พบผลลัพธ์ทั้งหมด 413 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2601/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความสิทธิเรียกร้องค่าสินค้าวัตถุดิบในอุตสาหกรรม: กรณีหิน ดิน ทราย มีอายุความ 5 ปี
บริษัท ท. มีวัตถุประสงค์ขายวัตถุดิบจำพวก หิน ดินและทรายที่นำไปใช้ในกิจการอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องดินเผา ส่วนบริษัทจำเลยประกอบกิจการผลิตกระเบื้องเคลือบและกระเบื้องดินเผา หนี้ค่าสินค้าที่บริษัทท. ขายให้แก่บริษัทจำเลยซึ่งโจทก์ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมา คือ หิน ดิน และทรายที่บริษัทจำเลยนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของบริษัทจำเลยเอง ดังนั้น สิทธิเรียกร้องในค่าสินค้าดังกล่าวจึงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับการรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิด: สัญญาประกันชีวิตไม่มีสิทธิรับช่วง
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตเป็นสัญญาประกันชีวิตอย่างหนึ่ง เพราะอาศัยความมรณะของบุคคลเป็นเงื่อนไขแห่งการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจ่ายเงินให้แก่บุคคล ซึ่งมีสิทธิตามสัญญานี้ไปจึงไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิบุคคลดังกล่าวฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2572/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับการรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำละเมิด
สัญญาประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตเป็นสัญญาประกันชีวิตอย่างหนึ่งเพราะอาศัยความมรณะของบุคคลเป็นเงื่อนไขแห่งการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 ดังนั้นการที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลจ่ายเงินให้แก่บุคคลซึ่งมีสิทธิตามสัญญานี้ไปจึงไม่อาจเข้ารับช่วงสิทธิบุคคลดังกล่าวฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเหมาที่ขัดแย้งกับประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน ทำให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา
จำเลยให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำทำงานนอกเวลาทำงานตามปกติโดยทำสัญญาว่า การรับจ้างทำงานของโจทก์เป็นการทำงานที่มีลักษณะจ้างเหมา โดยมีค่าจ้างตามอัตราเงินเดือนแต่ไม่มีค่าจ้างทำงานล่วงเวลา ดังนี้ สัญญาดังกล่าวไม่มีผลบังคับ เพราะขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 34ซึ่งมีสภาพบังคับเป็นกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าทำงานล่วงเวลาให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเหมาขัดแย้งประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงาน สิทธิค่าล่วงเวลา
จำเลยให้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างประจำทำงานนอกเวลาทำงานตามปกติโดยทำสัญญาว่า การรับจ้างทำงานของโจทก์เป็นการทำงานที่มีลักษณะจ้างเหมา โดยมีค่าจ้างตามอัตราเงินเดือนแต่ไม่มีค่าจ้างทำงานล่วงเวลา ดังนี้ สัญญาดังกล่าวไม่มีผลบังคับ เพราะขัดต่อประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 ข้อ 34 ซึ่งมีสภาพบังคับเป็นกฎหมาย จำเลยจึงต้องจ่ายค่าทำงานล่วงเวลาให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2519/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำคดีแรงงาน: การเรียกร้องเงินบำเหน็จหลังศาลตัดสินค่าชดเชย ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จ และดอกเบี้ย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน ส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าบำเหน็จ ดังนี้ โจทก์มิได้ฟ้องคดีนี้โดยอาศัยเหตุและมิได้มีคำขอบังคับจำเลยเป็นอย่างเดียวกับคดีก่อนทั้งโจทก์ฟ้องคดีก่อนก็เพียงขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงาน โจทก์จึงไม่อาจมีคำขอให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จด้วยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
ส่วนปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จและดอกเบี้ยจากจำเลยหรือไม่นั้น เมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
ส่วนปัญหาที่ว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จและดอกเบี้ยจากจำเลยหรือไม่นั้น เมื่อศาลแรงงานกลางยังมิได้วินิจฉัยศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยไปโดยไม่ต้องย้อนสำนวน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2505/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยจ้างวาน ไตร่ตรองไว้ก่อน จากความขัดแย้งกับกำนันผู้มีอิทธิพล
ผู้ตายเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เป็นคนดีเป็นที่รักใคร่ของประชาชนเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับ ก. กำนันที่มีอิทธิพลหลายเรื่อง เมื่อรถยนต์สองแถวที่ผู้ตายนั่งมาหยุด จำเลยกับพวกที่สะกดรอยมาก็หยุดรถจักรยานยนต์ด้วย พวกจำเลยเข้าไปยิงผู้ตายทางด้านหลังแล้วจำเลยเข้าไปยิงทางด้านหลังซ้ำอีกโดยมิได้พูดจากับผู้ตายเลย ไม่ปรากฏว่าจำเลยและพวกกับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน ดังนี้ จึงเชื่อว่า ถูกจ้างวานใช้จากผู้อื่นให้มาฆ่าผู้ตายเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2495/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินจากการมอบเป็นประกันหนี้: การบุกรุกถือเป็นการละเมิด
การที่ ส.มอบที่พิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกันเงินกู้และให้ทำกินต่างดอกเบี้ยนั้น โจทก์ย่อมมีสิทธิครอบครองที่พิพาทจนกว่าจะได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามสัญญาเมื่อจำเลยบุกรุกเข้าไปทำนาในที่พิพาทจึงเป็นการละเมิดสิทธิครอบครองของโจทก์ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานกลางในคดีบำเหน็จ และการหักเงินค่าเสียหายที่ไม่แน่นอน
คดีที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ลาออก จำเลยจะต้องจ่ายบำเหน็จให้โจทก์ตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยบำเหน็จผู้ปฏิบัติงานฯ แต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้นั้น เมื่อข้อบังคับของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โจทก์มีอำนาจฟ้องต่อ ศาลแรงงานกลางได้
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานกลางในคดีบำเหน็จ และการหักค่าเสียหายที่ไม่ยุติ
คดีที่โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ลาออก จำเลยจะต้องจ่ายบำเหน็จให้โจทก์.ตามข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยบำเหน็จผู้ปฏิบัติงานฯแต่จำเลยไม่ยอมจ่ายให้นั้น เมื่อข้อบังคับของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯฟ้องของโจทก์จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหน้าที่ตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โจทก์มีอำนาจฟ้องต่อ ศาลแรงงานกลางได้
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่
เมื่อคดีที่จำเลยกล่าวหาว่าโจทก์ประมาทเลินเล่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ข้อที่ว่าโจทก์ก่อให้เกิดความเสียหายแก่จำเลยหรือไม่และค่าเสียหายมีจำนวนเท่าใดยังไม่ยุติ ค่าเสียหายจึงไม่แน่นอน จำเลยจะนำเอาค่าเสียหายดังกล่าวมาหักจากเงินบำเหน็จของโจทก์หาได้ไม่