คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2489/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 219: การโต้แย้งดุลพินิจศาลอุทธรณ์เรื่องการรอการลงโทษและคุมความประพฤติ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยรวม 2 กระทง โดยเรียงกระทงลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 10,000 บาท รอการลงโทษไว้กระทงละ 2 ปี และให้คุมความประพฤติจำเลยมีกำหนด 1 ปี โดยให้จำเลยไปรายงานตัวทุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่คุมความประพฤติจำเลย ดังนี้เท่ากับศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินกระทงละ 1 ปีหรือปรับไม่เกินกระทงละ 10,000 บาท ที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติจำเลย ซึ่งเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการกำหนดโทษของศาลอุทธรณ์อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของคำฟ้องอาญาตาม พ.ร.บ.วัสดุลามก แม้บทลงโทษเดิมถูกยกเลิก
คำฟ้องของโจทก์อ้างพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ. 2471 มาตรา 3 อันเป็นมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดแล้ว แม้บทมาตราดังกล่าวจะระบุให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 240แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ถูกยกเลิกไปแล้วและโจทก์ไม่ได้อ้างพระราชบัญญัติ ให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญา พุทธศักราช 2499 มาตรา 8หรือบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาในฟ้องด้วย ก็ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2136/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชอบด้วยกฎหมายของคำฟ้องอาญาตาม พ.ร.บ.วัสดุอันลามก แม้กฎหมายลักษณะอาญาถูกยกเลิก
คำฟ้องของโจทก์อ้างพระราชบัญญัติปรามการให้แพร่หลายและการค้าวัสดุอันลามก พ.ศ.2471 มาตรา 3 อันเป็นมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิดแล้ว แม้บทมาตราดังกล่าวจะระบุให้ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 240 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ถูกยกเลิกไปแล้วและโจทก์ไม่ได้อ้างพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายอาญาพุทธศักราช 2499 มาตรา 8 หรือบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญามาในฟ้องด้วย ก็ถือได้ว่าเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การนอกกรอบเวลา และการอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อเลี่ยงความรับผิดในสัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน และข้อที่ขอแก้ไขก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดแจ้งในคำให้การแต่แรกอยู่แล้วจึงเป็นคำร้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180(2) ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลย จำเลยอ้างเหตุส่งมอบดินขาวให้โจทก์ตามสัญญาไม่ได้เพราะมีโจรแบ่งแยกดินแดนข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากโรงงานที่ผลิตดินขาวของจำเลยจนคนงานไม่กล้าเข้าไปทำงาน ดังนี้ เมื่อตามสัญญามิได้เจาะจงให้ส่งมอบดินขาวจากแหล่งผลิตของโรงงานจำเลย จำเลยจึงย่อมจัดหาดินขาวจากแหล่งอื่นได้ ดินขาวมิใช่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งจำเลยจะอ้างว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและปฏิเสธความรับผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การนอกระยะเวลา และการอ้างเหตุสุดวิสัยเพื่อเลี่ยงหนี้สัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน และข้อที่ขอแก้ไขก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดแจ้งในคำให้การแต่แรกอยู่แล้ว จึงเป็นคำร้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180(2) ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอ้างเหตุส่งมอบดินขาวให้โจทก์ตามสัญญาไม่ได้เพราะมีโจรแบ่งแยกดินแดนข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากโรงงานที่ผลิตดินขาวของจำเลยจนคนงานไม่กล้าเข้าไปทำงาน ดังนี้ เมื่อตามสัญญามิได้เจาะจงให้ส่งมอบดินขาวจากแหล่งผลิตของโรงงานจำเลย จำเลยจึงย่อมจัดหาดินขาวจากแหล่งอื่นได้ ดินขาวมิใช่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง จำเลยจะอ้างว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและปฏิเสธความรับผิดไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขคำให้การหลังวันชี้สองสถาน และการยกเว้นความรับผิดจากเหตุสุดวิสัยในสัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การในวันชี้สองสถาน และข้อที่ขอแก้ไขก็เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏชัดแจ้งในคำให้การแต่แรกอยู่แล้ว จึงเป็นคำร้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 180 (2) ชอบที่จะยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอ้างเหตุส่งมอบดินขาวให้โจทก์ตามสัญญาไม่ได้เพราะมีโจรแบ่งแยกดินแดนข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากโรงงานที่ผลิตดินขาวของจำเลยจนคนงานไม่กล้าเข้าไปทำงาน ดังนี้ เมื่อตามสัญญามิได้เจาะจงให้ส่งมอบดินขาวจากแหล่งผลิตของโรงงานจำเลย จำเลยจึงย่อมจัดหาดินขาวจากแหล่งอื่นได้ ดินขาวมิใช่เป็นทรัพย์เฉพาะสิ่ง จำเลยจะอ้างว่าการชำระหนี้ตกเป็นพ้นวิสัยและปฏิเสธความรับผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2024-2026/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ปืนพกสั้นออโตเมติกขนาด .45 ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนดังกล่าวจึงใช้ได้แต่เฉพาะอาวุธปืนกระบอกที่ระบุไว้ในใบอนุญาตนั้นเท่านั้น จะนำไปใช้กับอาวุธปืนกระบอกอื่นไม่ได้ จำเลยจึงไม่อาจที่จะมีอาวุธปืนกระบอกอื่นและกระสุนปืนซึ่งมิใช่สำหรับใช้กับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในความครอบครองได้ แม้ผู้อื่นจะลืมอาวุธปืนไว้ในรถของจำเลย จำเลยก็ควรจะครอบครองอาวุธปืนนั้นเพียงเพื่อไม่ให้หายเท่านั้น แต่จำเลยกลับพกอาวุธปืนดังกล่าวไว้กับตัวซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมีอาวุธปืนนั้นเพื่อใช้มิได้มีไว้ในความครอบครองเพื่อไม่ให้หาย จำเลยจึงมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่จำเลยอ้างว่าปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชานั้นไม่เป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ซึ่งเป็นบทบัญญัติของกฎหมายได้ แม้การปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธปืนดังที่จำเลยอ้างก็ตาม
จำเลยซึ่งเป็นตำรวจพกพาอาวุธปืนกระบอกที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีติดตัว เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และถูกจับกุมในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ.2490 มาตรา 8(ทวิ) วรรคสาม (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี และเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลกลับนำสืบว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพดังกล่าว ทั้งในชั้นศาลซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายเดิมจำเลยก็แถลงยอมรับว่ามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง แต่ต่อมาก็นำสืบปฏิเสธคำแถลงดังกล่าว เช่นนี้ไม่มีคำรับหรือคำแถลงรับของจำเลยไม่ว่าในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนหรือในชั้นศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของศาลแต่ประการใด กรณีไม่มีเหตุบรรเทาโทษที่จะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อลดโทษให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2003/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ ศาลไม่ลดโทษจำเลย แม้จะเคยให้การรับสารภาพในชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน แต่ในชั้นศาลกลับนำสืบว่าไม่ได้ให้การรับสารภาพดังกล่าว ทั้งในชั้นศาลซึ่งโจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนยาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เดิมจำเลยก็แถลงยอมรับว่ามีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง แต่ต่อมาก็นำสืบปฏิเสธคำแถลงดังกล่าว เช่นนี้ไม่มีคำรับหรือคำแถลงรับของจำเลยไม่ว่าในชั้นจับกุมชั้นสอบสวนหรือในชั้นศาลอันจะเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีของศาลแต่ประการใด กรณีไม่มีเหตุบรรเทาโทษที่จะหยิบยกมาเป็นข้ออ้างเพื่อลดโทษให้แก่จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะในการชิงทรัพย์ - การกระทำโดยปัจจุบันทันด่วนและการไม่มีส่วนรู้เห็นร่วมกัน
จำเลยที่ 1 อาศัยรถยนต์ที่จำเลยที่ 3 ขับไปกระทำกิจธุระอื่นโดยมิได้มีเจตนาจะกระทำผิดฐานชิงทรัพย์มาก่อน เหตุชิงทรัพย์เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยจำเลยที่ 1 ลงไปกระทำการขณะที่รถยนต์จอดเพราะการจราจรติดขัด ประกอบกับจำเลยที่ 3 ก็มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยแต่อย่างใด การชิงทรัพย์ของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการกระทำโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะ.
of 113