คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุรัช รัตนอุดม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 413 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2230/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินพิพาท การรังวัดออก น.ส.3 ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง หากยังไม่ได้เข้าครอบครอง
การที่จำเลยนำเจ้าพนักงานไปทำการรังวัดปักเขตเพื่อออกน.ส. 3 และต่อมาทางการได้ออก น.ส. 3 ให้จำเลย เมื่อจำเลยยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาท ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองที่พิพาทจากโจทก์และแม้การรังวัดและออก น.ส. 3 นั้นจะเกิน 1 ปี โจทก์ก็ยังไม่หมดสิทธิฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมโมฆะจากพยานไม่ตรงตามกฎหมาย ศาลฎีกายกประเด็นวินิจฉัยเองได้
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ไม่ได้ทำต่อหน้าพยาน 2 คน เป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1658 และย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1705 ปัญหาที่ว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น เมื่อปรากฏต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2213/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โมฆะภาพพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ไม่ทำตามรูปแบบกฎหมาย และอำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยปัญหาความสงบเรียบร้อย
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่ไม่ได้ทำต่อหน้าพยาน 2 คนเป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1658 และย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1705 ปัญหาที่ว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น เมื่อปรากฏต่อศาลฎีกาศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องกรณีเช็ค: ศาลอนุญาตได้หากเป็นการขยายข้อเท็จจริงเดิมและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามเช็คสองฉบับโดยเช็คฉบับแรกห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวลงชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ส่วนเช็คฉบับที่สองจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย คำฟ้องดังกล่าวโจทก์นำสืบได้อยู่แล้วว่า จำเลยที่ 1 ได้เชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการใด ๆ แทนห้างจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีอำนาจเช่นนั้น ดังนั้นการที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า แม้ห้างจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการไว้มิให้หุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจกระทำการโดยลำพังได้ก็ตามแต่ในทางปฏิบัติห้างจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2เป็นผู้ทำการแทนห้างแต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์และบุคคลภายนอกหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนห้างจำเลยที่ 1 ได้ จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และเป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลชอบที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขเพิ่มเติมฟ้อง: การเชิดอำนาจตัวแทนทำให้เชื่อว่ามีอำนาจกระทำการแทน และไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ตามเช็คสองฉบับโดยเช็คฉบับแรกห้างจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการและในฐานะส่วนตัวลงชื่อสั่งจ่ายและประทับตราของห้างจำเลยที่ 1 ส่วนเช็คฉบับที่สองจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย คำฟ้องดังกล่าวโจทก์นำสืบได้อยู่แล้วว่า จำเลยที่ 1 ได้เชิดให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการใด ๆ แทนห้างจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์หลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2มีอำนาจเช่นนั้น ดังนั้นการที่โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า แม้ห้างจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนจำกัดอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการไว้มิให้หุ้นส่วนผู้จัดการมีอำนาจกระทำการโดยลำพังได้ก็ตามแต่ในทางปฏิบัติห้างจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำการแทนห้างแต่ผู้เดียวตลอดมา เป็นเหตุให้โจทก์และบุคคลภายนอกหลงเชื่อว่าจำเลยที่ 2 แต่ผู้เดียวมีอำนาจกระทำการแทนห้างจำเลยที่ 1 ได้ จึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และเป็นการเพิ่มเติมฟ้องเดิมให้บริบูรณ์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ศาลชอบที่จะอนุญาตให้โจทก์แก้ไขเพิ่มเติมคำฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2146/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉ้อโกงหลายกรรมต่างกัน แม้ออกเช็คชำระราคารวม แต่การส่งมอบสินค้าแต่ละครั้งถือเป็นความผิดสำเร็จ
สิทธิฎีกาของคู่ความนั้นจะต้องพิจารณาเป็นกระทงความผิดไปศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยฐานฉ้อโกงกระทงละ 2 ปีรวม 3 กระทง เป็น 6 ปี และจำคุกฐานใช้เอกสารปลอมอีกกระทงหนึ่งมีกำหนด 3 ปี รวม 9 ปี ดังนี้ จำเลยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
การที่จำเลยหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งสินค้าให้ 3 ครั้งและออกเช็คปลอมชำระราคาให้ในคราวเดียวการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสำเร็จทุกครั้งที่ผู้เสียหายส่งมอบสินค้าให้การกระทำของจำเลย จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเลื่อนตำแหน่งขัดต่อระเบียบและข้อตกลงสภาพการจ้างตามกฎหมายแรงงาน
การบรรจุ แต่งตั้งและการเลื่อนตำแหน่งพนักงานรัฐวิสาหกิจ ย่อมมุ่งหมายให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่แน่นอนชัดเจนเมื่อข้อบังคับการสื่อสารแห่งประเทศไทยกำหนดให้การขึ้นบัญชีและการยกเลิกบัญชีผู้สอบคัดเลือกเป็นไปตามที่ผู้ว่าการกำหนด และผู้ว่าการได้วางระเบียบไว้แล้วว่าบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้ให้ใช้ได้จนกว่าจะมีการสอบคัดเลือกใหม่และประกาศผลแล้ว ดังนั้น การยกเลิกบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้ทุกคราวต้องเป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ ย่อมไม่ใช่ความมุ่งหมายของข้อบังคับและระเบียบดังกล่าวที่จะให้ผู้ว่าการมากำหนดวิธียกเลิกบัญชีเฉพาะการสอบคราวใดคราวหนึ่งให้ผิดแผกไปจากระเบียบที่วางไว้และยังใช้บังคับอยู่ ฉะนั้นผู้ว่าการจึงไม่มีอำนาจที่จะกำหนดว่าบัญชีผลการสอบคัดเลือกครั้งพิพาทใช้ได้มีกำหนด 2 ปีนับแต่วันประกาศผลการสอบคัดเลือก
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ และข้อบังคับที่เกิดขึ้นจากการแจ้งข้อเรียกร้องต่างก็เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา 20 แห่งกฎหมายดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานที่มีอยู่เดิมย่อมเป็นการทำสัญญาจ้างแรงงานตามบทบัญญัตินี้ด้วย เมื่อความผูกพันตามสัญญาจ้างแรงงานที่มีอยู่เดิมผลการสอบคัดเลือกให้ใช้ได้จนกว่าจะมีการสอบใหม่และประกาศผลแล้ว แต่ข้อกำหนดที่ออกภายหลังตามประกาศผลการสอบคัดเลือกครั้งพิพาทระบุว่าผลการสอบใช้ได้เพียง2 ปีจึงไม่เป็นคุณแก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้าง เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 20 จึงใช้บังคับไม่ได้ชอบที่ศาลจะเพิกถอนเสียตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการเลื่อนตำแหน่งขัดต่อระเบียบและ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
การบรรจุ แต่งตั้งและการเลื่อนตำแหน่งพนักงานรัฐวิสาหกิจย่อมมุ่งหมายให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่แน่นอนชัดเจนเมื่อข้อบังคับการสื่อสารแห่งประเทศไทยกำหนดให้การขึ้นบัญชีและการยกเลิกบัญชีผู้สอบคัดเลือกเป็นไปตามที่ผู้ว่าการกำหนดและผู้ว่าการได้วางระเบียบไว้แล้วว่าบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้ให้ใช้ได้จนกว่าจะมีการสอบคัดเลือกใหม่และประกาศผลแล้วดังนั้น การยกเลิกบัญชีผู้สอบคัดเลือกได้ทุกคราวต้องเป็นไปตามระเบียบที่วางไว้ ย่อมไม่ใช่ความมุ่งหมายของข้อบังคับและระเบียบดังกล่าวที่จะให้ผู้ว่าการมากำหนดวิธียกเลิกบัญชีเฉพาะการสอบคราวใดคราวหนึ่งให้ผิดแผกไปจากระเบียบที่วางไว้และยังใช้บังคับอยู่ฉะนั้นผู้ว่าการจึงไม่มีอำนาจที่จะกำหนดว่าบัญชีผลการสอบคัดเลือกครั้งพิพาทใช้ได้มีกำหนด 2 ปีนับแต่วันประกาศผลการสอบคัดเลือก
ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ และข้อบังคับที่เกิดขึ้นจากการแจ้งข้อเรียกร้องต่างก็เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างตามมาตรา 20 แห่งกฎหมายดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงสิทธิหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานที่มีอยู่เดิมย่อมเป็นการทำสัญญาจ้างแรงงานตามบทบัญญัตินี้ด้วย เมื่อความผูกพันตามสัญญาจ้างแรงงานที่มีอยู่เดิมผลการสอบคัดเลือกให้ใช้ได้จนกว่าจะมีการสอบใหม่และประกาศผลแล้ว แต่ข้อกำหนดที่ออกภายหลังตามประกาศผลการสอบคัดเลือกครั้งพิพาทระบุว่าผลการสอบใช้ได้เพียง2 ปีจึงไม่เป็นคุณแก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 20 จึงใช้บังคับไม่ได้ชอบที่ศาลจะเพิกถอนเสียตามที่โจทก์ขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้สมัครเลือกตั้งกำนันถูกโต้แย้ง & การเลือกตั้งใหม่เมื่อบัตรเกินจำนวนผู้ใช้สิทธิ
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 มาตรา 30มิได้กำหนดให้การเลือกตั้งกำนันเป็นอำนาจสิทธิขาดของนายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อการเลือกตั้งมิได้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วยผู้หนึ่งถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายแพ่งผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะใช้สิทธิทางศาลร้องขอให้สั่งว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการมิชอบ และขอให้ศาลสั่งให้จัดให้มีการเลือกตั้งกำนันใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการเลือกตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้านพ.ศ. 2515 ข้อ 17 กำหนดไว้ว่า บัตรเลือกตั้งซึ่งมิใช่ คณะกรรมการเลือกตั้งจัดทำขึ้นให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย จึงมีความหมายรวมถึงบัตรปลอมด้วย และถือได้ว่าบัตรปลอมเป็นบัตรเลือกตั้งฉะนั้นเมื่อการตรวจนับคะแนนปรากฏว่ามีบัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งแม้จะมีบัตรปลอมรวมอยู่ด้วย คณะกรรมการเลือกตั้งก็ต้องจัดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ทันทีตามข้อ 16 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2053/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้สมัครเลือกตั้งกำนัน ร้องคัดค้านการเลือกตั้งที่ไม่ชอบตามระเบียบ
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พุทธศักราช 2457 มาตรา 30 มิได้กำหนดให้การเลือกตั้งกำนันเป็นอำนาจสิทธิขาดของนายอำเภอหรือผู้ว่าราชการจังหวัดโดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อการเลือกตั้งมิได้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ซึ่งจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ จึงเป็นกรณีที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วยผู้หนึ่งถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายแพ่งผู้ร้องจึงมีสิทธิที่จะใช้สิทธิทางศาลร้องขอให้สั่งว่าการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นการมิชอบ และขอให้ศาลสั่งให้จัดให้มีการเลือกตั้งกำนันใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการเลือกตั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน พ.ศ. 2515 ข้อ 17 กำหนดไว้ว่า บัตรเลือกตั้งซึ่งมิใช่ คณะกรรมการเลือกตั้งจัดทำขึ้นให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย จึงมีความหมายรวมถึงบัตรปลอมด้วย และถือได้ว่าบัตรปลอมเป็นบัตรเลือกตั้งฉะนั้นเมื่อการตรวจนับคะแนนปรากฏว่ามีบัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งแม้จะมีบัตรปลอมรวมอยู่ด้วย คณะกรรมการเลือกตั้งก็ต้องจัดให้มีการลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ทันทีตามข้อ 16 แห่งระเบียบกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว
of 42