ 12 ปีออกไปจากบ้าน แต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนาง ส. ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้น ทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนาน การที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพัง จะถือว่านาง ส. รู้เห็นยินยอมไม่ได้ โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราว เมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข 11 ทันที และกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไป แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่น การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน 13 ปี ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2628/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจาร แม้ได้รับอนุญาตจำกัด ย่อมไม่ถือว่าเป็นการยินยอม
แม้ในตอนแรกนางส.มารดาผู้เสียหายจะยินยอมอนุญาตให้จำเลยพาผู้เสียหายอายุ12ปีออกไปจากบ้านแต่ก็อนุญาตเพื่อให้ผู้เสียหายนำจำเลยไปพบกับสามีนางส.ที่แฮปปี้แลนด์เท่านั้นทั้งยังกำชับไม่ให้ไปนานการที่จำเลยพาผู้เสียหายเข้าไปในโรงแรมปี๊ปอินน์จึงเป็นเรื่องที่จำเลยทำไปเองตามลำพังจะถือว่านางส.รู้เห็นยินยอมไม่ได้โรงแรมปี๊ปอินน์เป็นโรงแรมม่านรูดเป็นที่รู้จักทั่วไปว่าจัดไว้เพื่อบริการชายหญิงไปหลับนอนชั่วคราวเมื่อไปถึงจำเลยลงจากรถเข้าไปในห้องหมายเลข11ทันทีและกวักมือเรียกให้ผู้เสียหายตามเข้าไปในห้องนั้นด้วยแต่ผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปแสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะหลับนอนกับผู้เสียหายเพื่อร่วมประเวณีหรือกระทำมิดีมิร้ายอย่างอื่นการกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการพรากผู้เยาว์อายุไม่เกิน13ปีไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน มิฉะนั้นศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน
คำร้องขอพิจารณาใหม่กล่าวแต่เหตุที่จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่จำเลยอาจชนะคดีได้คำของจำเลยไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา208วรรคท้ายศาลชอบที่จะยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2595/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุผลชัดเจนถึงข้อคัดค้านคำตัดสินและโอกาสชนะคดี
คำร้องขอพิจารณาใหม่กล่าวแต่เหตุที่จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อให้เห็นว่าหากมีการพิจารณาใหม่จำเลยเอาชนะคดีได้คำขอจำเลยไม่ชอบด้วยป.วิ.พ.มาตรา208วรรคท้ายศาลชอบที่จะยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)