พบผลลัพธ์ทั้งหมด 413 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3025/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและทำพยานหลักฐานเท็จ: การแจ้งความโดยสุจริตและบันทึกข้อเท็จจริงย้อนหลังไม่ถือเป็นความผิด
ตามพฤติการณ์มีเหตุผลควรให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไป แต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไป แต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3025/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและทำบันทึกเท็จ: ความผิดเกิดขึ้นเมื่อปราศจากเจตนาเล็งผลร้ายและข้อเท็จจริงถูกต้อง
ตามพฤติการณ์มีเหตุผลควรให้จำเลยเข้าใจได้ว่าโจทก์เป็นคนร้ายที่ลักทรัพย์ของจำเลยไป การที่จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไปแต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านได้รับแจ้งจากจำเลยที่ 1 ว่าทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ถูกคนร้ายลักไปแต่ได้ทำบันทึกในวันหลังให้มีข้อความถูกต้องทุกประการและลงวันที่ย้อนหลังให้ถูกต้องตรงกับวันที่ที่มีการแจ้งความนั้น เป็นเพียงการทำบันทึกให้ตรงกับความเป็นจริงว่ามีการแจ้งความในวันใด ไม่เป็นการทำพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 179
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2897/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหลังพักงานและอนุมัติใบลาออกย้อนหลัง ศาลสั่งชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยตั้งกรรมการสอบสวนโจทก์ ระหว่างสอบสวนโจทก์ยื่นใบลาออกจำเลยยังไม่อนุญาตเพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จ หลังจากโจทก์ยื่นใบลาออก 5 เดือน จำเลยสั่งพักงานโจทก์และระงับการจ่ายเงินเดือนกับเงินอื่นใดของโจทก์ ต่อมาอีก 6 เดือน ก็ย้ายโจทก์ไปสำนักงานใหญ่ พฤติการณ์ดังนี้แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะให้โจทก์ลาออก หากแต่จะเอาตัวโจทก์ไว้สอบสวนหาความผิด ถ้าผิดก็จะลงโทษทางวินัย ใบลาออกของโจทก์จึงสิ้นผลโดยโจทก์ไม่จำต้องถอนใบลานั้น และเมื่อจำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ทางวินัยโดยตัดเงินเดือน 10% ของอัตราที่รอการพิจารณาไว้มีกำหนด 6 เดือน และในคำสั่งฉบับเดียวกันยังอนุญาตให้โจทก์ลาออกนับแต่วันที่จำเลยเริ่มตัดเงินเดือนโจทก์ คำสั่งนี้จึงขัดแย้งกันอยู่ในตัวเพราะหากโจทก์พ้นจากการเป็นลูกจ้างไปแล้วจำเลยจะลงโทษโจทก์ได้อย่างไร ดังนี้ การที่จำเลยมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ลาออกย้อนไปถึงวันพักงานจึงเป็นการเลิกจ้างโจทก์ในวันที่จำเลยมีคำสั่งนั่นเอง เมื่อความผิดของโจทก์มีเพียงถูกตัดเงินเดือน 10% จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้ และจำเลยต้องจ่ายเงินประเภทต่าง ๆ ระหว่างที่โจทก์ถูกพักงานจนถึงเลิกจ้างด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2897/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหลังพักงานและอนุมัติใบลาออกย้อนหลัง ศาลมีอำนาจสั่งชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยตั้งกรรมการสอบสวนโจทก์ ระหว่างสอบสวนโจทก์ยื่นใบลาออกจำเลยยังไม่อนุญาตเพราะการสอบสวนยังไม่เสร็จ หลังจากโจทก์ยื่นใบลาออก 5 เดือนจำเลยสั่งพักงานโจทก์และระงับการจ่ายเงินเดือนกับเงินอื่นใดของโจทก์ ต่อมาอีก 6 เดือนก็ย้ายโจทก์ไปสำนักงานใหญ่ พฤติการณ์ดังนี้แสดงว่าจำเลยไม่ประสงค์จะให้โจทก์ลาออก หากแต่จะเอาตัวโจทก์ไว้สอบสวนหาความผิด ถ้าผิดก็จะลงโทษทางวินัย ใบลาออกของโจทก์จึงสิ้นผลโดยโจทก์ไม่จำต้องถอนใบลานั้น และเมื่อจำเลยมีคำสั่งลงโทษโจทก์ทางวินัยโดยตัดเงินเดือน 10% ของอัตราที่รอการพิจารณาไว้มีกำหนด 6 เดือน และในคำสั่งฉบับเดียวกันยังอนุญาตให้โจทก์ลาออกนับแต่วันที่จำเลยเริ่มตัดเงินเดือนโจทก์ คำสั่งนี้จึงขัดแย้งกันอยู่ในตัวเพราะหากโจทก์พ้นจากการเป็นลูกจ้างไปแล้วจำเลยจะลงโทษโจทก์ได้อย่างไร ดังนี้ การที่จำเลยมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ลาออกย้อนไปถึงวันพักงานจึงเป็นการเลิกจ้างโจทก์ในวันที่จำเลยมีคำสั่งนั่นเอง เมื่อความผิดของโจทก์มีเพียงถูกตัดเงินเดือน 10% จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ศาลมีอำนาจสั่งให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้ และจำเลยต้องจ่ายเงินประเภทต่างๆ ระหว่างที่โจทก์ถูกพักงานจนถึงเลิกจ้างด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายจ้างโยกย้ายลูกจ้างภายในบริษัท และการเลิกจ้างอันชอบธรรมจากการฝ่าฝืนคำสั่ง
การที่ลูกจ้างแจ้งความชำนาญหรือความถนัดของตนในการสมัครงานและนายจ้างมีคำสั่งรับเข้าทำงานในแผนกใดแล้ว ไม่เป็นการผูกพันนายจ้างที่จะต้องให้ลูกจ้างทำงานในแผนกนั้นตลอดไปหากต่อมามีความจำเป็น มีความเหมาะสม นายจ้างมีอำนาจย้ายลูกจ้างไปทำงานในแผนกอื่นในบริษัทเดียวกันโดยลูกจ้างคงได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมได้
โจทก์ไม่สามารถเข้ากันได้กับผู้บังคับบัญชา จำเลยผู้เป็นนายจ้างมีอำนาจย้ายโจทก์ไปทำงานในแผนกใหม่เพื่อความเหมาะสมได้ และโจทก์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ยอมลงชื่อทราบคำสั่ง ไม่ไปรายงานตัวเพื่อทำงานในแผนกใหม่ และจำเลยได้ออกคำเตือนเป็นหนังสือมากกว่า 3 ครั้งแล้วจำเลยจึงมีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย การเลิกจ้างดังกล่าวไม่ใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและจำเลยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
โจทก์ไม่สามารถเข้ากันได้กับผู้บังคับบัญชา จำเลยผู้เป็นนายจ้างมีอำนาจย้ายโจทก์ไปทำงานในแผนกใหม่เพื่อความเหมาะสมได้ และโจทก์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ยอมลงชื่อทราบคำสั่ง ไม่ไปรายงานตัวเพื่อทำงานในแผนกใหม่ และจำเลยได้ออกคำเตือนเป็นหนังสือมากกว่า 3 ครั้งแล้วจำเลยจึงมีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย การเลิกจ้างดังกล่าวไม่ใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและจำเลยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2859/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายจ้างในการย้ายลูกจ้างและการเลิกจ้างโดยชอบธรรมเมื่อลูกจ้างไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง
การที่ลูกจ้างแจ้งความชำนาญหรือความถนัดของตนในการสมัครงานและนายจ้างมีคำสั่งรับเข้าทำงานในแผนกใดแล้ว ไม่เป็นการผูกพันนายจ้างที่จะต้องให้ลูกจ้างทำงานในแผนกนั้นตลอดไป หากต่อมามีความจำเป็น มีความเหมาะสม นายจ้างมีอำนาจย้ายลูกจ้างไปทำงานในแผนกอื่นในบริษัทเดียวกันโดยลูกจ้างคงได้รับค่าจ้างไม่ต่ำกว่าเดิมได้
โจทก์ไม่สามารถเข้ากันได้กับผู้บังคับบัญชา จำเลยผู้เป็นนายจ้างมีอำนาจย้ายโจทก์ไปทำงานในแผนกใหม่เพื่อความเหมาะสมได้ และโจทก์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ยอมลงชื่อทราบคำสั่ง ไม่ไปรายงานตัวเพื่อทำงานในแผนกใหม่ และจำเลยได้ออกคำเตือนเป็นหนังสือมากกว่า 3 ครั้งแล้ว จำเลยจึงมีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย การเลิกจ้างดังกล่าวไม่ใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและจำเลยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
โจทก์ไม่สามารถเข้ากันได้กับผู้บังคับบัญชา จำเลยผู้เป็นนายจ้างมีอำนาจย้ายโจทก์ไปทำงานในแผนกใหม่เพื่อความเหมาะสมได้ และโจทก์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามเพราะเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่โจทก์ฝ่าฝืนคำสั่งโดยไม่ยอมลงชื่อทราบคำสั่ง ไม่ไปรายงานตัวเพื่อทำงานในแผนกใหม่ และจำเลยได้ออกคำเตือนเป็นหนังสือมากกว่า 3 ครั้งแล้ว จำเลยจึงมีอำนาจเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย การเลิกจ้างดังกล่าวไม่ใช่การเลิกจ้างไม่เป็นธรรมและจำเลยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ อายุความสะดุดหยุด และการหักหนี้ระหว่างโจทก์จำเลย
จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์และค้างชำระราคาอยู่ ต่อมาจำเลยมีหนังสือไปถึงโจทก์มีข้อความว่า "การเก็บบัญชีที่ค้างนั้นมีปัญหาเรื่องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศล่าช้ามากทำให้ทางห้างฯ ต้องถูกปรับและเสียหาย กรรมการของห้างฯ ได้ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากำลังพิจารณาอยู่ ได้ผลประการใดจะเรียนให้ทราบต่อไป" หนังสือฉบับนี้เป็นการยอมรับว่าเป็นหนี้อยู่จริง มีข้อโต้เถียงเฉพาะการติดตั้งล่าช้าเท่านั้นไม่มีข้อโต้แย้งว่าไม่เป็นหนี้ หรือมีสิทธิไม่ต้องชำระหนี้ หนังสือนี้จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 293-294/2511)
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญาจำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5 รายการเป็นเงิน 91,310 บาทเฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903 บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่น ๆ ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญาจำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5 รายการเป็นเงิน 91,310 บาทเฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903 บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่น ๆ ที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ทำให้ขาดอายุความ และศาลหักหนี้ระหว่างโจทก์-จำเลยตามสัญญา
จำเลยซื้อเครื่องปรับอากาศไปจากโจทก์และค้างชำระราคาอยู่ ต่อมาจำเลยมีหนังสือไปถึงโจทก์มีข้อความว่า "การเก็บบัญชีที่ค้างนั้นมีปัญหาเรื่องการติดตั้งเครื่องปรับอากาศล่าช้ามาก ทำให้ทางห้างฯ ต้องถูกปรับและเสียหาย กรรมการของห้างฯ ได้ส่งเรื่องให้ที่ปรึกษากำลังพิจารณาอยู่ ได้ผลประการใดจะเรียนให้ทราบต่อไป" หนังสือฉบับนี้เป็นการยอมรับว่าเป็นหนี้อยู่จริง มีข้อโต้เถียงเฉพาะการติดตั้งล่าช้าเท่านั้น ไม่มีข้อโต้แย้งว่าไม่เป็นหนี้ หรือมีสิทธิไม่ต้องชำระหนี้หนังสือนี้จึงเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ ทำให้อายุความสะดุดหยุดลง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 293-294/2511)
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญา จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5รายการเป็นเงิน 91,310 บาท เฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่นๆที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
โจทก์ติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้จำเลยล่าช้าอันเป็นการผิดสัญญา จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ 5รายการเป็นเงิน 91,310 บาท เฉพาะรายการที่ถูกปรับ 28,000 บาท การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย เฉพาะที่จำเลยถูกปรับเพียงรายการเดียวเป็นเงิน 51,903บาท โดยนำคำขอในส่วนอื่นๆที่ศาลได้พิพากษายกฟ้องมาให้แทนในส่วนนี้ ย่อมเป็นการเกินคำขอของจำเลย
เมื่อจำเลยต้องชำระราคาเครื่องปรับอากาศพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ส่วนโจทก์ต้องชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่จำเลย เพื่อความสะดวกในการบังคับตามคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงให้หักหนี้กันเสียโดยให้มีผลนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่ได้จดทะเบียน ผลบังคับใช้ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และการต่อสัญญาโดยปริยาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าตึกพิพาทลงวันเดียวกัน 4 ฉบับมีกำหนด 10 ปี สามฉบับแรกมีกำหนดเวลาเช่าฉบับละ 3 ปี ฉบับสุดท้ายมีกำหนดเวลาเช่า 1 ปี โดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงมีผลบังคับเพียง 3 ปี ตามสัญญาเช่าฉบับแรกเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 เมื่อสัญญาเช่าฉบับแรกสิ้นกำหนดแล้ว การที่จำเลยยังอยู่ในตึกพิพาทและโจทก์ไม่ทักท้วงถือว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา ตามมาตรา 570 เมื่อโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว สัญญาเช่าเป็นอันระงับตามมาตรา 566 จำเลยต้องออกจากตึกพิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2655/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าไม่จดทะเบียน สิทธิการเช่าสิ้นสุดเมื่อครบกำหนด การไม่ทักท้วงถือเป็นการทำสัญญาใหม่ไม่มีกำหนดเวลา
โจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าตึกพิพาทลงวันเดียวกัน 4 ฉบับมีกำหนด 10 ปี สามฉบับแรกมีกำหนดเวลาเช่าฉบับละ 3ปี ฉบับสุดท้ายมีกำหนดเวลาเช่า 1 ปี โดยมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงมีผลบังคับเพียง 3ปีตามสัญญาเช่าฉบับแรกเท่านั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 เมื่อสัญญาเช่าฉบับแรกสิ้นกำหนดแล้ว การที่จำเลยยังอยู่ในตึกพิพาทและโจทก์ไม่ทักท้วงถือว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลา ตามมาตรา 570 เมื่อโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าให้จำเลยทราบโดยชอบแล้ว สัญญาเช่าเป็นอันระงับตามมาตรา 566 จำเลยต้องออกจากตึกพิพาท