คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุชาติ จิวะชาติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3194/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก/สำเนาคำฟ้องต้องส่งที่ภูมิลำเนาตามคำฟ้อง การส่งด้วยวิธีอื่นต้องมีเหตุผล การส่งในคดีก่อนใช้ไม่ได้กับคดีใหม่
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ได้ระบุที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยไว้ชัดแจ้ง แต่แทนที่โจทก์จะนำเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาตามคำฟ้องของโจทก์ โจทก์กลับขอให้ส่งด้วยวิธีอื่นแทนซึ่งเป็นการเลยขั้นตอนของการส่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ถือได้ว่าเป็นการส่งที่ไม่ชอบ ไม่มีผลให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในเหตุที่จำเลยขาดนัด
กรณีตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับส่งคำคู่ความหรือเอกสารใดให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งในคดีก่อน แม้จะเป็นคู่ความรายเดียวกันและในเรื่องเดียวกันก็ตาม เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีเสร็จสำนวนไปจากศาลแล้ว โจทก์จะนำมาใช้ในคดีใหม่อีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3194/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก/สำเนาคำฟ้องต้องส่งไปยังภูมิลำเนา หากเลยขั้นตอนถือเป็นการส่งที่ไม่ชอบ
เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย ได้ระบุที่อยู่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยไว้ชัดแจ้ง แต่แทนที่โจทก์จะนำเจ้าพนักงานศาลส่งหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับให้แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาตามคำฟ้องของโจทก์ โจทก์กลับขอให้ส่งด้วยวิธีอื่นแทนซึ่งเป็นการเลยขั้นตอนของการส่งตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ถือได้ว่าเป็นการส่งที่ไม่ชอบ ไม่มีผลให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปในเหตุที่จำเลยขาดนัด
กรณีตามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับส่งคำคู่ความหรือเอกสารใดให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งในคดีก่อน แม้จะเป็นคู่ความรายเดียวกันและในเรื่องเดียวกันก็ตาม เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีเสร็จสำนวนไปจากศาลแล้ว โจทก์จะนำมาใช้ในคดีใหม่อีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้ลูกจ้างนอกเหนือคำสั่ง
จำเลยที่ 2 ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 ในทางการที่จ้าง ในระหว่างรอรับจำเลยที่ 1 กลับบ้านจำเลยที่ 2 ได้ลอบขับรถไปทำธุรกิจส่วนตัว แล้วขับรถไปชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างนั้น เพราะจำเลยที่ 2 จะพ้นหน้าที่ขับรถให้แก่จำเลยที่ 1 ก็ต่อเมื่อได้รับจำเลยที่ 1 ส่งกลับ นำรถเข้าที่เก็บเรียบร้อยเป็นปกติเช่นที่เคยปฏิบัติทุกวันนั้นแล้ว ขณะที่จำเลยที่ 2 ยังอยู่ในหน้าที่ขับรถ จำเลยที่ 1 ชอบที่จะควบคุมดูแลจำเลยที่ 2 ให้เป็นไปตามคำสั่งจำเลยที่ 1 จะอ้างการละเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นนายจ้างลูกจ้างมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ และจำเลยที่ 1 จะอ้างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 และมาตรา 583 ซึ่งเป็นบทบัญญัติบังคับระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดของนายจ้างต่อบุคคลภายนอกในมูลละเมิดที่ลูกจ้างกระทำต่อบุคคลภายนอกก็ไม่ได้เช่นกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อละเมิดของลูกจ้างขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้ลูกจ้างนอกเหนือคำสั่ง
จำเลยที่ 2 ลูกจ้างขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 ในทางการที่จ้าง ในระหว่างรอรับจำเลยที่ 1 กลับบ้านจำเลยที่ 2 ได้ลอบขับรถไปทำธุรกิจส่วนตัว แล้วขับรถไปชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บ ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างนั้น เพราะจำเลยที่ 2 จะพ้นหน้าที่ขับรถให้แก่จำเลยที่ 1 ก็ต่อเมื่อได้รับจำเลยที่ 1 ส่งกลับ นำรถเข้าที่เก็บเรียบร้อยเป็นปกติเช่นที่เคยปฏิบัติทุกวันนั้นแล้ว ขณะที่จำเลยที่ 2 ยังอยู่ในหน้าที่ขับรถ จำเลยที่ 1 ชอบที่จะควบคุมดูแลจำเลยที่ 2 ให้เป็นไปตามคำสั่งจำเลยที่ 1 จะอ้างการละเว้นการปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองในฐานะเป็นนายจ้างลูกจ้างมาใช้ยันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเพื่อปฏิเสธความรับผิดหาได้ไม่ และจำเลยที่ 1 จะอ้างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 และมาตรา 583 ซึ่งเป็นบทบัญญัติบังคับระหว่างนายจ้างและลูกจ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดของนายจ้างต่อบุคคลภายนอกในมูลละเมิดที่ลูกจ้างกระทำต่อบุคคลภายนอกก็ไม่ได้เช่นกัน จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3124/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุจำเป็นและความชอบธรรมในการไต่สวนคำร้อง
จำเลยอ้างเหตุที่ขาดนัดว่า ป่วยเป็นโรคประสาท ไปพักรักษาตัวที่บ้านน้องชาย ไม่ทราบเรื่องทนายถอนตัวและศาลส่งหมายนัดวันสืบพยานรวมทั้งไม่สามารถยื่นคำขอพิจารณาใหม่ได้ทัน 15 วัน ด้วย ซึ่งถ้าได้ความจริงตามคำร้อง ก็จะถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาไม่ได้ และการที่จำเลยยื่นคำร้องไม่ทันภายใน15 วัน นับแต่วันส่งคำบังคับก็ถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจจะบังคับได้ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ไต่สวนเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมีอำนาจพิจารณาอนุญาตสร้างอาคารโรงแรมโดยคำนึงถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯ แล้ว จำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมฯ มาตรา 5 แล้ว การที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม ฯ เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3082/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าหน้าที่พิจารณาอนุญาตสร้างอาคารโรงแรม ต้องคำนึงถึงกฎหมายโรงแรมควบคู่กฎหมายควบคุมอาคาร
การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 จะมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารหรือไม่ นอกจากจะพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พุทธศักราช 2479 แล้วจำเลยย่อมพิจารณาถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องได้ด้วย เมื่อคำขอของโจทก์ระบุว่า ขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นโรงแรมโดยไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นแผนผังและรายการของโรงแรมเพื่อขออนุญาตจัดสร้างต่อนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 มาตรา 5 แล้วการที่จำเลยไม่อนุญาตให้โจทก์ปลูกสร้างอาคารโรงแรมโดยเกี่ยงให้โจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดสร้างตาม มาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรงแรมพุทธศักราช 2478 เสียก่อน จึงชอบที่จะกระทำได้กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบของฟ้องอาญา: การบรรยายองค์ประกอบความผิดฐานประกอบการขนส่งประจำทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า 'เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม2524 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.ม. 20-1034 วิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อสินจ้างประจำทางสายเวียงป่าเป้า-ดอยนางแก้ว อันเป็นการประกอบการขนส่งประจำทางโดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ฯลฯ' นั้น เป็นการบรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ฯมาตรา 23 แล้วจึงเป็นฟ้องที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2999/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบของฟ้องอาญา: การบรรยายองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบก และการรับสารภาพของจำเลย
การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า "เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2524 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ช.ม. 20-1034 วิ่งรับส่งคนโดยสารเพื่อสินจ้างประจำทางสายเวียงป่าเป้า - ดอยนางแก้ว อันเป็นการประกอบการขนส่งประจำทางโดยจำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ฯลฯ" นั้น เป็นการบรรยายถึงองค์ประกอบความผิดตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก ฯ มาตรา 23 แล้วจึงเป็นฟ้องที่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2962/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดช่องทางเดินรถสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร ตามมาตรา 35 พ.ร.บ.จราจรทางบก
ถนนพระราม 4 ระหว่างสี่แยกศาลาแดงกับสี่แยกวิทยุมีเกาะแบ่งทางเดินรถกลางถนน มีช่องเดินรถข้างละ 4 ช่องทาง และในแต่ละข้างมีเกาะแบ่งช่องเดินรถออกอีกเป็นข้างละ 2 ช่องทาง สำหรับ 2 ช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดได้จัดให้เฉพาะรถยนต์โดยสารประจำทางวิ่งในเวลาบังคับแต่นอกเวลาบังคับแล้วรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกอื่น ๆ ต้องวิ่งในช่องทางเดินรถด้านซ้ายสุดวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ ไม่มีเวลาบังคับ จำเลยขับรถยนต์บรรทุกคนโดยสารเกินเจ็ดคน โดยจำเลยขับรถดังกล่าวในช่องทางเดินรถด้านขวามือ คือในช่องทางที่ 3 จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด
of 77