พบผลลัพธ์ทั้งหมด 413 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1395/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่า ศาลไม่รับพิจารณา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้าน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินที่เช่าจากโจทก์เพราะครบกำหนดสัญญาเช่าและโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าได้ทำสัญญาเช่ากับโจทก์และสัญญาเช่าสิ้นสุดลงแล้วโจทก์ได้แจ้งแก่จำเลยว่าจะให้จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมเป็นผู้เช่าต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ของโจทก์กระทำการโดยทุจริตนำที่พิพาทไปให้บุคคลภายนอกเช่าแล้วมาฟ้องขับไล่จำเลยโดยไม่เป็นธรรมฝ่าฝืนคำสั่งของคณะรัฐมนตรีและคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อจำเลยทำให้จำเลยได้รับความเสียหายจำเลยจึงขอคิดค่าเสียหายจากโจทก์ ดังนี้ แม้ข้ออ้างของจำเลยจะเป็นความจริงก็เป็นเรื่องละเมิดไม่เกี่ยวกับการผิดสัญญาเช่าตามที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง แม้ข้อบังคับนายจ้างระบุไม่ใช่
การที่ข้อบังคับของนายจ้างระบุว่า พนักงานที่ทำงานณโรงกลั่นฯศรีราชา มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดเป็นรายเดือน 15% ของเงินเดือนถ้าย้ายเข้ากรุงเทพฯไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงนี้นั้นเมื่อเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวนายจ้างจ่ายแก่พนักงานทุกคนที่ทำงาน ณ โรงกลั่นฯศรีราชาเป็นอัตราแน่นอนทุกเดือนไม่ใช่จ่ายให้เฉพาะพนักงานที่ออกไปทำงานนอกสถานที่เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งเป็นครั้งคราวเบี้ยเลี้ยงนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง แม้ข้อบังคับนายจ้างระบุไม่ใช่ค่าจ้าง
การที่ข้อบังคับของนายจ้างระบุว่า พนักงานที่ทำงานณโรงกลั่น ฯ ศรีราชา มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงต่างจังหวัดเป็นรายเดือน 15% ของเงินเดือน ถ้าย้ายเข้ากรุงเทพ ฯ ไม่มีสิทธิได้รับเบี้ยเลี้ยงนี้นั้น เมื่อเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวนายจ้างจ่ายแก่พนักงานทุกคนที่ทำงาน ณ โรงกลั่น ฯ ศรีราชาเป็นอัตราแน่นอนทุกเดือน ไม่ใช่จ่ายให้เฉพาะพนักงานที่ออกไปทำงานนอกสถานที่เมื่อผู้บังคับบัญชาสั่งเป็นครั้งคราว เบี้ยเลี้ยงนี้จึงเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเช็ค: การต่อสู้ว่าโจทก์ฉ้อฉลจำเลยมีผลให้ถือว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่ชอบ
คำให้การของจำเลยมีความว่า จำเลยไม่เคยรู้จักไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ไม่เคยมีมูลหนี้กับโจทก์และนางสาวศิริพรการซื้อขายแหวนเพชรระหว่างโจทก์กับนางสาวศิริพรเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้นฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริงโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและใช้สิทธิไม่สุจริตพอถือได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์คบคิดกับนางสาวศิริพรฉ้อฉลจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเช็ค: การต่อสู้ว่าโจทก์ร่วมฉ้อฉลจำเลยและผลต่อการเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
คำให้การของจำเลยมีความว่า จำเลยไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ไม่เคยมีมูลหนี้กับโจทก์และนางสาวศิริพร การซื้อขายแหวนเพชรระหว่างโจทก์กับนางสาวศิริพรเป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น ฟ้องของโจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและใช้สิทธิไม่สุจริต พอถือได้ว่าจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์คบคิดกับนางสาวศิริพรฉ้อฉลจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและมูลนิธิ, การควบคุมทรัพย์สิน, และการขอคุ้มครองชั่วคราว
เหตุที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 1 ขีดชื่อสมาคมซึ่งโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลออกจากทะเบียนสมาคมและจำเลยที่1กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายอำเภอได้เข้าควบคุมกิจการและทรัพย์สินของสมาคมและมูลนิธิก็เพราะสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติฯเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมและมูลนิธินี้เนื่องจากร่วมกันกระทำการเป็นไปในทางนำความเสื่อมเสียมาสู่วัฒนธรรมของชาติและร่วมกันกระทำการอันอาจเป็นภัยกับความมั่นคงของชาติฯลฯพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนดังนั้น เมื่อคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์มีวัตถุประสงค์ที่จะให้มูลนิธิและสมาคมได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไปจึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาคุ้มครองให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนใบอนุญาตสมาคมและมูลนิธิกรณีขัดต่อความมั่นคงและวัฒนธรรมของชาติ และคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว
เหตุที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจำเลยที่ 1 ขีดชื่อสมาคมซึ่งโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลออกจากทะเบียนสมาคม และจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนายอำเภอได้เข้าควบคุมกิจการและทรัพย์สินของสมาคมและมูลนิธิก็ เพราะสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ ฯ เพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสมาคมและมูลนิธินี้เนื่องจากร่วมกันกระทำการเป็นไปในทางนำความเสื่อมเสียมาสู่วัฒนธรรมของชาติ และร่วมกันกระทำการอันอาจเป็นภัยกับความมั่นคงของชาติ ฯลฯ พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ดังนั้น เมื่อคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวของโจทก์มีวัตถุประสงค์ที่จะให้มูลนิธิและสมาคมได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไปจึงยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาคุ้มครองให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์: การแบ่งหน้าที่คุมดูต้นทางถือเป็นตัวการ
จำเลยกับพวกคนร้ายที่ขึ้นบ้านปล้นทรัพย์พายเรือไปด้วยกัน 2 ลำเมื่อถึงบ้านเจ้าทรัพย์ก็จอดเรือไว้หน้าบ้าน จำเลยกับพวกอีก 2 คนอยู่ในเรือ พวกของจำเลยอีก 3 คนในเรืออีกลำหนึ่งขึ้นบนบ้าน ปล้นได้ทรัพย์แล้วกลับมาลงเรือ จำเลยกับพวกทั้งหมดพายเรือ กลับไปด้วยกัน การที่จำเลยจอดเรืออยู่ที่หน้าบ้านเจ้าทรัพย์พฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยอยู่ในลักษณะคุมดูต้นทางและ สามารถช่วยเหลือให้การปล้นทรัพย์สำเร็จลุล่วงไป เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำและร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยจึงเป็นตัวการในการปล้นทรัพย์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1233/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการร่วมกันปล้นทรัพย์ การแบ่งหน้าที่ และการเป็นตัวการ
จำเลยกับพวกคนร้ายที่ขึ้นบ้านปล้นทรัพย์พายเรือไปด้วยกัน 2 ลำเมื่อถึงบ้านเจ้าทรัพย์ก็จอดเรือไว้หน้าบ้าน จำเลยกับพวกอีก 2 คนอยู่ในเรือ พวกของจำเลยอีก 3 คนในเรืออีกลำหนึ่งขึ้นบนบ้านปล้นได้ทรัพย์แล้วกลับมาลงเรือ จำเลยกับพวกทั้งหมดพายเรือกลับไปด้วยกัน การที่จำเลยจอดเรืออยู่ที่หน้าบ้านเจ้าทรัพย์ พฤติการณ์เห็นได้ว่าจำเลยอยู่ในลักษณะคุมดูต้นทางและสามารถช่วยเหลือให้การปล้นทรัพย์สำเร็จลุล่วงไป เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำและร่วมกระทำผิดด้วยกัน จำเลยจึงเป็นตัวการในการปล้นทรัพย์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทสิ้นสุดเมื่อโจทก์พ้นสถานะกรรมการและไม่มีส่วนได้เสียในบริษัท
โจทก์ฟ้องคดีในนามของโจทก์ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท มิใช่ฟ้อง ในฐานะทำการแทนบริษัทเพื่อบังคับจำเลยให้รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง กรรมการและอำนาจกรรมการของบริษัทให้โจทก์เป็นกรรมการแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัท อันถือได้ว่าโจทก์ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงมีอำนาจฟ้องคดีในขณะยื่นฟ้อง แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทและไม่ได้เกี่ยวข้อง กับบริษัทอีกต่อไปแล้วทั้งที่ประชุมวิสามัญของผู้ถือหุ้นได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่ากรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการ 2 คน ไม่ใช่โจทก์ จึงถือว่าโจทก์ ไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดีนี้อีกต่อไป อำนาจฟ้องของโจทก์จึงหมดลง ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องโจทก์