คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3828/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาที่ศาลแขวงมีอำนาจพิจารณา และการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ศาลชอบแล้ว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 137, 326, และ 328 อันเป็นคดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี แม้โจทก์จะยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดก็ต้องนำวิธีพิจารณาความอาญาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับตามความในมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ.2520 จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กระทำโดยขาดเจตนา มีผลให้จำเลยไม่ต้องรับผิดในทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 ดังนั้นการวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าการกระทำของโจทก์จะเป็นการปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 หรือไม่ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของโจทก์ข้อกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระ
ในการไต่สวนมูลฟ้งแม้จะได้ความว่าจำเลยได้กระทำการตามฟ้องแต่เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นความผิดไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยขาดเจตนาหรือมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิด ศาลก็ชอบที่จะทำการวินิจฉัยและพิพากษายกฟ้องไปได้เลยไม่จำเป็นต้องประทับฟ้องไว้แล้วไปพิพากษายกฟ้องในภายหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3780/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: ศาลต้องพิจารณาเหตุขอเลื่อนคดีและการป่วยของทนายความ
ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกา ในวันนัด ศาลออกนั่งพิจารณาคดีเวลา 9.25 นาฬิกา โจทก์ไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีโจทก์ ต่อมา โจทก์ยื่นคำร้องว่า วันนัดสืบพยานทนายโจทก์ป่วยได้มอบให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลเมื่อเวลา 9.25 นาฬิกา ที่มาถึงศาลช้ากว่าเวลานัดเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ประกอบทั้งทนายโจทก์และเสมียนทนายเข้าใจเรื่องเวลานัดของศาลผิดไปว่าเป็นเวลา 9.30 นาฬิกา ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดการไต่สวนและยกคำร้องของโจทก์ย่อมเป็นการไม่ชอบ เพราะหากเป็นจริงตามคำร้องของโจทก์ กรณีก็ยังไม่ถนัดที่จะถือว่าโจทก์มิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลก่อนลงมือสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง และหากฟังได้ว่าทนายโจทก์ป่วยจริง ก็เป็นเหตุที่ศาลต้องให้เลื่อนการพิจารณาคดีไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3780/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งขอเลื่อนคดีและการพิจารณาเหตุจำเป็นอื่นใดที่ทำให้โจทก์ไม่มาศาลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกา ในวันนัด ศาลออกนั่งพิจารณาคดีเวลา 9.25 นาฬิกา โจทก์ไม่มาศาล ศาลจึงมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและจำหน่ายคดีโจทก์ ต่อมา โจทก์ยื่นคำร้องว่า วันนัดสืบพยาน ทนายโจทก์ป่วยได้มอบให้เสมียนทนายนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นต่อศาลเมื่อเวลา 9.25 นาฬิกา ที่มาถึงศาลช้ากว่าเวลานัดเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ประกอบทั้งทนายโจทก์และเสมียนทนายเข้าใจเรื่องเวลานัดของศาลผิดไปว่าเป็นเวลา 9.30 นาฬิกา ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดการไต่สวนและยกคำร้องของโจทก์ย่อมเป็นการไม่ชอบ เพราะหากเป็นจริงตามคำร้องของโจทก์ กรณีก็ยังไม่ถนัดที่จะถือว่าโจทก์มิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลก่อนลงมือสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสองและหากฟังได้ว่าทนายโจทก์ป่วยจริง ก็เป็นเหตุที่ศาลต้องให้เลื่อนการพิจารณาคดีไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง ต้องพิสูจน์ถึงความประมาทเลินเล่อ
ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่ง อันเนื่องมาจากการทุจริตผู้ใต้บังคับบัญชานั้น หาใช่เพราะเหตุของการเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเรื่องละเมิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ซึ่งได้แก่การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ
จำเลยที่ 5 ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการตำรวจภูธร มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับทางด้านการเงินของกองกำกับการตำรวจภูธร เป็นผู้ตรวจสอบแบบรายงานการเดินทางไปราชการของเจ้าพนักงานตำรวจ ลงนามเป็นผู้เบิกเงินในบัญชีหน้างบใบสำคัญและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะตามที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวขึ้นโดยไม่ปรากฏว่ามีระเบียบให้จำเลยที่ 5 ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีหนังสือหรือคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติราชการหรือไม่ ทั้งไม่มีระเบียบว่าก่อนลงอนุมัติจะต้องปฏิบัติอย่างไร การเบิกเงินแต่ละครั้งมิได้มีเฉพาะรายที่ถูกปลอมลายมือชื่อเท่านั้น หากแต่มีผู้เบิกคราวละ 20 - 30 ราย ลายมือชื่อผู้กำกับการตำรวจภูธรที่สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปราชการที่แท้จริงและที่ถูกปลอมก็คล้ายคลึงกัน ก่อนลงนามจำเลยที่ 5 ได้ตรวจว่ามีลายมือชื่อผู้ช่วยสมุห์บัญชีและสมุห์บัญชีลงนามรับรองความถูกต้องแล้ว ทั้งได้ตรวจว่ามีลายมือชื่อกำกับการตำรวจภูธรมีอำนาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติราชการแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 5 ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้ประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการทุจริตของลูกน้อง ต้องพิสูจน์ประมาทเลินเล่อ
ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่ง อันเนื่องมาจากการทุจริตของผู้ใต้บังคับบัญชานั้น หาใช่เพราะเหตุของการเป็นผู้บังคับบัญชาไม่ ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาในทางแพ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเรื่องละเมิดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ซึ่งได้แก่การกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 5 ดำรงตำแหน่งรองผู้กำกับการตำรวจภูธรมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับทางด้านการเงินของกองกำกับการตำรวจภูธร เป็นผู้ตรวจสอบแบบรายงานการเดินทางไปราชการของเจ้าพนักงานตำรวจลงนามเป็นผู้เบิกเงินในบัญชีหน้างบใบสำคัญและลงนามเป็นผู้มอบฉันทะตามที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ร่วมกันปลอมเอกสารดังกล่าวขึ้นโดยไม่ปรากฏว่ามีระเบียบให้จำเลยที่ 5ต้องตรวจสอบก่อนว่ามีหนังสือหรือคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติราชการหรือไม่ ทั้งไม่มีระเบียบว่าก่อนลงนามอนุมัติจะต้องปฏิบัติอย่างไร การเบิกเงินแต่ละครั้งมิได้มีเฉพาะรายที่ถูกปลอมลายมือชื่อเท่านั้น หากแต่มีผู้เบิกคราวละ 20-30 ราย ลายมือชื่อผู้กำกับการตำรวจภูธรที่สั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปราชการที่แท้จริงและที่ถูกปลอมก็คล้ายคลึงกัน ก่อนลงนามจำเลยที่ 5 ได้ตรวจว่ามีลายมือชื่อผู้ช่วยสมุห์บัญชี และสมุห์บัญชีลงนามรับรองความถูกต้องแล้ว ทั้งได้ตรวจว่าลายมือชื่อผู้กำกับการตำรวจภูธรผู้มีอำนาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปฏิบัติราชการแล้ว ถือได้ว่าจำเลยที่ 5 ได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้ประมาทเลินเล่อ จำเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3606/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: การสื่อสารแห่งประเทศไทยในฐานะผู้ค้า
การที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดให้มีบริการพูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศและเรียกเก็บเงินค่าบริการนั้น ถือได้ว่าการสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ดังนั้นสิทธิเรียกร้องสำหรับค่าบริการในการพูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3606/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ: การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ค้าตามมาตรา 165(7) อายุความ 2 ปี
การที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดให้มีบริการพูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศและเรียกเก็บเงินค่าบริการนั้น ถือได้ว่าการสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ดังนั้นสิทธิเรียกร้องสำหรับค่าบริการในการพูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องพิจารณาจากอาวุธปืนที่จำเลยครอบครองจริงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 55,78 เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 คงมีแต่เพียงอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้นศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7,72 ได้เพราะความผิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3602/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดฐานครอบครองอาวุธปืน: โจทก์ต้องพิสูจน์อาวุธปืนที่จำเลยครอบครองตรงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ครอบครอง อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 55, 78 เมื่อข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยที่ 1 คงมีแต่เพียงอาวุธปืนลูกซองยาวเท่านั้น ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 ได้ เพราะความผิดดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3579/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อขู่ มิใช่เจตนาฆ่า ไม่เป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
เจ้าพนักงานตำรวจวิ่งไล่ตามจับจำเลยซึ่งวิ่งหนีไปในระยะห่างกันประมาณ 50 เมตร จำเลยหันกลับมาแล้วใช้ปืนยิงมาที่เจ้าพนักงานตำรวจซึ่งวิ่งนำหน้า 1 นัด เมื่อพฤติการณ์ที่จำเลยยิงดังกล่าวฟังไม่ได้ว่าเป็นการยิงในลักษณะมุ่งเล็งต่อเป้าหมาย ทั้งตามบันทึกการจับกุมก็ระบุแต่เพียงว่าจำเลยยิงสกัดกั้นการติดตามของเจ้าพนักงานตำรวจ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะยิงเจ้าพนักงานตำรวจคนหนึ่งคนใด หากเป็นเพียงการยิงขู่เพื่อมิให้เจ้าพนักงานติดตามจับกุมเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่
of 113