คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุชาติ จิวะชาติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสะดุดหยุดเมื่อจำเลยรับสภาพหนี้ สัญญาจ้างเหมาแบบปรับราคา จำเลยต้องจ่ายเงินค่าปรับตามสัญญา
โจทก์มีหนังสือขอเบิกเงินค่าปรับราคาตามสัญญาจ้างเหมาไปยังจำเลย จำเลยได้มีหนังสือตอบโจทก์แจ้งว่า ยังไม่อาจพิจารณาค่าปรับราคาได้จนกว่าจะได้มีการแยกรายละเอียดราคาแต่ละประเภทงาน ซึ่งขณะนี้จำเลยกำลังดำเนินการอยู่ เมื่อทราบผลแล้วจะได้รีบพิจารณาค่าปรับราคาให้โจทก์ต่อไป ข้อความตามหนังสือของจำเลยดังกล่าวเท่ากับยอมรับว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าปรับราคาตามสัญญาจ้างเหมาจริง เป็นการยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยแล้ว อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือของจำเลย
การที่อายุความสะดุดหยุดลงในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2523 อันเป็นวันที่โจทก์ได้รับหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลย แล้วต่อมาจำเลยมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่า ไม่สามารถจ่ายเงินค่าปรับราคาตามสัญญาให้โจทก์ได้เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 นั้น เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงได้สิ้นสุดและเริ่มนับขึ้นใหม่ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 เป็นต้นไป ดังนี้ เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างทำของอันมีอายุความ 2 ปี การที่โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2525 ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าปรับราคาให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยจะอ้างว่าสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกรายละเอียดประเภทของงานไว้ จำเป็นต้องแก้ไขสัญญาเดิม แต่ไม่ได้รับอนุมัติให้แก้ไขสัญญา เพราะการแก้ไขเป็นเหตุให้จำเลยต้องเสียประโยชน์อันเป็นการผิดระเบียบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องภายในของจำเลย มาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ควรได้รับค่าปรับราคาตามสัญญาเป็นเงิน 2,458,000 บาท จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างไร คงฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเท่านั้น โจทก์จึงควรได้เงินค่าปรับราคาตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสภาพหนี้ทำให้ระยะเวลาอายุความสะดุดหยุดลง และศาลมีอำนาจวินิจฉัยได้ แม้จำเลยอ้างเหตุภายในเพื่อปฏิเสธหนี้
โจทก์มีหนังสือขอเบิกเงินค่าปรับราคาตามสัญญาจ้างเหมาไปยังจำเลย จำเลยได้มีหนังสือตอบโจทก์แจ้งว่า ยังไม่อาจพิจารณาค่าปรับราคาได้จนกว่าจะได้มีการแยกรายละเอียดราคาแต่ละประเภทงาน ซึ่งขณะนี้จำเลยกำลังดำเนินการอยู่ เมื่อทราบผลแล้วจะได้รีบพิจารณาค่าปรับราคาให้โจทก์ต่อไป ข้อความตามหนังสือของจำเลยดังกล่าวเท่ากับยอมรับว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าปรับราคาตามสัญญาจ้างเหมาจริง เป็นการยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยแล้ว อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือของจำเลย
การที่อายุความสะดุดหยุดลงในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2523 อันเป็นวันที่โจทก์ได้รับหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลย แล้วต่อมาจำเลยมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่า ไม่สามารถจ่ายเงินค่าปรับราคาตามสัญญาให้โจทก์ได้เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 นั้น เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงได้สิ้นสุดและเริ่มนับขึ้นใหม่ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 เป็นต้นไป ดังนี้ เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างทำของอันมีอายุความ 2 ปี การที่โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2525 ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าปรับราคาให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยจะอ้างว่าสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกรายละเอียดประเภทของงานไว้ จำเป็นต้องแก้ไขสัญญาเดิม แต่ไม่ได้รับอนุมัติให้แก้ไขสัญญา เพราะการแก้ไขเป็นเหตุให้จำเลยต้องเสียประโยชน์อันเป็นการผิดระเบียบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องภายในของจำเลยมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ควรได้รับค่าปรับราคาตามสัญญาเป็นเงิน 2,458,000 บาท จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างไร คงฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเท่านั้น โจทก์จึงควรได้เงินค่าปรับราคาตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสิทธิเรียกร้องตามสัญญาจ้างทำของ: การรับสภาพหนี้ทำให้สะดุดหยุด และผลของการผิดสัญญา
โจทก์มีหนังสือขอเบิกเงินค่าปรับราคาตามสัญญาจ้างเหมาไปยังจำเลย จำเลยได้มีหนังสือตอบโจทก์แจ้งว่า ยังไม่อาจพิจารณาค่าปรับราคาได้จนกว่าจะได้มีการแยกรายละเอียดราคาแต่ละประเภทงานซึ่งขณะนี้จำเลยกำลังดำเนินการอยู่ เมื่อทราบผลแล้วจะได้รีบพิจารณาค่าปรับราคาให้โจทก์ต่อไป ข้อความตามหนังสือของจำเลยดังกล่าวเท่ากับยอมรับว่าโจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าปรับราคาตามสัญญาจ้างเหมาจริง เป็นการยอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยแล้ว อายุความเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของโจทก์ย่อมสะดุดหยุดลงตั้งแต่วันที่โจทก์ได้รับหนังสือของจำเลย การที่อายุความสะดุดหยุดลงในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2523อันเป็นวันที่โจทก์ได้รับหนังสือรับสภาพหนี้ของจำเลย แล้วต่อมาจำเลยมีหนังสือแจ้งโจทก์ว่า ไม่สามารถจ่ายเงินค่าปรับราคาตามสัญญาให้โจทก์ได้เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2524 นั้น เหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงจึงได้สิ้นสุดและเริ่มนับขึ้นใหม่ตั้งแต่วันที่12 พฤศจิกายน 2524 เป็นต้นไป ดังนี้ เมื่อสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาจ้างทำของอันมีอายุความ 2 ปี การที่โจทก์มาฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2525 ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้โจทก์ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ เมื่อจำเลยมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินค่าปรับราคาให้โจทก์ตามสัญญาจำเลยจะอ้างว่าสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกรายละเอียดประเภทของงานไว้จำเป็นต้องแก้ไขสัญญาเดิม แต่ไม่ได้รับอนุมัติให้แก้ไขสัญญา เพราะการแก้ไขเป็นเหตุให้จำเลยต้องเสียประโยชน์อันเป็นการผิดระเบียบของจำเลยซึ่งเป็นเรื่องภายในของจำเลย มาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ควรได้รับค่าปรับราคาตามสัญญาเป็นเงิน2,458,000 บาท จำเลยมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างไร คงฎีกาว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว และคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเท่านั้น โจทก์จึงควรได้เงินค่าปรับราคาตามที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาชดใช้ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา แม้ไม่ใช่หมั้น
โจทก์ผู้เยาว์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 กระทำชำเราโดยความสมัครใจซึ่งแม้ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อบิดาโจทก์ทราบเรื่องได้ไปร้องเรียนต่อกำนันท้องที่ จำเลยที่ 1 ก็ได้ทำสัญญากับโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 จะจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ หากผิดสัญญายินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาทและจำเลยที่ 2 ได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 ด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แม้มิใช่เป็นกรณีผิดสัญญาหมั้น โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามสัญญาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 449/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาชดใช้ค่าเสียหายจากการไม่จดทะเบียนสมรส แม้ไม่ใช่สัญญาหมั้น ก็มีผลผูกพันตามกฎหมาย
โจทก์ผู้เยาว์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 กระทำชำเราโดยความสมัครใจซึ่งแม้ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อบิดาโจทก์ทราบเรื่องได้ไปร้องเรียนต่อกำนันท้องที่ จำเลยที่ 1 ก็ได้ทำสัญญากับโจทก์ว่า จำเลยที่ 1 จะจดทะเบียนสมรสกับโจทก์ หากผิดสัญญายินยอมชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท และจำเลยที่ 2ได้ลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาของจำเลยที่ 1 ด้วยต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญาไม่จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ แม้มิใช่เป็นกรณีผิดสัญญาหมั้น โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตามสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: ความน่าเชื่อถือของพยานผู้เสียหายและเด็กหญิงจากความสัมพันธ์ทางญาติ
ผู้เสียหายถูกคนร้ายยิงบาดเจ็บและแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจภายหลังออกจากโรงพยาบาลแล้วว่า จำเลยที่ 2 เป็นคนร้ายที่ยิงผู้เสียหายคนหนึ่ง ก็เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ผู้เสียหายและภริยาซึ่งร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุ ผู้เสียหายจึงบอกภริยาขณะรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า อย่างเพิ่งบอกความจริงต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ประกอบกับผู้เสียหายและเด็กหญิง ข. บุตรซึ่งเป็นประจักษ์พยานต่างเป็นญาติกับจำเลยที่ 1 ดังนั้น การที่ภริยาและเด็กหญิง ข. มิได้แจ้งความในทันทีทันใดจึงไม่เป็นข้อพิรุธ ศาลรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเฮโรอีนและลูกระเบิดที่ใช้การไม่ได้ ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดและข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
รถยนต์ของจำเลยจอดอยู่ที่แฟลตที่จำเลยพัก ประตูรถทั้งสี่และที่เก็บของท้ายรถปิดล็อกกุญแจเปิดไม่ได้ จำเลยเอากุญแจมาเปิดประตูรถและที่เก็บของท้ายรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจค้นพบเฮโรอีนและลูกระเบิดของกลางซุกซ่อนอยู่ในที่เก็บของท้ายรถ ฟังได้ว่าเฮโรอีนกับลูกระเบิดของกลางเป็นของจำเลย
ลูกระเบิดของกลางอยู่ในสภาพใช้ทำการระเบิดไม่ได้ เพราะชนวนเสื่อมสภาพ จึงไม่เป็นวัตถุระเบิดและย่อมไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 219/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยหลอกลวงเรื่องไสยศาสตร์: การกระทำความผิดฐานฉ้อโกงจากความเชื่อส่วนบุคคล
จำเลยไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่ได้ขายน้ำมันพรายให้กับผู้เสียหายในราคา 300 บาท อ้างว่าจะช่วยให้ค้าขายดี นอกจากนี้จำเลยยังคอยบอกผู้เสียหายว่าทำผิดผี ต้องทำพิธีไหว้อาจารย์ จนผู้เสียหายยอมมอบเงินและทรัพย์สินอื่นรวมหลายหมื่นบาทให้จำเลยไปเพื่อทำพิธีดังกล่าว การกระทำของจำเลยเป็นการหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทซื้อขายสินค้าโดยใช้เช็ค: ศาลพิจารณาตามมูลหนี้ซื้อขาย ไม่ใช่ตั๋วเงิน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ไป มิได้ชำระราคาสินค้าเป็นเงินสด แต่ได้นำเช็คของผู้มีชื่อมอบแก่โจทก์ โดยจำเลยสัญญาว่า ถ้าโจทก์รับเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ ให้โจทก์นำเช็คไปแลกเงินสดจากจำเลยได้ทันที ครั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงนำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดจากจำเลยจำเลยเพิกเฉยไม่จ่ายเงินให้โจทก์ ทั้งจำเลยก็ให้การว่าจำเลยไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ และทางพิจารณาโจทก์จำเลยต่างก็นำสืบโต้เถียงกันในเรื่องซื้อขาย จึงเป็นการพิพาทกันตามสัญญาซื้อขายโดยตรง หาใช่พิพาทกันเรื่องตั๋วเงินไม่ ดังนี้ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่นั้น จึงหมายความว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินที่ระบุไว้ในเช็ค ซึ่งจำเลยนำมาชำระค่าสินค้าหรือไม่นั่นเองการที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ตามมูลหนี้ซื้อขายสินค้า จึงไม่เป็นการนอกฟ้องหรือนอกประเด็น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพาทซื้อขายสินค้าโดยใช้เช็คเป็นหลักทรัพย์ชำระหนี้ ศาลพิพากษาได้ตามมูลหนี้ซื้อขาย แม้ฟ้องอ้างถึงเช็ค
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยซื้อสินค้าจากโจทก์ไป มิได้ชำระราคาสินค้าเป็นเงินสด แต่ได้นำเช็คของผู้มีชื่อมอบแก่โจทก์ โดยจำเลยสัญญาว่าถ้าโจทก์รับเงินตามเช็คนั้นไม่ได้ ให้โจทก์นำเช็คไปแลกเงินสดจากจำเลยได้ทันที ครั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงนำเช็คดังกล่าวไปแลกเงินสดจากจำเลย จำเลยเพิกเฉยไม่จ่ายเงินให้โจทก์ ทั้งจำเลยก็ให้การว่าจำเลยไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ และทางพิจารณาโจทก์จำเลยต่างก็นำสืบโต้เถียงกันในเรื่องซื้อขาย จึงเป็นการพิพาทกันตามสัญญาซื้อขายโดยตรง หาใช่พิพาทกันเรื่องตั๋วเงินไม่ ดังนี้ ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยจะต้องรับผิดใช้เงินให้โจทก์ตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องหรือไม่นั้น จึงหมายความว่าจำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินค่าสินค้าให้โจทก์มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินที่ระบุไว้ในเช็ค ซึ่งจำเลยนำมาชำระค่าสินค้าหรือไม่นั่นเอง การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ตามมูลหนี้ซื้อขายสินค้า จึงไม่เป็นการนอกฟ้องหรือนอกประเด็น
of 77