พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 352/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์และจำเลย ทำให้สิทธิในการฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกงระงับ
โจทก์ร่วมเป็นฝ่ายจัดทำบันทึกเกี่ยวกับความผิดฐานฉ้อโกงแล้วเรียกจำเลยมาลงชื่อ มีใจความว่า จำเลยซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายกฎหมายของโจทก์ร่วมได้เบิกเงินค่าฤชาธรรมเนียมศาลในการฟ้องคดีไปจากโจทก์ร่วมเป็นเงิน 15,585 บาท โดยนำหนี้ดังกล่าวมารวมกับหนี้รายอื่นและจำเลยยอมให้นำเงินสะสมของจำเลยที่อยู่กับโจทก์ร่วมมาหัก แล้วจำเลยยอมชดใช้หนี้ส่วนที่เหลือให้โจทก์ร่วมภายในกำหนด60 วันเช่นนี้ ฟังได้ว่าโจทก์ร่วมกับจำเลยได้ตกลงประนีประนอมยอมความกันอันมีผลทำให้สิทธิที่จะนำคดีอาญามาฟ้องต้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนสุราโดยใช้หนังสือสำคัญ ส.1/42 ที่กรอกข้อมูลไม่ตรงความเป็นจริง ไม่ถือเป็นใบอนุญาตขนสุรา
ตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 16 อธิบดีกรมสรรพสามิตมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 หรือตัวแทนออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 สำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตนได้ตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดไว้โดยถือเสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราตามมาตรา 14 การที่จำเลยซื้อเบียร์จำนวน 2,400 ขวดจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราและผู้ได้รับใบอนุญาตได้ออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 ให้จำเลยโดยเขียนชื่อผู้ซื้อซึ่งจำเลยเป็นผู้บอกไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวจะมีตัวตนจริงหรือไม่ จึงถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด ไม่มีผลให้หนังสือสำคัญดังกล่าวเป็นเสมือนหนึ่งใบอนุญาตขนสุรา จำเลยจึงมีความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493มาตรา 14,38 ทวิ และพระราชบัญญัติสุรา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497มาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนสุราโดยใช้หนังสือสำคัญ ส.1/42 ที่กรอกข้อมูลไม่ตรงความเป็นจริง ถือเป็นความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตาม พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 16 อธิบดีกรมสรรพาสามิตมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 หรือตัวแทนออกหนังสือสำคัญแบบส.1/42 สำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตนได้ตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพาสามิต กำหนดไว้โดยถือเสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราตามมาตรา 14 การที่จำเลยซื้อเบียร์จำนวน 2,400 ขวดจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราและผู้ได้รับใบอนุญาตได้ออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 ให้จำเลยโดยเขียนชื่อผู้ซื้อซึ่งจำเลยเป็นผู้บอกไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวจะมีตัวตนจริงหรือไม่ จึงถือว่าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด ไม่มีผลให้หนังสือสำคัญดังกล่าวเป็นเสมือนหนึ่งใบอนุญาตขนสุรา จำเลยจึงมีความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2493มาตรา 14,38 ทวิ และ พ.ร.บ. สุรา พ.ศ. 2497(ฉบับที่ 2)มาตรา 8.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีหนังสือสำคัญ ส.1/42 ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข
ตาม พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. 2493 มาตรา 16 อธิบดีกรมสรรพสามิตมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราประเภทที่ 1 หรือประเภทที่ 2 หรือตัวแทนออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 สำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตน ได้ ตาม เงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดไว้โดย ถือ เสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราตาม มาตรา 14 การที่จำเลยซื้อ เบียร์จำนวน 2,400 ขวดจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราและผู้ได้รับใบอนุญาตได้ ออกหนังสือสำคัญแบบ ส.1/42 ให้จำเลย โดยเขียนชื่อ ผู้ซื้อซึ่ง จำเลยเป็นผู้บอกไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวจะมีตัวตน จริงหรือไม่ จึงถือว่าไม่ปฏิบัติตาม เงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด ไม่มีผลให้หนังสือสำคัญดังกล่าวเป็นเสมือนหนึ่งใบอนุญาตขนสุรา จำเลยจึงมีความผิดฐาน ขนสุราโดย ไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พระราชบัญญัติสุราพ.ศ. 2493 มาตรา 1438 ทวิ และพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2497(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2497 มาตรา 8.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต: การออกหนังสือสำคัญ ส.๑/๔๒ ที่ไม่ถูกต้อง
ตาม พระราชบัญญัติสุรา พ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๑๖ อธิบดีกรมสรรพสามิตมีอำนาจอนุญาตให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราประเภทที่ ๑ หรือประเภทที่ ๒ หรือตัวแทนออกหนังสือสำคัญแบบ ส.๑/๔๒ สำหรับขนสุราออกจากสถานที่ขายสุราของตน ได้ ตาม เงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนดไว้โดย ถือ เสมือนหนึ่งเป็นใบอนุญาตขนสุราตาม มาตรา ๑๔ การที่จำเลยซื้อ เบียร์จำนวน ๒,๔๐๐ ขวดจากผู้ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราและผู้ได้รับใบอนุญาตได้ ออกหนังสือสำคัญแบบ ส.๑/๔๒ ให้จำเลย โดยเขียนชื่อ ผู้ซื้อซึ่ง จำเลยเป็นผู้บอกไม่ตรงกับความเป็นจริงและไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวจะมีตัวตน จริงหรือไม่ จึงถือว่าไม่ปฏิบัติตาม เงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตกำหนด ไม่มีผลให้หนังสือสำคัญดังกล่าวเป็นเสมือนหนึ่งใบอนุญาตขนสุรา จำเลยจึงมีความผิดฐาน ขนสุราโดย ไม่ได้รับใบอนุญาตตาม พระราชบัญญัติสุราพ.ศ. ๒๔๙๓ มาตรา ๑๔ ๓๘ ทวิ และพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.๒๔๙๗(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๘.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของการบอกเลิกสัญญาและการชำระค่าปรับ กรณีส่งมอบงานล่าช้า สิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมระงับลง โจทก์ จำเลยจึงต้อง กลับคืนสู่ฐานะ ดั่งที่เป็นอยู่เดิม ดังนั้น โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าปรับตาม สัญญาจากจำเลยอีกต่อไป โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสี่ เท่านั้น จำเลยส่งมอบงานงวดที่ 9 ให้แก่โจทก์เมื่อพ้นกำหนดเวลาตาม สัญญาไป 97 วัน โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างงานงวดดังกล่าวให้จำเลยไม่เต็มโดย หักค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้าตาม สัญญาวันละ 2,000 บาท ออกโดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้ ชำระค่าปรับในการส่งมอบงานงวดที่ 9 ล่าช้าให้แก่โจทก์ไปแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับก็เป็นอันขาดไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรกศาลไม่ชอบที่จะหยิบยกค่าปรับส่วนนี้มาลดให้จำเลยอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างเหมา การบอกเลิกสัญญา ค่าปรับ และสิทธิเรียกร้องหลังบอกเลิกสัญญา
เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมระงับลง โจทก์จำเลยจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ดังนั้น โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าปรับตามสัญญาจากจำเลยอีกต่อไปไม่ โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสี่เท่านั้น
จำเลยส่งมอบงานงวดที่ 9 ให้แก่โจทก์เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาไป 97 วัน โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างงานงวดดังกล่าวให้จำเลยไม่เต็มโดยหักค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้าตามสัญญาวันละ 2,000 บาทออกโดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับในการส่งมอบงานงวดที่ 9 ล่าช้าให้แก่โจทก์ไปแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับก็เป็นอันขาดไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก ศาลจะหยิบยกค่าปรับส่วนนี้มาวินิจฉัยลดให้จำเลยอีกย่อมเป็นการไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยส่งมอบงานงวดที่ 9 ให้แก่โจทก์เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาไป 97 วัน โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างงานงวดดังกล่าวให้จำเลยไม่เต็มโดยหักค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้าตามสัญญาวันละ 2,000 บาทออกโดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับในการส่งมอบงานงวดที่ 9 ล่าช้าให้แก่โจทก์ไปแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับก็เป็นอันขาดไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 383 วรรคแรก ศาลจะหยิบยกค่าปรับส่วนนี้มาวินิจฉัยลดให้จำเลยอีกย่อมเป็นการไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาจ้างเหมา, ค่าปรับ, และการชำระหนี้เมื่อสัญญาเป็นโมฆะ/ระงับ
เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมระงับลง โจทก์ จำเลยจึงต้องกลับคืนสู่ฐานะดั่งที่เป็นอยู่เดิม ดังนั้น โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าปรับตามสัญญาจากจำเลยอีกต่อไป โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสี่ เท่านั้น จำเลยส่งมอบงานงวดที่ 9 ให้แก่โจทก์เมื่อพ้นกำหนดเวลาตามสัญญาไป 97 วัน โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างงานงวดดังกล่าวให้จำเลยไม่เต็ม โดยหักค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้าตามสัญญาวันละ 2,000 บาทออกโดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้ชำระค่าปรับในการส่งมอบงานงวดที่ 9 ล่าช้าให้แก่โจทก์ไปแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับก็เป็นอันขาดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา383 วรรคแรก ศาลไม่ชอบที่จะหยิบยกค่าปรับส่วนนี้มาลดให้จำเลยอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเป็นโมฆะเมื่อบอกเลิก, ค่าปรับงวดที่ 9 ถือชำระแล้ว, สิทธิเรียกร้องลดค่าปรับขาดอายุความ
เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้ว สัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยย่อมระงับลง โจทก์ จำเลยจึงต้อง กลับคืนสู่ฐานะ ดั่งที่เป็นอยู่เดิม ดังนั้น โจทก์จึงหามีสิทธิที่จะได้รับเงินค่าปรับตาม สัญญาจากจำเลยอีกต่อไป โจทก์คงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรคสี่ เท่านั้น
จำเลยส่งมอบงานงวดที่ ๙ ให้แก่โจทก์เมื่อพ้นกำหนดเวลาตาม สัญญาไป ๙๗ วัน โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างงานงวดดังกล่าวให้จำเลยไม่เต็มโดย หักค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้าตาม สัญญาวันละ ๒,๐๐๐ บาท ออกโดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้ ชำระค่าปรับในการส่งมอบงานงวดที่ ๙ ล่าช้าให้แก่โจทก์ไปแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับก็เป็นอันขาดไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ วรรคแรกศาลไม่ชอบที่จะหยิบยกค่าปรับส่วนนี้มาลดให้จำเลยอีก.
จำเลยส่งมอบงานงวดที่ ๙ ให้แก่โจทก์เมื่อพ้นกำหนดเวลาตาม สัญญาไป ๙๗ วัน โจทก์จึงจ่ายเงินค่าจ้างงานงวดดังกล่าวให้จำเลยไม่เต็มโดย หักค่าปรับที่ส่งมอบงานล่าช้าตาม สัญญาวันละ ๒,๐๐๐ บาท ออกโดยจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ ถือได้ว่าจำเลยได้ ชำระค่าปรับในการส่งมอบงานงวดที่ ๙ ล่าช้าให้แก่โจทก์ไปแล้ว สิทธิเรียกร้องขอลดค่าปรับก็เป็นอันขาดไปตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๘๓ วรรคแรกศาลไม่ชอบที่จะหยิบยกค่าปรับส่วนนี้มาลดให้จำเลยอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 138/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะ: ศาลฎีกายกเหตุข่มเหงร้ายแรงวินิจฉัยเองได้ แม้จำเลยไม่ได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
การกระทำโดยบันดาลโทสะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคำให้การ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ การที่ผู้ตายละทิ้งจำเลยไปมีภรรยาใหม่ แล้วเสพสุรามึนเมามาหาจำเลยที่บ้าน เพื่อจะนำบุตรไปอยู่กับภรรยาใหม่ของผู้ตายเมื่อจำเลยไม่ยินยอม ก็ทำร้ายตบตีจำเลย ถือได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เมื่อจำเลยใช้มีดพร้าฟันศีรษะผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ