พบผลลัพธ์ทั้งหมด 390 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3386/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทายาทผู้จัดการมรดกมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการคืนที่ดินให้เจ้าของเดิม
จำเลยเป็นบุตรและเป็นผู้จัดการดูแลเก็บผลประโยชน์จากอาคารตลาดซึ่งเป็นทรัพย์สินของเจ้ามรดก จึงอยู่ในฐานะเป็นทายาทผู้รับมรดกของเจ้ามรดกและเป็นผู้ได้เข้าไปจัดการมรดกด้วย จำเลยต้องรับทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดในกองมรดกของเจ้ามรดกนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1600 เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทที่ให้เจ้ามรดกอาศัยปลูกสร้างอาคารตลาดประสงค์จะเอาที่พิพาทของตนคืน ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตาม โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
กรณีดังกล่าวจะนำอายุความมรดก 1 ปีตามมาตรา 1754มาใช้บังคับหาได้ไม่เพราะมิใช่เรื่องฟ้องร้องเกี่ยวกับมรดก
กรณีดังกล่าวจะนำอายุความมรดก 1 ปีตามมาตรา 1754มาใช้บังคับหาได้ไม่เพราะมิใช่เรื่องฟ้องร้องเกี่ยวกับมรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3304/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: สิทธิระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
ข้อกล่าวหาที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้กับคดีสองสำนวนคดีก่อนเป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำความผิดของจำเลยอย่างเดียวกัน คือกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามบุกรุกรบกวนการครอบครองที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทรายเดียวกันวันเวลาที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดก็อยู่ในช่วงเดียวกันถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน คดีสองสำนวนก่อนศาลได้พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยวินิจฉัยว่าการกระทำไม่เป็นความผิด และคำพิพากษาดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้ว แม้โจทก์คดีนี้จะมิใช่เป็นคนเดียวกับโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 อีก แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 3 นั้น ไม่ปรากฏว่าได้ถูกฟ้องในคดีสองสำนวนก่อนด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3304/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: ศาลระงับฟ้องจำเลยที่ถูกพิพากษายกฟ้องแล้วในคดีเดิม แต่ยังฟ้องดำเนินคดีกับจำเลยที่ไม่ได้ถูกฟ้องในคดีเดิม
ข้อกล่าวหาที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้กับคดีสองสำนวนคดีก่อนเป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำความผิดของจำเลยอย่างเดียวกัน คือกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามบุกรุกรบกวนการครอบครองที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทรายเดียวกันวันเวลาที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดก็อยู่ในช่วงเดียวกันถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน คดีสองสำนวนก่อนศาลได้พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยวินิจฉัยว่าการกระทำไม่เป็นความผิด และคำพิพากษาดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้ว แม้โจทก์คดีนี้จะมิใช่เป็นคนเดียวกับโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่1 ที่ 2 ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 อีก แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 3 นั้น ไม่ปรากฏว่าได้ถูกฟ้องในคดีสองสำนวนก่อนด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การปฏิเสธฟ้องที่ไม่ชัดเจนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง ทำให้จำเลยไม่มีประเด็นสืบพยาน
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ คำให้การของจำเลยประกอบคำแถลงของจำเลยในวันชี้สองสถานมีข้อความว่า จำเลยขอปฏิเสธฟ้องโดยสิ้นเชิง เพราะสัญญาที่โจทก์ทำขึ้นเป็นการฉ้อฉล โดยโจทก์ใช้อุบายหลอกลวงให้จำเลยลงชื่อในสัญญากู้ และจำเลยไม่ได้รับเงินจากโจทก์เช่นนี้ การใช้อุบายหลอกลวงของโจทก์ก็มีความหมายเช่นเดียวกับการฉ้อฉลที่จำเลยอ้างว่าโจทก์กระทำขึ้นนั่นเอง ไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์กระทำการอย่างไรบ้าง อันจะแสดงว่าเป็นการฉ้อฉลหรือใช้อุบายหลอกลวงจำเลย และเป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้ จึงเป็นคำให้การปฏิเสธที่มิได้แสดงเหตุโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสองจำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบตามคำให้การ
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ว่าเหตุใดจึงจะไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้นั้น แต่เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ คดีก็ไม่จำเป็นต้องทำการสืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลย่อมมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ว่าเหตุใดจึงจะไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้นั้น แต่เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ คดีก็ไม่จำเป็นต้องทำการสืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลย่อมมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3283/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การให้การปฏิเสธฟ้องต้องชัดเจน เหตุแห่งการปฏิเสธต้องแสดงให้เห็นการกระทำที่เป็นเหตุให้ไม่ต้องรับผิดตามสัญญา
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญากู้ คำให้การของจำเลยประกอบคำแถลงของจำเลยในวันชี้สองสถานมีข้อความว่า จำเลยขอปฏิเสธฟ้องโดยสิ้นเชิง เพราะสัญญาที่โจทก์ทำขึ้นเป็นการฉ้อฉล โดยโจทก์ใช้อุบายหลอกลวงให้จำเลยลงชื่อในสัญญากู้ และจำเลยไม่ได้รับเงินจากโจทก์เช่นนี้ การใช้อุบายหลอกลวงของโจทก์ก็มีความหมายเช่นเดียวกับการฉ้อฉลที่จำเลยอ้างว่าโจทก์กระทำขึ้นนั่นเอง ไม่อาจทำให้เข้าใจได้ว่าโจทก์กระทำการอย่างไรบ้าง อันจะแสดงว่าเป็นการฉ้อฉลหรือใช้อุบายหลอกลวงจำเลย และเป็นเหตุให้จำเลยไม่ได้รับเงินไปตามสัญญากู้ จึงเป็นคำให้การปฏิเสธที่มิได้แสดงเหตุโดยชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสองจำเลยจึงไม่มีประเด็นจะนำสืบตามคำให้การ
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ว่าเหตุใดจึงจะไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้นั้น แต่เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ คดีก็ไม่จำเป็นต้องทำการสืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลย่อมมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินโจทก์ จำเลยย่อมมีภาระการพิสูจน์ว่าเหตุใดจึงจะไม่ต้องรับผิดตามสัญญากู้นั้น แต่เมื่อคำให้การของจำเลยไม่มีประเด็นที่จะนำสืบ คดีก็ไม่จำเป็นต้องทำการสืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลย่อมมีคำสั่งให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี