คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ชูเชิด รักตะบุตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,129 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3335/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกประเภทสินค้า (เศษพลาสติก vs. พลาสติกสำเร็จรูป) เพื่อเสียอากรขาเข้า การพิจารณาจากสภาพสินค้าจริงเป็นหลัก
เศษพลาสติกต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ก.ส่วนพลาสติกสำเร็จรูปต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข.(ซึ่งเสียภาษีมากกว่า) การที่จะพิจารณาว่าสินค้าใด เป็นเศษพลาสติกหรือเป็นพลาสติกสำเร็จรูปนั้น จะต้องพิจารณาจากสภาพอันแท้จริงของสินค้านั้นเป็นหลักสำคัญ พลาสติกที่โจทก์นำเข้าเป็นพลาสติกที่เป็นแผ่นหรือแถบ ซึ่งม้วนหรือพัน อยู่รอบแกนกระดาษ เป็นพลาสติกใสทั้งสองด้าน เรียบเสมอกันไม่ยับ ยู่ยี่ ทุกม้วนกว้าง 8 นิ้ว ที่แกนกระดาษนั้นตัดเสมอเท่ากับความกว้างของแผ่นพลาสติก หนักม้วนละ16.5 ปอนด์ บางม้วนมีกระดาษปิดบอกน้ำหนักไว้ด้วย มีจำนวนทั้งสิ้น10,000 กิโลกรัม บรรจุในกล่องกระดาษมีขาไม้รองรับ หรือบางม้วนไม่ได้บรรจุในกล่องกระดาษแต่ก็ยังมีขาไม้รองรับอยู่ พลาสติกเหล่านี้มีสภาพดีใช้การได้ ถือได้ว่าเป็นพลาสติกสำเร็จรูป จึงต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3335/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำแนกประเภทพิกัดอัตราศุลกากรของพลาสติกม้วน: เศษพลาสติกหรือพลาสติกสำเร็จรูป
สินค้าที่โจทก์นำเข้าเป็นพลาสติกที่เป็นแผ่นหรือแถบซึ่งม้วนพันอยู่รอบแกนกระดาษ ด้านข้างทั้งสองด้านรวมทั้งแกนกระดาษตัดเรียบเสมอกันเป็นพลาสติกใสไม่ยับยู่ยี่ ทุกม้วนหน้ากว้าง 8 นิ้ว หนักม้วนละ 16.5 ปอนด์ ซึ่งบางม้วนมีกระดาษปิดบอกน้ำหนัดไว้ทั้งยังมีพลาสติกพันหรือหุ้มห่อไว้อีกชั้นหนึ่งสภาพดีใช้การได้ มีสภาพแตกต่างจากเศษพลาสติกที่นำเข้ามาพร้อมกัน ถือได้ว่าเป็นพลาสติกสำเร็จรูปต้องชำระอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่ 39.02 ข.แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2503 จึงมิใช่เศษพลาสติกที่ใช้เป็นวัตถุดิบ สำหรับเอามาหล่อ หลอม อัด หรือผสมเป็นของสำเร็จรูปรวมทั้งการที่ต้องเสียอากรขาเข้าในพิกัดประเภทที่39.02 ก..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองข้าราชการ กรณีไม่มีศาลปกครองใช้บังคับตามบทเฉพาะกาล
พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาตรา 107 บัญญัติว่า 'เมื่อผู้บังคับบัญชา หรือ ก.พ. ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ตามความในมาตรา 104 หรือ มาตรา 105 แล้ว ผู้ถูกสั่งลงโทษเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรม ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้น' แต่ขณะนี้ยังมิได้มีการจัดตั้งศาลปกครอง กรณีจึงต้องบังคับตามมาตรา 120 ซึ่งบัญญัติว่าสำหรับการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษตามความในมาตรา 107 ยังไม่ให้ใช้บังคับ ดังนั้น ผู้ถูกลงโทษจึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีตามมาตรา 107.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองกรณีถูกลงโทษทางวินัยข้าราชการพลเรือน แม้ยังไม่มีศาลปกครอง
พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2518 มาตรา 107บัญญัติว่า "เมื่อผู้บังคับบัญชา หรือ ก.พ. ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ตามความในมาตรา 104 หรือ มาตรา 105 แล้ว ผู้ถูกสั่งลงโทษเห็นว่าตน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้น"แต่ขณะนี้ยังมิได้มีการจัดตั้งศาลปกครอง กรณีจึงต้องบังคับตามมาตรา 120 ซึ่งบัญญัติว่าสำหรับการฟ้องคดีต่อศาลปกครองของผู้ถูกลงโทษตามความในมาตรา 107 ยังไม่ให้ใช้บังคับ ดังนั้นผู้ถูกลงโทษจึงไม่มีสิทธิที่จะฟ้องคดีตามมาตรา 107.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อยังไม่ส่งมอบรถยนต์คืน
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คืนแก่จำเลย ดังนั้น เมื่อโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาโดยยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อยังไม่คืนรถ
โจทก์เป็นผู้เช่าซื้อรถยนต์จากจำเลย หากโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คืนแก่จำเลย ดังนั้นเมื่อโจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาโดยยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3149/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากผู้เช่าซื้อยังครอบครองทรัพย์สิน
โจทก์ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อก็อาจทำได้ด้วยการส่งมอบรถยนต์คันที่เช่าซื้อกลับคืนให้แก่จำเลย การที่โจทก์บอกเลิกสัญญาโดยโจทก์ยังครอบครองรถยนต์คันที่เช่าซื้ออยู่ การบอกเลิกสัญญาจึงไม่ชอบด้วย ป.พ.พ. มาตรา 573.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3132/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดในคดีภาษีอากร ศาลฎีกาเห็นว่าการหลงลืมไม่ใช่เหตุอันสมควร แม้โจทก์มีทางชนะคดี
โจทก์ขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่า ข้อกำหนดคดีภาษีอากรแตกต่างจากกระบวนพิจารณาคดีแพ่งธรรมดาทำให้หลงลืมยื่นบัญชีระบุพยาน โจทก์มีทางชนะคดี และจำเลยไม่เสียเปรียบ เหตุเช่นนี้ไม่ใช่เหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากร ข้อ 8 วรรคสี่ ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ความตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3132/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นบัญชีระบุพยานล่าช้าในคดีภาษีอากร: เหตุผลความผิดพลาดมิอาจอ้างได้หากโจทก์ทราบข้อกำหนด
โจทก์ขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานโดยอ้างเหตุว่า ข้อกำหนดคดีภาษีอากรแตกต่างจากกระบวนพิจารณาคดีแพ่งธรรมดาทำให้หลงลืมยื่นบัญชีระบุพยาน โจทก์มีทางชนะคดี และจำเลยไม่เสียเปรียบเหตุเช่นนี้ไม่ใช่เหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาที่ระบุไว้ในข้อกำหนดคดีภาษีอากรข้อ 8 วรรคสี่ ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ได้ความตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2904/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาธารณสมบัติ: สิทธิครอบครองและการเช่าที่ดิน สิทธิครอบครองสิ้นสุดเมื่อให้เช่า
สาธารณสมบัติของแผ่นดิน ประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) นั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ คงมีแต่สิทธิดีกว่าผู้อื่น ซึ่งสิทธิดังกล่าวจะมีอยู่ตลอดเวลาที่ครอบครองเท่านั้น เมื่อผู้ครอบครองให้เช่าที่ดินไปแล้ว สิทธิดีกว่าผู้อื่นก็สิ้นไปโดยผู้เช่าย่อมเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้อื่นต่อไปดังนั้น การที่โจทก์ให้ บ. เช่าที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่โจทก์ยึดถือครอบครองไป จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ บ. โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผู้ยึดถือครอบครองที่ดินดังกล่าวสืบต่อจาก บ. ได้.
of 113